สภา415เสียง แก้ไขข้อบังคับ คนนอกรื้อรธน.

“รัฐสภา” ถกแก้ข้อบังคับการประชุม "สว.-รทสช." รุมค้านเปิดทาง "คนนอก-คนต้องโทษร้ายแรง" ร่วมวง กมธ.แก้ รธน. โวยเท่ากับไม่ไว้วางใจสมาชิกรัฐสภา “สว.รัชนีกร”  เดือดจัด ท้า สส.รอบหน้าลงสมัคร สว.ด้วย จะได้รู้ว่ามันยากแค่ไหน ก่อนที่ประชุมลงมติผ่านฉลุย 415 เสียง ไม่เห็นด้วย 185 เสียง ตั้ง กมธ.วิสามัญ 18 คน ขณะที่ “หมออ๋อง” คัมแบ็กอีกรอบ นั่ง กมธ.สัดส่วน ปชน. ด้าน สว.เสียงข้างน้อยร่วมเป็น กมธ.ด้วย

ที่รัฐสภา วันที่ 14 มกราคม ในการประชุมรัฐสภา เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน คือร่างข้อบังคับการประชุมรัฐสภา (ฉบับที่...) พ.ศ..... เสนอโดยนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม

ทั้งนี้ นายพริษฐ์ได้เสนอสาระสำคัญของสาระร่างข้อบังคับที่เสนอต่อรัฐสภา คือ การแก้ไขข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ.2563 ว่า มี 3 ประเด็นหลักคือ 1.เปิดพื้นที่ให้ประชาชนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมต่อกระบวนการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยรัฐสภาในชั้นกรรมาธิการ (กมธ.) โดยเสนอปลดล็อกและเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองหรือ สว.สามารถเสนอชื่อบุคคลทั่วไปเข้าร่วมเป็น กมธ. เหตุผลสำคัญเพื่อให้กระบวนการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญมีความรอบคอบรอบด้านมากขึ้น รวมถึงให้บุคคลภาคประชาสังคมที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ  ประสบการณ์กับการแก้รัฐธรรมนูญที่มากกว่าสมาชิกรัฐสภา แต่ไม่ได้เป็นสมาชิกรัฐสภาเข้ามามีส่วนร่วม

2.ลดการใช้กระดาษเพิ่มใช้ประโยชน์จากช่องทางออนไลน์สำหรับงานธุรการของรัฐสภา และ 3.ยกเลิกบทบัญญัติข้อบังคับการประชุมรัฐสภาที่ไม่มีความจำเป็นเกี่ยวกับหมวดการปฏิรูปประเทศ และหมวดที่เกี่ยวกับการเห็นชอบบุคคลให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการอภิปรายของสมาชิกรัฐสภานั้น พบว่าในการอภิปรายของ สว.  รวมถึง สส.พรรคร่วมรัฐบาล เช่น พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) แสดงความไม่เห็นด้วยต่อการแก้ไขในประเด็นการกำหนดให้บุคคลภายนอกที่ไม่ใช่สมาชิกรัฐสภาเข้าร่วมเป็น กมธ.แก้รัฐธรรมนูญ รวมถึงติดใจในประเด็นที่ตัดลักษณะของการพ้นตำแหน่ง กมธ. ว่าด้วยการขาดสมาชิกภาพแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิกออกไป

โดย นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว. อภิปรายว่า  การแก้ไขข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ดูเหมือนเป็นการปูทางไปสู่การแก้รัฐธรรมนูญ ตนติดใจในประเด็นการแก้ไขคุณสมบัติของบุคคลที่จะเป็น กมธ. ที่ตัดเกณฑ์ที่ กมธ.จะพ้นจากตำแหน่งใน  (4) ว่าด้วยการขาดสมาชิกภาพแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิกออก เท่ากับว่าจะให้คนที่ต้องคดีเข้ามาเป็น กมธ. การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องสำคัญ  ควรให้สมาชิกรัฐสภาดำรงตำแหน่ง หากยังให้คนที่ขาดสมาชิกภาพเป็น กมธ.ได้ ถือว่าดูแคลนกันไปหน่อย ตัดส่วนคุณสมบัติที่ขาดสมาชิกภาพออกไป จะเห็นใครมาทำหน้าที่ อ้าปากก็เห็นไปถึงริดสีดวงทวาร

ขณะที่ นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว.   อภิปรายไม่เห็นด้วยในการแก้ไขข้อบังคับข้อ 123   ที่กำหนดให้ กมธ.แก้รัฐธรรมนูญมาจากรายชื่อที่สมาชิกรัฐสภาเสนอ เท่ากับเปิดทางให้บุคคลภายนอกที่ไม่ใช่สมาชิกรัฐสภาเข้ามาทำหน้าที่  และการกำหนดสัดส่วนให้ประชาชนผู้เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าเป็น กมธ. จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของ กมธ.ที่กำหนดให้มี 45 คน ถือว่าขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 114 ที่กำหนดว่า สส. สว. หรือสมาชิกรัฐสภาเป็นตัวแทนปวงชนชาวไทย โครงสร้างตั้ง กมธ.อาจไม่สมดุล อาจลดทอนอำนาจการถ่วงดุลของ สส.และ สว. กลับเพิ่มอำนาจให้กับฝ่ายที่สนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญ

ขณะที่ นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ อภิปรายว่า  พรรครวมไทยสร้างชาติมีมติไม่รับหลักการของร่างแก้ไขข้อบังคับการประชุมรัฐสภาที่เสนอ  เนื่องจากมีประเด็นการกำหนดให้บุคคลภายนอกที่ไม่เป็นสมาชิกรัฐสภาร่วมเป็น กมธ.แก้รัฐธรรมนูญ เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องสำคัญ เป็นกฎหมายสูงสุด ควรให้สิทธิแก่สมาชิกรัฐสภา

หวั่นระบบรัฐสภาล้มเหลว

ด้านนายวิทยา แก้วภราดัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรค รทสช. อภิปรายว่า ในประเด็นกระบวนการแก้รัฐธรรมนูญมี 2 ประเด็นที่เสนอให้แก้ไข คือ การกำหนดการพ้นตำแหน่งของ กมธ. ที่ตัดการขาดจากสมาชิกภาพออกไป การขาดจากสมาชิกภาพไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องมีความผิดทุจริต ผิดจริยธรรม หรือต้องโทษที่ร้ายแรง จึงไม่สมควรทำหน้าที่ต่อฐานะตัวแทนประชาชน นอกจากนั้นในการตั้ง กมธ. ที่กำหนดสิทธิให้ผู้แทนประชาชนที่มีสิทธิเข้าชื่อเสนอกฎหมายเป็น กมธ. จำนวน 1 ใน 3 คือตัวแทนที่เตรียมไว้ ให้เข้ามาเป็น กมธ. 15 คน ซึ่งเท่ากับ สว.หรืออาจจะมากกว่า หากเอาตัวแทนผู้เสนอร่างกฎหมายเข้ามาทำหน้าที่โดยไม่ไว้วางใจฝีมือสมาชิกรัฐสภาแก้กฎหมาย  เท่ากับว่าระบบรัฐสภาล้มเหลว

 “หากไม่เชื่อว่าสองสภาทำได้ กลับเอาตัวแทนคนกลุ่มหนึ่งที่สถาปนาตัวเองเป็นผู้แทน คนที่เป็นตัวแทนตั้งตัวเป็นตัวแทนเพื่อเอาสัดส่วนนี้  คิดว่าการเปิดช่องแบบนี้ไม่เห็นด้วย” นายวิทยา อภิปราย

ขณะที่ น.ส.รัชนีกร ทองทิพย์ สว. อภิปรายด้วยความอัดอั้นตันใจ ไม่เห็นด้วยกับการตั้งคนนอกเป็นกรรมาธิการว่า สถานภาพของ สส.และ สว. เป็นเครื่องรับรองและยืนยันว่าจะรับผิดชอบต่อการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ไม่เห็นด้วยเลยกับการที่จะให้บุคคลภายนอกเข้ามาเป็น 1 เสียงในคณะ กมธ. แต่เห็นด้วยที่จะเชิญนักวิชาการ ภาคประชาสังคม ผู้มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องรัฐธรรมนูญเข้ามาให้ความเห็นในฐานะของที่ปรึกษาและในส่วนที่เขาเชี่ยวชาญ

 “สมัยหน้าท่านลง สว.ไหมคะ ท่านจะได้รู้ว่าเราเข้ามายากแค่ไหน สมัคร 1 อำเภอ เลือกกันในกลุ่มตัวเองไม่พอ ยังจะไขว้กันอีก ไขว้กันโดยการจับสลากนะคะ ไม่สามารถมองตาใครแล้วให้เลือกเราได้เลย ซื้อก็ไม่ได้ เพราะไม่รู้จะซื้ออย่างไร มันเยอะ หลังจากตัวแทนอำเภอเข้ามาแล้ว เรายังไปเป็นตัวแทนจังหวัด ใช้วิธีการเดิมอีก”  น.ส.รัชนีกรกล่าว

น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว.พันธุ์ใหม่ อภิปรายว่า ขอสนับสนุนข้อบังคับการประชุมรัฐสภาฉบับนี้ เพราะคือข้อบังคับของตัวแทนของประชาชนดำเนินการประชุมให้เป็นไปตามเจตจำนงของประชาชน ต้องขอขอบคุณพรรคประชาชนที่เห็นความสำคัญของการพัฒนาข้อบังคับการประชุมที่ต้องเปลี่ยน และข้อบังคับการประชุมข้อที่ 123 ซึ่งถือเป็นหัวใจ

ผ่านฉลุยตั้ง กมธ.วิสามัญ 18 คน

 “ตอนที่คุณจะให้เขาเลือกก็ไปกราบขอคะแนนเขา แต่พอเขาเลือกเสร็จแล้วคุณบอกว่าเขาเป็นคนนอก เขาไม่มีสิทธิ์เข้ามาในวงอำนาจนี้  กำลังหลงผิด และหวงอำนาจกันอยู่หรือเปล่า กำลังกลัวว่าโควตาหนึ่งในสามที่จะเปิดให้ประชาชนเข้ามาเป็นกรรมาธิการร่วมพิจารณารัฐธรรมนูญนั้นจะเบียดบังโควตาพรรคของท่าน กลุ่มของท่านไป น่าเสียใจ อยากจะให้ทุกท่านเปลี่ยนจากคำว่าบุคคลภายนอกเป็นบุคคลสำคัญ เพราะประชาชนนั้นคือเจ้าของอำนาจที่แท้จริง สมาชิกรัฐสภาหลายท่านกังวลจนเกินเหตุ” น.ส.นันทนากล่าว

จากนั้นนายพริษฐ์อภิปรายสรุปว่า ประเด็นการตัดเงื่อนไขให้ กมธ.พ้นจากตำแหน่งกรณีที่ขาดจากสมาชิกภาพของสภาที่เป็นสมาชิกนั้น  เป็นการแก้ไขเพื่อให้สอดรับกับกรณีที่บางพรรคหรือ สว. เสนอบุคคลภายนอกเป็น กมธ. แต่หากเขียนไว้จะมีปัญหาทางกฎหมายทันที และที่บอกว่าอาจไม่มี สส. สว. เป็น กมธ.เลยนั้น อาจเป็นไปได้ กรณีที่พรรคการเมืองและ สว.ไม่เสนอสมาชิกของสภาของตนเองได้ แต่หากเห็นว่าควรมีสมาชิกรัฐสภาอยู่ใน กมธ.ในโควตาของ สว. ไม่ต้องเสนอคนนอก เพื่อปิดปัญหา อย่างไรก็ดี หาก สว.หรือ สส.จะเสนอชื่อใคร ต้องขออนุมัติจากสมาชิกรัฐสภา หากพบว่ามี กมธ.ที่น้อยไป สามารถแก้ไขได้ หากต้องการหลักประกันสามารถรับหลักการแล้วไปแก้ไขในชั้น กมธ.ได้  ส่วนกรณีที่เสนอให้ผู้แทนประชาชนที่เข้าชื่อเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็น กมธ.นั้น เป็นกรณีพิเศษที่เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยประชาชน  ส่วนจำนวนและถ้อยคำนั้นตนดึงมาจากรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้

จากนั้น เวลา 12.00 น. ที่ประชุมลงมติเห็นด้วย 415 เสียง ไม่เห็นด้วย 185 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง เป็นอันว่าที่ประชุมเห็นสมควรรับหลักการแห่งร่างข้อบังคับการประชุม ฉบับที่... พ.ศ..... จากนั้นตั้ง กมธ.วิสามัญจำนวน 18 คน โดยแบ่งเป็น สส. 13 คน สว. 5 คน แปรญัตติ 15 วัน และนัดประชุม กมธ.ครั้งแรกวันที่ 16 ม.ค.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การตั้ง กมธ.วิสามัญในครั้งนี้ มีรายชื่อที่น่าสนใจ ได้แก่ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา อดีต สส.พิษณุโลก อดีตรองประธานสภาฯ ถูกเสนอชื่อในสัดส่วนพรรคประชาชนด้วย   ขณะที่ในการตั้ง กมธ.สัดส่วนของวุฒิสภานั้นก็เกิดปัญหาขึ้น เมื่อโควตา สว. 5 คนไม่มีรายชื่อ สว.เสียงข้างน้อยร่วมอยู่ใน กมธ.ด้วย ทำให้ สว.เสียงข้างน้อยไม่พอใจ จึงเสนอรายชื่อ สว.เสียงข้างน้อยเพิ่มขึ้นมาอีก 4 คน ทำให้มีจำนวน สว.เป็น กมธ. 9 คน ซึ่งเกินโควตา 5 คนที่ได้รับ ทำให้เกิดการโต้เถียงกันในกลุ่ม สว.เสียงข้างมากกับเสียงข้างน้อย ขณะที่ สส.บางส่วนเสนอให้ที่ประชุมรัฐสภาลงคะแนนโหวตตัดสินเลือกคนเป็น กมธ. ในที่สุดนายวันมูหะมัดนอร์สั่งให้พักประชุม 15 นาที เพื่อให้ สว.เสียงข้างมากและเสียงข้างน้อยไปตกลงเรื่องโควตา สว.ที่จะมาเป็น กมธ.ให้ลงตัวก่อน

จากนั้นเวลา 13.15 น. การประชุมร่วมรัฐสภากลับมาประชุมใหม่ หลังพักประชุมไป 45 นาที โดยมีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา  ในฐานะรองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม โดย สว.ได้เปลี่ยนแปลงรายชื่อ กมธ. 5 คน โดยมี สว.เสียงข้างน้อยร่วมเป็น กมธ.ด้วย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เสด็จฯพระราชพิธีสมมงคล

"ในหลวง" เสด็จฯ ไปในการพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าสมเด็จพระปฐมบรมกษัตริยาธิราชแห่งพระราชวงศ์จักรี