ปปช.กั๊กเรียก‘ทักษิณ’แจง พท.-ภท.ปัดร้าวเลือกอบจ.

“ทวี” ไม่กังวล “เสรีพิศุทธ์” จ้องจับยัดคุกเซ่นคดีชั้น 14 สวนไม่รู้อ่านกฎหมายฉบับไหน  ลั่นไม่ขอฟังคนอื่นนอกจาก ป.ป.ช. “สาโรจน์” ยันยังอยู่ขั้นตอนพยานบุคคลและเอกสาร ไม่ฟันธงจะเรียก “ทักษิณ-แพทองธาร” มาให้ข้อมูลหรือไม่ แต่จ่อลุย รพ.ตำรวจแน่ “นายกฯ อิ๊งค์” รับไม่กังวลเลือกตั้ง อบจ. ชี้แต่ละคนทำหน้าที่ตัวเอง เชื่อไม่กระทบพรรคร่วมรัฐบาลเพราะเหมือนแข่งขันกีฬา “โรม” ปูดมีข้อมูลซื้อเสียงโค้งสุดท้าย จี้ กกต.เร่งทำหน้าที่สมกับกินภาษี หึ่ง! นครพนมแจกหัวละ 500  บาทในรูปอั่งเปา

เมื่อวันอังคาร ยังคงมีความต่อเนื่องในกรณี  พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ระบุจะเอาคนที่เกี่ยวข้องกับการพักรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเข้าคุกทั้งหมด โดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ในชั้นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แล้ว ขอให้อยู่ในดุลยพินิจของ ป.ป.ช. อำนาจอยู่กับ ป.ป.ช.

ถามว่า การที่ยังไม่ได้เวชระเบียนจาก รพ.ตำรวจ จะทำให้เป็นจุดอ่อนในเรื่องนี้หรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า เชื่อว่า ป.ป.ช.ต้องสอบสวนเรื่องนี้อยู่แล้ว อยู่ในดุลยพินิจ ป.ป.ช. เมื่อถามย้ำว่า จนถึงปัจจุบันยังไม่มีใครเห็นเวชระเบียน พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ต้องถาม ป.ป.ช. ทาง ป.ป.ช.ไม่เห็นออกมาบ่นอะไรเลย ป.ป.ช.เขาก็มีโฆษกสำนักงานอยู่แล้ว เดี๋ยวรอดู เพราะเราไม่อยากฟังจากคนที่ไม่ใช่ ป.ป.ช.พูด

 เมื่อถามว่า เวชระเบียนจะเป็นตัวยืนยันใช่หรือไม่ว่านายทักษิณป่วยจริงหรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ไม่มั่นใจ แต่ ป.ป.ช.เขาจะใช้ดุลยพินิจ ซึ่งอาจเรียกคนไปสอบแล้วอาจเพียงพอแล้วก็ได้ คำว่าพยานอาจมีทั้งพยานบุคคล พยานเอกสาร พยานวัตถุ ดังนั้น ปกติเมื่อเรียกไปไต่สวน เขาอาจใช้พยานอันใดอันหนึ่งก็ได้ ทั้งหมดอยู่ในดุลยพินิจของ ป.ป.ช.

ต่อข้อถามว่า ส่วนตัวจะพิจารณาด้วยหรือไม่ว่าอาการป่วยของนายทักษิณถึงขั้นวิกฤตและควรไปแผนกใดแผนกหนึ่งก่อนจะไปที่ชั้น 14 หรือไม่  พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ไม่มีภาษานี้ในกฎหมายราชทัณฑ์ ซึ่งกฎหมายราชทัณฑ์บอกเพียงว่าถ้ามีอาการป่วยให้ส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว และให้อำนาจแพทย์ ซึ่งมีกระบวนการอยู่แล้วว่าอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์ ส่วนราชทัณฑ์แค่เจ้าหน้าที่พยาบาลก็ได้ หรือมีเจ้าหน้าที่ที่ผ่านการฝึกก็ได้ เพราะเขาถือว่าโรงพยาบาลที่ส่งก็คือเรือนจำอยู่แล้ว

เมื่อถามอีกว่า ก่อนส่งตัวจำเป็นต้องขออนุญาตศาลก่อนหรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า กฎหมายไม่มีระบุไว้ เราต้องปฏิบัติตามกฎหมาย รัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดเจน มาตรา 53 รัฐต้องปฏิบัติตามและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งกฎหมายเป็นลายลักษณ์อักษรที่ชัดเจน ไม่มีข้อความกำกวมหรือให้เป็นสมบัติของใคร เช่น ไม่มีคำว่าวิกฤต กฎหมายเมื่อคนทั่วไปได้อ่านก็ต้องเข้าใจ ผู้พิพากษาอ่านก็ต้องเข้าใจ หรือประชาชนที่รู้หนังสืออ่านก็ต้องเข้าใจ

ถามย้ำว่า พล.ต.อ.เสรีศุทธ์มองว่าต้องขออนุญาตศาลก่อนเคลื่อนย้ายผู้ต้องขัง พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ไม่รู้ท่านอ่านกฎหมายฉบับไหน กรมราชทัณฑ์ใช้ พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 ซึ่งปีๆ  หนึ่งเราส่งเกือบแสนคน หลายหมื่นคน จะเป็นลักษณะอย่างนี้หมด

เมื่อถามว่า ส่วนตัวกังวลหรือไม่ เพราะ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ระบุว่าจะเอาผิดกับตัวท่านด้วย  พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ไม่มีความกังวลเลย เพราะเราทำตามกฎหมายและระเบียบทุกอย่าง

ด้านนายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการ ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ถึงการที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์เข้าให้ข้อมูลกับ ป.ป.ช. กรณีนายทักษิณพักรักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ จะมีขั้นตอนการดำเนินการต่อไปอย่างไร ว่าการไต่สวนเป็นเรื่องที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ทั้งคณะจะไต่สวน และได้มอบหมายกรรมการ ป.ป.ช.ผู้รับผิดชอบคดี ดังนั้น จะเป็นหน้าที่ของกรรมการผู้รับผิดชอบสำนวน กับคณะเจ้าหน้าที่ที่ดำเนินการ ซึ่งตอนนี้ได้ไต่สวนทั้งพยานบุคคล และเรียกพยานเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะนำเสนอองค์คณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยยังอยู่ระหว่างกระบวนการไต่สวน

กั๊กเรียกทักษิณ

เมื่อถามว่า ต้องเรียกนายทักษิณมาให้ถ้อยคำต่อองค์คณะกรรมการไต่สวนหรือไม่ เนื่องจากเป็นบุคคลหลักเรื่องนี้ นายสาโรจน์กล่าวว่า เราไต่สวนการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะฉะนั้นถ้าคณะกรรมการ ป.ป.ช.เห็นว่ามีพยานบุคคลใดมีความจำเป็นต้องให้ข้อมูลข้อเท็จจริง จึงจะมีมติใครไปดำเนินการไต่สวน ซึ่งไม่สามารถยืนยันได้ว่าต้องเรียกบุคคลใดมาสอบบ้าง แต่ในหลักการบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำให้ข้อเท็จจริงถูกต้องครบถ้วนคณะกรรมการ ป.ป.ช.ก็จะพิจารณา เพื่อเข้ามาให้ข้อมูล

ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์เสนอให้เรียก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ และครอบครัวของนายทักษิณ ที่ได้เข้าเยี่ยมชั้น 14 รพ.ตำรวจมาให้ถ้อยคำด้วยนั้น นายสาโรจน์ระบุว่า การเสนอแนะหรือการให้ข้อมูลต่างๆ เป็นอีกมุมหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่กรรมการ ป.ป.ช.จะพิจารณาว่าบุคคลต่างๆ  เกี่ยวข้องกับประเด็นที่กำลังไต่สวนอยู่หรือไม่ จำเป็นต้องเชิญเข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมหรือไม่ เป็นดุลพินิจของกรรมการ ป.ป.ช. แต่หลักการคือต้องได้ข้อมูลถูกต้องครบถ้วนมากที่สุด

เมื่อถามว่า ต้องลงพื้นที่ที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจด้วยหรือไม่ นายสาโรจน์กล่าวว่า เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ต้องพิจารณา เพราะ รพ.ตำรวจเป็นสถานที่เกิดเหตุ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ก็อาจมีดุลพินิจให้ไปตรวจสอบว่ามีข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ไต่สวนมากน้อยเพียงใด ถ้าดูตามเนื้อหาก็อาจมีเหตุที่ต้องไป

ส่วนการทำงานของคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีความกดดันหรือไม่ เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพล และเกี่ยวข้องกับอำนาจรัฐ นายสาโรจน์กล่าวว่า เท่าที่ทราบไม่มีประเด็นพวกนี้ เพราะเป็นกระบวนการรวบรวมพยานหลักฐาน ณ วันนี้ยังไม่ไปถึงขั้นตอนแจ้งข้อกล่าวหาบุคคลใด โดยหลังรวบรวมพยานหลักฐานเสร็จ จึงจะมาพิจารณาว่ามีบุคคลใดที่พยานหลักฐานในการไต่สวนมีส่วนร่วมกระทำผิด ก็จะพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหา และให้โอกาสชี้แจงข้อกล่าวหา เป็นไปตามกระบวนการปกติในการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช.อยู่แล้ว

เมื่อถามว่า กระบวนการไต่สวนจะไม่ล่าช้าออกไปเรื่อยๆ ใช่หรือไม่ เลขาธิการ ป.ป.ช.ระบุว่า ไม่ เรื่องการไต่สวนสาระสำคัญอยู่ที่ความครบถ้วนของข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน ซึ่งกรอบเวลาต่างๆ เพื่อเป็นกรอบทำงาน อาจไม่เต็มตามกรอบที่กำหนดไว้ ถ้าพยานหลักฐานครบถ้วนเพียงพอ หรืออาจเกินกรอบหากยังมีข้อเท็จจริงที่เห็นว่าต้องไต่สวนเพิ่มเติม ซึ่งการไต่สวนต้องให้ความเป็นธรรมทั้งต่อผู้ถูกกล่าวหาและผู้กล่าวหา ต้องทำให้ครบถ้วน

เมื่อถามย้ำว่า จะไม่ถูกข้อครหาเป็นการประวิงเวลาใช่หรือไม่ นายสาโรจน์กล่าวว่า ขอให้สื่อมวลชนติดตามดูว่า ตั้งแต่ ป.ป.ช.มีมติรับเรื่อง มีมติสั่งไต่สวนบุคคลที่เกี่ยวข้อง และดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ถ้าเรากังวลใจเรื่องนี้จริง ก็อยากให้สื่อช่วยติดตาม เพื่อเป็นกระบอกข่าวสื่อสารไปยังประชาชนว่า ป.ป.ช.พยายามทำหน้าที่อย่างเต็มที่อยู่แล้ว

สอย 44 สส.ยังไต่สวนอยู่

นายสาโรจน์ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาเรื่องร้องเรียนจริยธรรมร้ายแรง 44 สส.อดีตพรรคก้าวไกล ที่ร่วมลงชื่อเสนอร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่า ป.ป.ช.ได้มีการตั้งกรรมการไต่สวน ซึ่งการรวบรวมพยานหลักฐานในการไต่สวนทั้งพยานบุคคลและพยานเอกสารก็ค่อนข้างครบถ้วน โดยขั้นตอนต่อไปต้องนำเสนอข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานต่อคณะกรรมการไต่สวนที่ ป.ป.ช.มอบหมายมาพิจารณา ซึ่งเป็นกระบวนการปกติ ซึ่งสำนวนคดีหากเป็นเรื่องเดียวกันจะรวมเป็นสำนวนเดียวกัน แต่เวลาดำเนินการต้องพิจารณาพฤติการณ์เป็นรายบุคคล ว่ามีบุคคลใดเข้าข่ายหรือมีพยานหลักฐานฟังว่าเป็นผู้กระทำความผิดหรือไม่อย่างไร เข้าข่ายการฝ่าฝืนจริยธรรมหรือไม่

ส่วนนายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติให้มีการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ในวันที่ 18 ก.พ. ที่ จ.สงขลา

ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ครม.จะเดินทางในวันที่ 16 ก.พ. และวันที่ 17 ก.พ. จากนั้นจะประชุม ครม.สัญจร ในวันที่ 18 ก.พ. ซึ่ง น.ส.แพทองธารจะลงพื้นที่หลายจังหวัด ตั้งแต่ 16-18 ก.พ. โดยที่แรกคือ จ.ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และจังหวัดใกล้เคียง และได้มอบหมายให้ ครม.และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องแจ้งกำหนดการล่วงหน้าว่าจะลงพื้นที่ไปดูส่วนราชการใด จะติดตามงานด้านใด 

ขณะที่ น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์หลังการประชุม ครม.ในประเด็นเกี่ยวกับเรื่องบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของนายกฯ โดย น.ส.แพทองธารยิ้มพร้อมทั้งหัวเราะและแซวว่า "ท่านนี้มาทีไร ถามเรื่องทรัพย์สินทุกที" เดี๋ยวเอาคอนแทกต์ทนายให้เลยดีกว่า เพราะเดี๋ยวตอบผิด ฝากเลขาฯ นำเบอร์ให้หลังไมค์ให้โทร.เลย ไม่เช่นนั้นจะตอบผิด เพราะดิฉันเสี่ยงเยอะอยู่ คุยกับทนายดีกว่า” จากนั้น น.ส.แพทองธารได้กล่าวว่า ให้อีกหนึ่งคำถามที่ไม่เกี่ยวกับทรัพย์สินก็ได้ ผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวตอบกลับว่า เกี่ยวกับเรื่องทรัพย์สินทั้งหมดเลย  นายกฯ อุทานทีเล่นทีจริงว่า “อ้าวตาย โอเค งั้นเดี๋ยวรอ ขอบคุณมากค่ะ ช่วยเซฟดิฉันด้วยนะคะ” พร้อมทั้งยิ้มอย่างอารมณ์ดี

ด้านนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคกล้าธรรม กล่าวถึงความคืบหน้าของพรรคว่า จะประชุมใหญ่ในช่วงเช้าของวันที่ 3 ก.พ. โดยจะเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ และหลังจากวันนั้นจะทำบุญ ณ ที่ทำการบริหารพรรค โดยพรรคมี สส. 24 คน ซึ่งคาดว่าจะบวกเพิ่มขึ้นมาอีกเรื่อยๆ

นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมการพรรคร่วมพรรคค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ได้เตรียมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการอภิปรายจะอยู่ในช่วงเดือนครึ่งแรกของเดือน มี.ค. โดยช่วงต้นเดือนหน้าได้นัดพูดคุยกับพรรคร่วมฝ่ายค้านไว้แล้ว โดยพรรคไทยสร้างไทยจะเป็นเจ้าภาพ

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. พรรคประชาชน เคยระบุว่ามีคนในพรรคร่วมรัฐบาลทนไม่ไหว ส่งข้อมูลการอภิปรายมาให้ นายปกรณ์วุฒิยิ้มพร้อมกล่าวว่า  เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ ตั้งแต่เป็น สส.สมัยที่แล้วก็เคยมี สส.ฝั่งรัฐบาลนำข้อมูลบางอย่างมาให้ ซึ่งกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ในหลายๆ เรื่องในพรรคร่วมรัฐบาล เป็นสิ่งที่ควรถูกแก้ไข แต่เขาไม่สามารถพูดเองได้ เหมือนน้ำท่วมปาก

อิ๊งค์ไม่กังวลเลือก อบจ.

สำหรับความเคลื่อนไหวในการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นั้น นายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พร้อมคณะ ได้เข้าร่วมพิธีเปิดกิจกรรมโค้งสุดท้ายการเลือกตั้ง ส.อบจ. 29 จังหวัด และนายก อบจ. 47 จังหวัด หรือ Big day ที่อาคารยิมเนเซียม สนามกีฬา จ.นนทบุรี

ขณะที่ น.ส.แพทองธาร กล่าวถึงโค้งสุดท้ายการเลือกนายก อบจ.มีอะไรกังวลหรือไม่ ว่าไม่มี หากพูดในนามหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ก็หาเสียงเต็มที่ เพื่อหวังว่าคนของพรรค พท.จะได้มีโอกาสดูแลประชาชนในท้องถิ่นให้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น และไม่ว่าเป็นข้าราชการหรืออะไร ทุกคนทราบหน้าที่ของตนเองอยู่แล้ว จึงไม่น่ากังวลใดๆ เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ให้ดูแลท้องที่อยู่แล้ว

เมื่อถามว่า นายทักษิณที่เป็นผู้ช่วยหาเสียงของพรรค พท.หาเสียงอย่างดุเดือด น.ส.แพทองธารหัวเราะพร้อมตอบว่า "ผู้ช่วยหาเสียงของดิฉันดุเดือดพอสมควรใช่ไหมคะ ตัวจริงใจดีจะตาย แต่เวลาหาเสียงดุเดือดทุกที งงเหมือนกัน"

ถามว่า มีการมองว่าพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทยสู้กันอย่างหนัก จะส่งผลกระทบต่อพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ น.ส.แพทองธารหันไปหารองนายกฯ ก่อนกล่าวว่า วันนี้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ไม่สบาย ซึ่งความจริงการลงแข่งเลือกตั้งเหมือนการกีฬา ใครส่งทีมไหนก็เชียร์ให้ทีมของตัวเองชนะ ไม่จำเป็นว่าจบการกีฬาแล้วต้องโกรธกันหรือเกลียดกัน อย่างการเมืองเราไม่ได้เกลียดใคร เราสู้ด้วยประเด็น ออกจากห้องก็นั่งทานข้าวกันเหมือนเดิม อย่ามองการเมืองว่าเราจะมองหน้ากันไม่ได้เลย การหาเสียงทุกพรรคมีสิทธิ์ที่จะส่งผู้สมัคร และทุกคนก็เต็มที่กับการหาเสียง

เมื่อถามว่า กรณีนายทักษิณปราศรัยที่เวที จ.ศรีสะเกษ ในลักษณะไล่หนูตีงูเห่า แต่ข้อเท็จจริงพรรคภูมิใจไทยร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยอยู่ จะอธิบายประชาชนอย่างไร น.ส.แพทองธารกล่าวว่า  ถึงบอกให้มองเรื่องนี้เหมือนกีฬา การลงแข่งเลือกตั้งท้องถิ่นก็ถือว่าเป็นคนละพรรคกัน อันนี้ชัดเจนอยู่แล้วไม่ต้องงง เพราะเราคนละพรรคอยู่แล้ว แต่เราเป็นรัฐบาลเดียวกัน ไม่ต้องงง เพราะเราเป็นรัฐบาลหลายพรรค

นายอนุทินกล่าวถึงข้อสังเกตไม่ร่วมยืนแถลงข่าวร่วมกับนายกฯ หลังประชุม ครม.ว่า แค่วันนี้วันเดียว เพราะเสียงไม่มี และในช่วงเช้าที่ผ่านมาก็ไปหาหมอมา หลังจากได้เดินทางไปพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เพื่อประชุมหารือผู้ว่าฯ 17 จังหวัดเพื่อแก้ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5

เมื่อถามว่า การเลือกตั้งนายก อบจ. พรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทยแข่งขันกันดุเดือด มีผลต่อการทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทินย้อนถามกลับว่า สู้ที่ไหน ตัวเองไม่ได้ลงไปช่วยหาเสียงเลย

ถามอีกว่า นายทักษิณขึ้นเวทีปราศรัยใช้วาทกรรมไล่หนูตีงูเห่า นายอนุทินกล่าวว่า ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวอะไรเลย ส่วนคำว่าไล่หนูตีงูเห่ามันเป็นคำสมัย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย เคยพูดไว้ ก่อนการเลือกตั้งปี 2566 ในสมัยที่เป็นหัวหน้าพรรค

โรมจี้ กกต.สอบเงิน 200

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค ปชน. กล่าวว่า มีข่าวหนาหู เรื่องความพยายามที่จะจ่ายเงินให้ประชาชน ทำให้เจตจำนงของประชาชนถูกบิดผันไป บางพื้นที่อาจจ่าย 500 บาท บางพื้นที่ 1,000 บาท บางพื้นที่มีสัญญาแบ่งกันเป็นรายงวด โดยเมื่อวันที่ 27 ม.ค.เดินทางกลับมาจากเชียงใหม่ มีประชาชนเข้ามาแจ้งเบาะแสว่ามีการจ่ายเงินซื้อเสียงไปแล้ว โดยหวังว่าคงจะไม่ใช่จังหวัดเชียงใหม่

ต่อข้อถามถึงกรณีนายทักษิณที่ จ.มหาสารคาม โดยมีป้าปาถุงขึ้นไปบนเวที เพราะไม่พอใจเรื่องเงิน 200 บาท นายรังสิมันต์กล่าวว่า กรณีนี้ชัดเจนมาก และได้ติดตามเหมือนกับหลายคน แต่เหมือนมีความพยายามจากเจ้าหน้าที่รัฐ ที่จะให้คุณป้าคนดังกล่าวไม่พูดหรือขยายความเรื่องเงิน ซึ่งตนจะไม่อยู่เฉย และติดตามอยู่ ตอนนี้มีกรณีที่ชัดเจนแล้วว่ามีการส่อในการใช้เงินซื้อสิทธิ์ขายเสียง คำถามคือ กกต. ซึ่งมีหน้าที่ได้ทำอะไรมากน้อยแค่ไหน ขอฝากถึงนายแสวง บุญมี เลขาฯ กกต. ให้ทำหน้าที่ให้สมกับการเป็น กกต.

เมื่อถามถึงการแจกเงิน 10,000 บาท ในช่วงการเลือกตั้ง อบจ. จะทำให้พรรคประชาชนเสียเปรียบหรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า ต้องทำความเข้าใจว่าเงิน 10,000 บาทนี้ เป็นเงินของประชาชนอยู่แล้ว เป็นเงินที่มาจากภาษีของประชาชน ไม่ใช่เป็นหนี้บุญคุณใคร เป็นสิ่งที่ประชาชนควรได้รับ

ส่วนความเคลื่อนไหวในต่างจังหวัดนั้น พบว่าโลกโซเชียลใน จ.นครพนม ร้อนระอุตั้งแต่เช้า หลังมีการเผยว่าผู้สมัครนายก อบจ.นครพนมรายหนึ่งคิกออฟพร้อมกันทั้ง 12 อำเภอ ปูพรมแจกอั่งเปาให้ชาวบ้านหัวละ 500 บาท เพื่อจูงใจให้ลงคะแนนเลือกเป็นนายก อบจ.นครพนม และช่วงเย็นหัวคะแนนไล่แจกเงินซื้อเสียงในเขตเทศบาลเมืองฯ สอดคล้องกับข้อมูลของธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ว่ามีการขอเบิกเงินสดจำนวน 20 ล้านบาท และต้องเป็นแบงก์ 500 บาททั้งหมด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘แพทองทัวร์’! บินไปเมืองจีน หารือ ‘สีจิ้นผิง’

อุ๊งอิ๊งทัวร์ เปิดกำหนดการนายกฯ เยือนจีน คุย "สี จิ้นผิง" เจริญสัมพันธไมตรีครบรอบ 50 ปี และร่วมลงนามความตกลงฯ ก่อนบินต่อ “ฮาร์บิน” ร่วมงาน “เอเชียนเกมส์ฤดูหนาว”