ชัชชาติชงกทม.เขตภัยพิบัติ!แก้ฝุ่น

“จิรายุ” เผย ปภ.ช.สั่งดีเดย์จันทร์นี้  ให้ทุกหน่วยคิกออฟเคาะประตูบ้าน “ห้ามเผา” ทั่วประเทศ “คารม” บอกบังคับใช้แล้วห้ามรถควันดำมาวิ่งบนท้องถนน “ชัชชาติ” เตรียมชงประกาศให้  กทม.เป็นเขตภัยพิบัติเพื่อมีอำนาจแก้ฝุ่น

เมื่อวันที่ 31 ม.ค.2568 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษากองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ปภ.ช.) เปิดเผยว่า ในการประชุม  ปภ.ช. กรมควบคุมมลพิษได้รายงานถึงสถานการณ์ฝุ่นว่า หลายพื้นที่มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) อยู่ในระดับสีส้ม ใน 48 จังหวัดในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ยังมีคุณภาพอากาศเกินมาตรฐานในระดับสีส้มทุกพื้นที่ โดยจังหวัดที่มีค่าฝุ่น PM 2.5 สูงสุดในวันนี้อยู่ที่ จ.ตราด ที่สูงถึง 71.8 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และคาดการณ์ว่าสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 จะยังสูงต่อเนื่องจนถึงวันพุธที่ 5 ก.พ.นี้ จากนั้นจะมีลมจากภาคเหนือและภาคใต้พัดเข้ามาทำให้สถานการณ์จะคลี่คลาย

นายจิรายุกล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 30 ม.ค. พบจุดความพร้อม 529 จุด และประเทศใกล้เคียงอีกมากกว่า 1,000 จุด ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เป็นโจทย์ที่ ปภ.ช.ต้องระดมสรรพกำลังเข้าแก้ไขตามข้อสั่งการของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ที่ต้องการเห็นผลการแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อลดต้นตอของฝุ่นควัน ส่วนของผลการดำเนินงานที่ผ่านมา  หลายหน่วยงานและหลายจังหวัดได้รับทราบแนวทาง และเริ่มเข้มงวดกวดขันมาตรการงดการเผา และการจัดการปัญหาไฟป่า หมอกควัน ทั้งในพื้นที่ป่าและพื้นที่เกษตรกรรมแล้ว อาทิ ภาคอุตสาหกรรม ได้สั่งปิดโรงงานน้ำตาลที่มีการเผาไปแล้ว 2 แห่ง ในจังหวัดอุดรธานีและลพบุรี

 “ในวันจันทร์ที่ 3 ก.พ.2568 เวลา 10.00 น. ปภ.ช.ได้มีข้อสั่งการให้ทุกจังหวัดจัดกิจกรรมคิกออฟเคาะประตูบ้านห้ามเผา เพื่อเป็นการประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันทุกพื้นที่ โดยใช้กลไกท้องถิ่นลงพื้นที่เคาะประตูบ้านประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจและปลูกจิตสำนึกให้กับประชาชน” นายจิรายุกล่าว

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า กรมควบคุมมลพิษ ร่วมกับกองบังคับการตำรวจจราจร กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม ขานรับนโยบายรัฐบาลในการดำเนินมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษจากฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษประเภทรถยนต์ โดยเฉพาะการตรวจจับ และระงับการใช้ยานพาหนะที่ปล่อยควันดำเกินมาตรฐาน ทั้งรถยนต์ส่วนบุคคล รถบรรทุก และรถโดยสารประจำทางที่เป็นของหน่วยงานรัฐและรถร่วมบริการ ซึ่งการปรับระเบียบใหม่ดังกล่าวเป็นการแก้ไขสาระสำคัญ เนื่องจากพบว่ามีการนำรถที่มีปัญหาควันดำซึ่งถูกติดสติกเกอร์ห้ามใช้ชั่วคราวแอบนำมาใช้วิ่งบนถนน โดยให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจด้วยการออกคำสั่งห้ามใช้ชั่วคราว ให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองยานพาหนะที่มีควันดำเกินมาตรฐานต้องนำรถไปปรับปรุงแก้ไข และนำรถมายกเลิกคำสั่งภายในระยะเวลา 15 วัน นับแต่ถูกสั่งห้ามใช้ชั่วคราว ซึ่งจากเดิมที่กำหนดภายในเวลา 30 วัน และเมื่อพ้นกำหนด 15 วันแล้ว  ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจวัดควันดำจากรถ และดำเนินการต่อไปตามแต่กรณีได้

 “การกำหนดเวลาให้เจ้าของรถที่ปล่อยควันดำเกินมาตรฐานต้องนำรถไปปรับปรุงภายใน 15 วัน จากเดิม 30 วัน จะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว มีเป้าหมายสำคัญเพื่อลดการก่อมลพิษและปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ช่วยลดโอกาสที่ผู้ขับขี่จะนำรถที่ถูกสั่งห้ามใช้ออกมาวิ่งบนถนนในช่วงที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข และอาจถูกยกเลิกทะเบียนในการใช้ยานพาหนะดังกล่าว” นายคารมระบุ

ส่วนนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงข่าวการเชิญชวนเกษตรกรเข้าร่วมกิจกรรมนาแปลงนี้ไม่เผา และลงแปลงนาเยี่ยมชมเกษตรกรใช้รถอัดฟางข้าว โดยมีผู้บริหารกรุงเทพฯ,  สส., สก. และผู้เกี่ยวข้องร่วมกิจกรรม

นายชัชชาติกล่าวว่า การเกิดฝุ่น PM 2.5 ในกรุงเทพฯ สาเหตุหลักมาจาก 3 ปัจจัย ได้แก่ ฝุ่นจากการจราจร อากาศปิดที่ทำให้ฝุ่นสะสม และการเผาผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร โดยเฉพาะเขตหนองจอก ที่แม้มีการจราจรเบาบาง แต่ยังมีค่าฝุ่นสูงใกล้เคียงกับพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นใน เนื่องจากสภาพอากาศไม่ถ่ายเทและยังคงมีการเผาในภาคการเกษตร

 “เป้าหมายของ กทม.ต้องการลดการเผาให้เป็นศูนย์ เพื่อแก้ปัญหาฝุ่นในระยะยาว และเพื่อให้การแก้ปัญหาฝุ่นมีประสิทธิภาพมากขึ้น กทม.เตรียมเสนอรัฐบาลให้ประกาศพื้นที่กรุงเทพฯ เป็นเขตควบคุมมลพิษ ซึ่งจะทำให้ผู้ว่าฯ กทม. มีอำนาจมากขึ้นในการออกมาตรการควบคุมมลพิษ เช่น การกำหนดมาตรฐานไอเสียของรถยนต์ให้เข้มงวดขึ้น ซึ่งปัจจุบัน กทม.ยังไม่มีอำนาจดำเนินการโดยตรง โดยการประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษไม่ใช่เรื่องน่ากลัว แต่จะช่วยให้สามารถบริหารจัดการปัญหาฝุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยแนวทางนี้เคยถูกนำมาใช้แล้วในหลายเมืองใหญ่ของไทย เช่น ภูเก็ตและพัทยา ซึ่งได้รับการประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษตั้งแต่ปี 2535” นายชัชชาติกล่าว

นายชัชชาติกล่าวว่า อีกหนึ่งมาตรการที่ กทม.เสนอรัฐบาล คือการย้ายหรือปรับลดการใช้ท่าเรือคลองเตย เนื่องจากท่าเรือแห่งนี้มีเรือขนาดใหญ่ใช้น้ำมันเตา ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมสูง อีกทั้งยังมีตู้คอนเทนเนอร์กว่า 1 ล้านตู้ต่อปี และรถบรรทุกเครื่องยนต์ดีเซลจำนวนมากที่เข้ามาขนส่งสินค้า ทำให้เกิดมลพิษสะสมในพื้นที่ กทม. จึงเสนอให้รัฐบาลพิจารณาลดการใช้ท่าเรือคลองเตย และหันมาใช้ระบบขนส่งทางรางแทน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘จิรายุ’ เผย เลขา สมช.-รองผบ.ตร.กลับถึงไทยแล้ว เตรียมประสานงานพาสื่อไทยไป

“ จิรายุ ”เผย เลขา สมช.-รองผบ.ตร.กลับถึงไทยแล้วเช้านี้ พร้อมส่งคลิปสรุปชาวอุยกูร์กลับมาตุภูมิเรียบร้อย "รมว.ยุติธรรม" หารือเตรียมมอบ "ธีรรัตน์ -โฆษกรัฐบาล" นำสื่อร่วมกันกลับไปตรวจสอบภายใน 30 วัน