ปลัดคลังเด้งรับลูกรัฐบาลล้างแก๊งมิจฉาชีพ-คอลเซ็นเตอร์ จี้สถาบันการเงิน-เครือข่ายมือถือ เร่งเครื่อง พ.ร.ก.ไซเบอร์ ขณะที่ "บิ๊กต่าย" เดินหน้าล้มเสาสัญญาณตัดเส้นเลือดใหญ่ PEA ตั้งโต๊ะแถลงโยนมั่นคงชี้ขาดยกเลิกสัญญาขายไฟเมียนมา เผย กฟภ.จ่อทำสัญญาการซื้อขายฉบับใหม่ ต้องระบุให้ชัดเจนไปจำหน่ายต่อให้ใคร
เมื่อวันพุธ นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบการแก้ไขพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาชญากรรมไซเบอร์ ว่าการแก้ไขกฎหมายดังกล่าวได้มีการเพิ่มโทษสถาบันการเงินและเครือข่ายมือถือด้วย ดังนั้นหลังจากนี้สถาบันการเงินจะต้องไปเร่งดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ ที่กฎหมายกำหนด ทั้งการทำงาน รวมถึงความรับผิดชอบต่างๆ ทั้งหมด โดยภายในปีนี้น่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน จากความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งตำรวจ ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ และสถาบันการเงิน ซึ่งแต่ละส่วนต้องเอาเครื่องไม้เครื่องมือที่อยู่ในความรับผิดชอบออกมาใช้
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีการตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือของประเทศเพื่อนบ้าน ที่อาจถูกนำไปใช้สำหรับการก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีว่า ได้มีการประสานทาง กสทช. และจากการตรวจสอบโดยกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พบว่าสิ่งที่เกี่ยวข้องและองค์ประกอบบุคคล เส้นทางการเงินและเสาสัญญาณ ขณะนี้เรามีข้อมูล และมีการประสานกับประเทศกัมพูชา ประเทศเมียนมา และประเทศลาว โดยมีจเรตำรวจแห่งชาติเป็นผู้เดินทางไปพูดคุยกับประเทศเหล่านี้ทั้งหมดแล้ว
“ส่วนเรื่องเสาสัญญาณ พบว่ามีเสาสัญญาณที่น่าจะเชื่อว่าเป็นการให้สัญญาณกับทางฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน แต่ได้มีการประสานงานยกเลิกพร้อมล้มเสา และหันกลับมาให้คนไทยใช้งานในหลายจุด ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการต่อไป เพื่อเป็นการตัดเส้นเลือดในเรื่องของการใช้งานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์” ผบ.ตร.ระบุ
ส่วนการลักลอบใช้ไฟของประเทศไทยนั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐกล่าวว่า เบื้องต้นเป็นเรื่องของการใช้เครื่องปั่นไฟ แต่การใช้ไฟของราชการไทยนั้น ขณะนี้ยังไม่พบข้อมูล ทั้งนี้ยังต้องดูในเรื่องของต้นทางว่าใคร มาจากไหน ข้ามประเทศไทยเป็นทางผ่าน และมีการกำหนดห้วงเวลา 7 ช่วง และมาตรการอย่างชัดเจนให้หน่วยปฏิบัติทั้งหมดดำเนินการ
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐกล่าวอีกว่า ในส่วนของเรื่องการคัดกรอง สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้ร่วมพิจารณาใช้ ตม.6 ออนไลน์ คือการกรองข้อมูลของผู้ที่จะเดินทางเข้าประเทศ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนา น่าจะเกิดเร็วที่สุด และมีการจัดทำข้อมูล โดยมอบให้กับ บก.สืบสวน สตม.เป็นผู้รับผิดชอบ
วันเดียวกัน ที่สำนักงานใหญ่ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค นายประดิษฐ์ เฟื่องฟู รองผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ในฐานะโฆษกการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และนายประสิทธิ์ จันทร์ประสิทธิ์ รองผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ร่วมชี้แจงการจำหน่ายไฟฟ้าให้สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาว่า ปัจจุบันจ่ายกระแสไฟฟ้าให้สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาจำนวน 5 จุด ในพื้นที่ดังนี้ 1.บ้านเจดีย์สามองค์-เมืองพญาตองซู รัฐมอญ บริษัท Mya Pan Investment and Manufacturing Company Limited ผู้ได้รับสัมปทานจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
2.บ้านเหมืองแดง-เมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน บริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป (พีแอนด์อี) ผู้ได้รับสัมปทานจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา 3.สะพานมิตรภาพไทย-พม่า-เมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน บริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป (พีแอนด์อี) จำกัด ผู้ได้รับสัมปทานจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา 4.สะพานมิตรภาพไทย-พม่า แห่งที่ 2 อ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง บริษัท Nyi Naung Oo Company Limited และ Enova Grid Enterprise (Myanmar) Company Limited ผู้ได้รับสัมปทานจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และ 5.บ้านห้วยม่วง-อ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง มีบริษัท Shwe Myint Thaung Yinn Industry & Manufacturing Company Limited (SMTY) ผู้ได้รับสัมปทานจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
นายประดิษฐ์ระบุด้วยว่า การจ่ายไฟฟ้าในจุดซื้อขายไฟฟ้าไปยังสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา คู่สัญญาทุกจุดซื้อขายไฟฟ้าเป็นผู้ได้รับสิทธิสัมปทานการซื้อขายไฟฟ้าจากรัฐบาลของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดยผ่านการรับรองความถูกต้องและความน่าเชื่อถือด้านเอกสารจากกระทรวงการต่างประเทศ และ PEA ประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคงของไทยในพื้นที่ก่อนจำหน่ายไฟฟ้าไปยังสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
“กรณีการงดจ่ายไฟฟ้าหรือบอกเลิกสัญญา มี 2 กรณี ได้แก่ 1) คู่สัญญาดำเนินการผิดสัญญา เช่น ไม่ชำระค่าไฟฟ้าตามกำหนด หรือไม่วางหลักประกันสัญญา 2) กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ PEA จำเป็นต้องมีหนังสือเป็นทางการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น หน่วยงานความมั่นคง กระทรวงการต่างประเทศ ก่อนการดำเนินการบังคับใช้ข้อสัญญาดังกล่าว ซึ่งเป็นกระบวนการเดียวกันกับการเริ่มทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้า หากเป็นในเรื่องนโยบาย PEA จำเป็นต้องขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี” นายประดิษฐ์ระบุ
นายประดิษฐ์กล่าวด้วยว่า สำหรับในปี 2566 สถานเอกอัครราชทูตเมียนมาประจำประเทศไทย ขอให้กระทรวงการต่างประเทศของไทยแจ้ง PEA ดำเนินการระงับการจำหน่ายไฟฟ้าในพื้นที่ 2 จุดที่บ้านวังผา อ.แม่ระมาด-บ.ก๊กโก๋ อ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง และบ้านแม่กุใหม่ท่าซุง-อ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ส่วนอีก 1 จุด ปี 2567 ในพื้นที่ อ.เชียงแสน-เมืองพงษ์ จ.ท่าขี้เหล็ก คู่สัญญาผิดนัดชำระค่าไฟฟ้า ทำให้ PEA ยกเลิกจุดซื้อขายไฟฟ้าทั้ง 3 จุดดังกล่าวแล้ว
ด้านนายประสิทธิ์ จันทร์ประสิทธิ์ รองผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กล่าวเสริมว่า การระงับจ่ายไฟให้กับประเทศเมียนมาใน 2 จุดก่อนหน้านี้ เป็นการขอความร่วมมือมาจากรัฐบาลเมียนมา ไม่ได้เป็นผลมาจากการตรวจสอบของฝั่งไทย ดังนั้นทางการฝ่ายนั้นยังไม่เคยที่จะระงับไฟ ด้วยเหตุผลภัยความมั่นคงของประเทศ ส่วนประเด็นที่หลายคนวิพากษ์วิจารณ์ว่า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ผลประโยชน์จากการขายไฟให้กับประเทศเพื่อนบ้านนั้น ยืนยันว่าการขายไฟให้กับประเทศเมียนมาไม่ได้มีมูลค่ามากอย่างที่คิด ตัวอย่างเช่น การขายไฟให้ช่วงจังหวัดท่าขี้เหล็กใน 2 จุด เป็นเงินราวๆ 50-60 ล้านบาทต่อเดือน ถ้าเทียบแล้วคล้ายๆ กับการขายไฟให้กับฟิวเจอร์พาร์ครังสิตเท่านั้น
“ส่วนการขายไฟฟ้าให้กับประเทศเมียนมาทั้ง 5 จุดนั้น มีมูลค่าประมาณ 800 ล้านบาทต่อปี ซึ่งถ้าเทียบกับการจ่ายไฟฟ้าในไทยที่มีมูลค่า 6 แสนล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็น 0.12 % ต่อปี อย่างไรก็ตาม การขายไฟฟ้าให้กับประเทศเพื่อนบ้านนั้น ในสัญญาจะมีการต่อสัญญาทุกๆ 5 ปี ซึ่งในระหว่างที่กระทำการต่อสัญญา ก็สามารถที่จะปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงสัญญาให้เข้ากับสถานการณ์ได้ ซึ่งล่าสุด กฟภ.เตรียมทำสัญญาการซื้อขายฉบับใหม่ โดยในสัญญาจะต้องให้ผู้ซื้อชี้แจงในรายละเอียดว่าจะนำไฟฟ้าที่ซื้อจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคไปจำหน่ายต่อให้ใครหรือองค์กรใดด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของอัยการ” นายประสิทธิ์กล่าว
นายประสิทธิ์กล่าวว่า หลังจากนี้ PEA จะเชิญหน่วยงานด้านความมั่นคงที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาหารือกันเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เพื่อเป็นการเร่งรัดหาข้อสรุปในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ได้อย่างเร็ว รอบคอบ และมีประสิทธิภาพที่สุด เบื้องต้นได้มีการนัดหารือกันในวันที่ 4 หรือ 6 ก.พ.68 ที่จะถึงนี้ แต่ก็ไม่ยืนยันว่าจะได้ข้อสรุปหรือไม่ ขึ้นอยู่กับข้อมูลและหลักฐานของแต่ละหน่วยงาน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หลิวจงอี้ขอโทษคนไทย กห.ดึงUSปราบแก๊งคอล
"นายกฯ อิ๊งค์" ปักธงนโยบายตำรวจรับมืออาชญากรรมข้ามชาติในยุคดิจิทัลดิสรัปชัน
‘อิ๊งค์’บี้ธปท. หั่นดอกเบี้ย เข็นจีดีพีโต
"นายกฯ อิ๊งค์" ย้ำทุกภาคส่วนต้องร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจไทย
หึ่ง!ฟันวินัยร้ายแรงโจ๊ก ไม่รอผลปปช.ไล่ออกได้
สะพัด! "โจ๊ก" ไม่รอด "บิ๊กต่าย" ยันไม่รอผล ป.ป.ช.ชี้มูล ผิดจริงเอาออกได้เลย
พ่อนายกฯโชว์ดับไฟใต้
โจรกระจอกหลบไป! "ภูมิธรรม" เตรียมเดินตาม "ทักษิณ" ที่ปรึกษาประธานอาเซียนลงใต้
ม็อบชาวนาเขย่ารบ. ขู่ปิดถนนแก้ราคาข้าวตกต่ำ/เร่งนัดสองสภาถกญัตติพท.
"พท." ชงญัตติด่วน ยื่น "ปธ.รัฐสภา" ขอมติส่งศาล รธน.วินิจฉัย
หลิวจงอี้ถกอ้วน ชงมาตรการเข้ม ปราบแก๊งคอลฯ
จับตา 19 ก.พ.นี้ “หลิว จงอี้" พบ "ภูมิธรรม" หารือ 4 ข้อเสนอปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์