เจ๊หลีโหน‘รักลุง’หาเสียง พปชร.จีบอนุสรีชิงผู้ว่าฯ

หาเสียงเลือกตั้งซ่อม กทม.โค้งสุดท้าย "มาดามหลี" ชูนโยบาย "รักลุงตู่ กาเบอร์ 7" อรรถวิชช์ลุยเดินให้ครบทุกหลัง แย้มปราศรัยใหญ่วันศุกร์มีเซอร์ไพรส์ “มทบ.11-ยย.ทบ.” จัดพื้นที่ส่วนกลางให้ “ก้าวไกล” ยันไม่ห้ามกำลังพลไปฟัง ขออย่าพูดพาดพิงสถาบัน พปชร.จ่อเปิดตัว “หญิงเก่ง” ชิงผู้ว่าฯ กทม. เร็วๆ นี้ สะพัด "อนุสรี ทับสุวรรณ" มีชื่อติดโผ

เมื่อวันที่ 26 มกราคม นางสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตหลักสี่-จตุจักร หมายเลข 7 พรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่บริเวณซอยรัชดาภิเษก 32 ทักทายประชาชน พ่อค้าแม่ค้าช่วงเช้า โดยชูนโยบาย "รักลุงตู่ กาเบอร์ 7" และรักการทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ ขอให้เลือกสรัลรัศมิ์เข้าไปทำงานในสภา ซึ่งมีประชาชนให้การตอบรับเป็นอย่างดี

"การทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยของท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเห็นว่าท่านมีความมุ่งมั่นและมีเป้าหมายที่จะทำเพื่อประโยชน์ของประเทศและคนไทย ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ท่านดำรงตำแหน่ง เราก็จะได้เห็นการทำหน้าที่แบบไม่มีวันหยุดพักผ่อนเลย ดิฉันจึงยึดถือท่านเป็นแบบอย่างในการทำงานดูแลพี่น้องชาวหลักสี่-จตุจักร มาโดยตลอดว่าเราจะมาคิดว่าเหนื่อยคิดท้อไม่ได้ เพราะขนาดท่านดูแลคนทั้งประเทศ ท่านก็ยังเดินหน้าทำเพื่อประชาชนโดยไม่เคยปริปากบ่นสักคำ" นางสรัลรัศมิ์ระบุ

ขณะที่นายสุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัคร ส.ส.เขตหลักสี่-จตุจักร พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่หาเสียงที่ชุมชนก้าวหน้า,  ชุมชนชายคลองบางบัว, ชุมชนสะพานไม้ 1, ชุมชนสะพานไม้ 2 และปิดท้ายที่ตลาดเคหะบางบัว หมู่บ้านการเคหะบางบัว โดยในระหว่างหาเสียงผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยได้พบปะกับผู้สมัครของพรรคก้าวไกลที่ได้ลงพื้นที่เดียวกัน  ซึ่งทั้งสองได้ทักทายให้กำลังซึ่งกันและกัน ก่อนแยกย้ายกันหาเสียงต่อ

นายสุชาติกล่าวถึงกรณีที่นายสิระ เจนจาคะ จะไปร้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบนโยบายหาเสียงค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ว่า เป็นเรื่องของนโยบายตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน จนถึงพรรคเพื่อไทย แต่ขอย้ำว่า หากได้โอกาสจะสามารถผลักดันให้เกิดขึ้นได้จริง ไม่ใช่นโยบายขายฝัน เพราะมีการศึกษาจากหลายฝ่ายที่มองว่า 20 บาทเหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ พร้อมฝากไปยังรัฐบาล อย่ามองว่านโยบายนี้เป็นของพรรคเพื่อไทย แต่รัฐบาลอยากให้มองประโยชน์ของประชาชน และยังไม่เห็นประเด็นว่าจะต้องร้องเรียน เพราะเสนอด้วยความบริสุทธิ์ใจ พร้อมย้ำว่า แม้จะเป็น ส.ส.ฝ่ายค้าน แต่ไม่ได้มุ่งมั่นที่จะล้มรัฐบาล แต่พยายามทำงานเชิงสร้างสรรค์ สร้างความหวังให้ประชาชนซึ่งมองว่ายุติธรรมกว่า

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมจตุจักร-หลักสี่ เบอร์ 2 พรรคกล้า กล่าวถึงการหาเสียงช่วงโค้งสุดท้าย ระหว่างการลงพื้นที่หาเสียงบริเวณชุมชนบางบัวร่วมใจพัฒนา เชิงสะพานไม้ 1 และ 2 โดยเป็นการหาเสียงพบปะพี่น้องประชาชนตามบ้าน ตามยุทธศาสตร์เดินให้ครบทุกหลัง และเตรียมหาเสียงหลังตลาด ในมณฑลทหารบกที่ 11 ว่า พยายามเดินเคาะให้ครบทุกหลัง เพราะคราวที่แล้วไม่ได้ลงเลือกตั้งที่เขตนี้ แต่มีความคุ้นเคย และอยากให้ประชาชนได้เห็นผลงานในอดีตที่เคยทำในพื้นที่สมัยเป็น ส.ส.

ส่วนกรณีที่พรรคพลังประชารัฐชูสโลแกน "รักลุงตู่ กาเบอร์ 7" นั้น ตอนนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ก็เป็นนายกรัฐมนตรี หากปรับเปลี่ยนนายกฯ วิกฤตเศรษฐกิจ วิกฤตโควิดก็ไม่ต้องแก้แล้ว เพราะจะเสียสมาธิทั้งหมด พร้อมย้ำว่าเปลี่ยนม้ากลางศึกไม่ได้ ที่พรรคพลังประชารัฐชูว่า "รักลุงตู่ กาเบอร์ 7" ไม่ได้เป็นจุดแข็งการหาเสียงในครั้งนี้ ควรเลือกในสิ่งที่คิดว่าชาติควรจะเป็น

นายอรรถวิชช์กล่าวถึงการปราศรัยในค่ายทหารช่วงเย็นว่า ต้องการไปแนะนำตัวว่าพรรคกล้าคืออะไร ทำไมแนวปฏิบัตินิยมถึงสำคัญกับประเทศนี้ หากปลูกฝังแนวปฏิบัตินิยมจะทำให้ชาติมั่นคงได้ ไม่คิดว่าการไปซ้ายสุดหรือขวาสุดจะเป็นทางออก พรรคกล้าจะไม่ยอมเป็นขวาตกขอบหรือซ้ายตกขอบเด็ดขาด แนวทางที่เดินอยู่สามารถทำได้และจะนำไปสู่ความปรองดอง ทั้งนี้ วันที่ 28 ม.ค.นี้ จะเป็นวันปราศรัยใหญ่ มีเซอร์ไพรส์ใหญ่ ขอให้ประชาชนติดตาม และการเลือกตั้งในวันที่ 30 ม.ค. เชื่อว่าเป็นการชี้ชะตาการเมืองในอนาคต เพราะเราทำแนวทางการเมืองคุณภาพ เป็นพรรคเศรษฐกิจ เป็นแนวทางที่พรรคการเมืองควรจะเป็น การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกด้วยความหวัง อย่าเลือกด้วยความเกลียดความกลัว โดยวันเลือกตั้งพรรคกล้าได้เตรียมคณะทำงานเพื่อตรวจสอบการทุจริตเลือกตั้งไว้ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายกรุณพล เทียนสุวรรณ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เลือกตั้งซ่อมเขตจตุจักร-หลักสี่ หมายเลข 6 พรรคก้าวไกล ประกาศว่ากองทัพอนุญาตให้เข้าไปหาเสียงได้ในหน่วยพื้นที่หลักสี่ ได้แก่ มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) และกรมยุทธโยธาทหารบก (ยย.ทบ.) นั้น มีรายงานว่า ขณะนี้หน่วยทหารทั้งสองหน่วยรอการแจ้งจากคณะกรรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร (กกต.กทม.) อย่างเป็นทางการ เมื่อแจ้งมาแล้วจะดำเนินการจัดพื้นที่ส่วนกลาง เช่น ตลาดนัดในหน่วย ซึ่งเป็นพื้นที่โล่งแจ้งไว้ให้ อย่างไรก็ตาม ทางหน่วยไม่ได้จัดกำลังพลเข้าฟังในครั้งนี้ แต่ปล่อยให้เป็นอิสระ แล้ว แต่ใครจะไปร่วมกิจกรรมฟังปราศรัยก็ได้ เพราะไม่มีการบังคับหรือห้ามปรามไม่ให้ไป  

สำหรับขั้นตอนในการเข้าพื้นที่หน่วยยังต้องเข้มงวดตามมาตรการในการควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 ด้วยการคัดกรองฯ จำกัดจำนวนผู้เข้าไปร่วมกิจกรรม ส่วนเนื้อหาของการหาเสียงได้แจ้งไปทาง กกต.แล้วว่าต้องขอร่วมมือพรรคการเมือง ปราศรัยด้วยถ้อยคำที่สุภาพ ไม่ไปให้ร้ายตัวบุคคลพาดพิงสถาบัน สร้างความแตกแยก ขณะที่ภาพรวมของการไปลงคะแนนเลือกผู้สมัครนั้น ผู้บังคับหน่วยปฏิบัติตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก  ในการวางตัวเป็นกลาง ไม่บังคับให้เลือกผู้สมัครพรรคการเมืองใด 

ส่วนความเคลื่อนไหวการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่คาดว่าจะมีขึ้นในเร็วๆ นี้นั้น นายจักรพันธ์ พรนิมิตร ส.ส.กทม. ในฐานะหัวหน้าภาค กทม. พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า การเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครในนามของพรรคคงจะเร็วๆ นี้ เพราะตอนนี้อยู่ในขั้นตอนสุดท้าย​ และจะสรุปชื่อนำเรียน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค และจะนำเข้าที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ

เมื่อถามว่า​ตอนนี้ชื่อว่าที่ผู้สมัครคือใคร นายจักรพันธ์กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า "อย่าเพิ่งดีกว่า เพราะอีกไม่นานก็จะเรียบร้อย”

รายงานข่าวแจ้งว่า บุคคลที่คาดว่าจะลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคพลังประชารัฐ เป็นผู้หญิง โดยอยู่ระหว่างการเคลียร์ความเรียบร้อยในด้านต่างๆ ก่อนเปิดตัวปลายเดือน ม.ค.หรือต้น ก.พ.นี้

ล่าสุด มีการจับตาว่าบุคคลที่พรรคกำลังพิจารณานั้นคือ น.ส.อนุสรี ทับสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมพลังประชาชาติไทย ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งเลขานุการผู้ว่าฯ กทม. สมัย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร

อย่างไรก็ตาม ได้รับการเปิดเผยจาก นายเขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ว่า เบื้องต้น น.ส.อนุสรียังคงเป็นสมาชิกพรรค รปช.อยู่ ถ้ามีความเคลื่อนไหวจะชี้แจงให้ทราบอีกครั้ง

 ด้านนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ ดร.เอ้ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.ของพรรค ร่วมกันลงพื้นที่สำรวจคลองหลังวัดลาดปลาเค้า ซึ่งมีสภาพเน่าเสีย ส่งกลิ่นเหม็นรบกวน มีวัดและชุมชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยนายสุชัชวีร์กล่าวว่า การไล่น้ำเน่าเสียที่อยู่ในคลองหลังวัดลาดปลาเค้าให้ไปสู่อุโมงค์ยักษ์ได้นั้น จำเป็นต้องใช้เครื่องสูบน้ำจำนวนมาก ขณะที่ประตูระบายน้ำบริเวณคลองหลุมไผ่ยังไม่เปิดใช้งาน มีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 4 ตัว แต่เปิดใช้เพียงตัวเดียว จึงทำให้น้ำเสียที่คลองหลังวัดลาดปลาเค้าไม่สามารถไหลออกไปได้ และทำให้ได้รู้พร้อมกันว่าทำไมอุโมงค์ยักษ์ที่บึงพระราม 9 จึงถูกเป็นจำเลยสังคม ถูกด่าประจำว่าใช้งานไม่ได้ เพราะน้ำมาไม่ถึง ทั้งนี้ หากได้รับเลือกเข้ามาทำหน้าที่จะต้องเพิ่มเครื่องสูบน้ำไฟฟ้าราคาไม่แพง ใช้ระบบอัตโนมัติ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง