‘จ่าเอ็ม’เครียด อุบ‘ผู้มีบุญคุณ’ ตร.หิ้วฝากขัง!

ตำรวจเค้นสอบ “จ่าเอ็ม” ตลอดคืน   ยังให้การไม่เป็นประโยชน์คดียิงอดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา โดยเฉพาะผู้มีบุญคุณและคนชี้เป้า เผยมีท่าทีเครียด แต่กินได้และนอนหลับ เตรียมฝากขังค้านประกัน

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม 2568 ยังคงมีความต่อเนื่องในกรณีนายเอกลักษณ์ แพน้อย หรือ จ่าเอ็ม อายุ 41 ปี ผู้ต้องหายิงนายลิม กิมยา อายุ 73 ปี อดีต สส.ฝ่ายค้านของกัมพูชา เสียชีวิตบริเวณเกาะกลางถนนตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร  เมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา ก่อนหลบหนีไปยังประเทศกัมพูชา แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่กัมพูชาจับกุมตัวได้ขณะทานอาหารใน ต.ปเรยสวย อ.โมงรึไทร จ.พระตะบอง เมื่อวันที่ 8 ม.ค. และส่งตัวกลับมาไทยเมื่อวันเสาร์ที่ 11 ม.ค. โดยถูกควบคุมตัวที่ สน.ชนะสงคราม ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ข้อมูลสั้นๆ ว่า จ่าเอ็มมีท่าทีที่เคร่งเครียด ขอบุหรี่สูบตลอดทั้งคืน แต่ยังสามารถกินได้และนอนหลับ

ขณะที่ พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำจ่าเอ็มตลอดทั้งคืน ซึ่งจ่าเอ็มมีท่าทีที่เคร่งเครียด แต่ยังคงให้การที่เป็นประโยชน์ในส่วนพฤติการณ์ของตนเอง จนสามารถทำคำรับสารภาพประกอบวิดีโอที่เล่าพฤติการณ์ในคดีอย่างละเอียดได้ครบถ้วน โดยจ่าเอ็มยืนยันว่าเป็นบุคคลตามกล้องวงจรปิดที่จับภาพได้ทั้งหมด แต่เมื่อสอบปากคำเชิงลึกถึงข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลอื่น เช่น ผู้มีพระคุณ หรือบุคคลผู้ชี้เป้า จ่าเอ็มยังไม่ให้การที่เป็นประโยชน์ในประเด็นดังกล่าว เนื่องจากไม่ยอมตอบคำถามและต้องการสูบบุหรี่ แม้ว่าตำรวจพยายามใช้หลักจิตวิทยาในการพูดคุย แต่จ่าเอ็มก็ยังปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลในเชิงลึก รวมทั้งยังมีอาการสับสนมึนงงว่าทำอะไรลงไป และมีท่าทีวิตกกังวลกลัวว่าบุคคลอื่นที่จ่าเอ็มให้การถึงนั้นจะเดือดร้อน ทำให้พนักงานสอบสวนต้องประเมินอาการร่วมกับทนายความและแพทย์ ลงความเห็นว่าจ่าเอ็มยังมีอาการอ่อนเพลีย อิดโรย และเคร่งเครียด เนื่องจากภาวะพักผ่อนน้อย จึงมีสภาวะที่ยังไม่พร้อมให้ปากคำ ทางพนักงานสอบสวนจึงหยุดการสอบปากคำในเวลา 4 ทุ่ม ก่อนคุมตัวเข้าห้องควบคุมตัว

 “การควบคุมตัวจ่าเอ็มตลอดทั้งคืนนั้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งฝ่ายปราบปรามและสืบสวนเฝ้าบริเวณหน้าห้องควบคุมตัวตลอดทั้งคืน พร้อมทั้งได้จัดหาผ้าห่มให้ เพราะเมื่อคืนที่ผ่านมามีอากาศหนาว โดยจ่าเอ็มสามารถนอนหลับได้ตามปกติ ไม่มีท่าทีทำร้ายตัวเองแต่อย่างใด ซึ่งในช่วงเช้าวันนี้ได้จัดโจ๊กเอาไว้เป็นมื้อเช้า ซึ่งก็รับประทานได้ตามปกติ”

พล.ต.ต.อัฏธพรกล่าวต่อว่า จากการประเมินท่าทีด้านจิตวิทยาของจ่าเอ็มนั้น เท่าที่มีการสอบถามพูดคุย จ่าเอ็มรู้สึกผ่อนคลายได้ระดับหนึ่งในเรื่องของความปลอดภัย โดยเฉพาะการนอน เมื่อคืนที่จ่าเอ็มบอกกับตำรวจว่านอนหลับได้อย่างเต็มที่โดยไร้ความวิตกกังวลแต่อย่างใด เพราะที่ผ่านมาจ่าเอ็มต้องนอนแปลกที่มาโดยตลอด แต่จ่าเอ็มยังมีอาการวิตกกังวลและไม่พร้อมที่จะเจอแม่และญาติ จึงเป็นเหตุทำให้จ่าเอ็มแจ้งความประสงค์ไม่ขอพบญาติแต่อย่างใด เพราะขนาดจ่าเอ็มเห็นข่าวในโทรทัศน์ที่แม่ของจ่าเอ็มตามไปพบลูกถึง จ.สระแก้ว บริเวณชายแดน จ่าเอ็มก็มีอาการเครียดเป็นอย่างมาก

พล.ต.ต.อัฏธพรยังกล่าวถึงเหตุการณ์ที่แม่และครอบครัวของจ่าเอ็มไม่สามารถเข้าพบจ่าเอ็มได้เมื่อค่ำวันที่ 11 ม.ค.ว่า ยืนยันว่าเป็นความต้องการของตัวจ่าเอ็มเอง ไม่ใช่เกิดจากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกีดกันตามที่เป็นข่าว ตำรวจจึงต้องให้จ่าเอ็มต่อสายพูดคุยโดยตรงกับแม่ โดยจ่าเอ็มอธิบายให้แม่ฟังเพียงแค่ว่าตนเองยังไม่พร้อมจะเจอ และบอกว่าไม่ต้องการอะไร กับสำนึกผิดในสิ่งที่ทำลงไป พร้อมรับโทษในเรือนจำ ก่อนที่จ่าเอ็มจะตัดสาย เมื่อแม่ได้รับฟังเสียงของจ่าเอ็มก็เชื่อและยอมเดินทางกลับไปแต่โดยดี ส่วนจ่าเอ็มนั้นหลังวางสายจากแม่เสร็จก็ยังมีอาการเครียดและขอบุหรี่สูบทันที

สำหรับความคืบหน้าการสอบสวนในวันนี้นั้น  ตำรวจจะประเมินอาการและดูท่าทีให้จ่าเอ็มผ่อนคลายในช่วงเช้าก่อน แล้วในช่วงบ่ายจะประเมินดูอีกครั้งว่าจ่าเอ็มพร้อมให้การกับพนักงานสอบสวนอีกครั้งหรือไม่ เพราะยอมรับว่าตอนนี้จ่าเอ็มยังให้การที่ไม่เป็นประโยชน์ในเรื่องบุคคลที่อยู่เบื้องหลัง  แต่คำรับสารภาพของจ่าเอ็มถือเป็นพยานหลักฐานชั้นดีที่สามารถใช้ประกอบสำนวนคดีได้ แม้จ่าเอ็มจะไม่ประสงค์ทำแผนประกอบคำรับสารภาพก็ตาม ยืนยันว่าตำรวจได้ทำคดีนี้ตามกรอบของกฎหมาย และเป็นไปตามรูปคดีอย่างชัดเจน ซึ่งหลังจากนี้ตำรวจทั้งฝ่ายสืบสวนและสอบสวนจะทำการบ้านและเตรียมข้อมูลเพื่อสืบสวนหาบุคคลที่เป็นผู้มีพระคุณและอยู่เบื้องหลังของจ่าเอ็ม โดยเฉพาะข้อมูลจากโทรศัพท์ของจ่าเอ็ม เมื่อสามารถสืบสวนพิสูจน์ทราบได้แล้วว่าเป็นใคร ก็จะเรียกบุคคลนั้นมาสอบปากคำต่อไป

 “ในวันจันทร์ที่ 13 ม.ค. ตำรวจ สน.ชนะสงครามจะนำตัวจ่าเอ็มส่งฝากขังต่อศาลอาญาในช่วงเช้า โดยคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าจะหลบหนีและไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ซึ่งจ่าเอ็มได้แจ้งความประสงค์กับทนายความว่าจะไม่ยื่นประกันตัวและพร้อมเข้าสู่เรือนจำ เนื่องจากจ่าเอ็มเคยติดคุกมาแล้วหลายครั้ง” พล.ต.ต.อัฏธพรกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘จุรินทร์’ เผย8ปัจจัย การเมืองปี68เดือด!

"จุรินทร์" เปิด 8 ปัจจัยการเมืองปี 2568 จับตามีคดีความที่มีผู้ร้องไปยื่นร้องนายกฯ และผู้เกี่ยวข้องไว้ที่ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระต่างๆ ซึ่งปัจจุบันมีเรื่องที่ค้างอยู่อย่างน้อย

‘จ่าเอ็ม’ ผวาขออารักขา

กัมพูชาส่งตัว "จ่าเอ็ม" ให้ไทยแล้ว นำตัวเข้ากรุงสอบเครียดที่ สน.ชนะสงคราม แจ้งข้อหาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เจ้าตัวร้องขอเจ้าหน้าที่คุ้มครองเป็นพิเศษ