"จุรินทร์" เปิด 8 ปัจจัยการเมืองปี 2568 จับตามีคดีความที่มีผู้ร้องไปยื่นร้องนายกฯ และผู้เกี่ยวข้องไว้ที่ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระต่างๆ ซึ่งปัจจุบันมีเรื่องที่ค้างอยู่อย่างน้อย 13 เรื่อง อาจนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงในทางการเมือง “วรชัย” สวน “ชวน” ไม่ควรว่าใคร ถ้ายังกวาดบ้านตัวเองไม่สะอาด
เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2568 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดเผยมุมมองเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองไทยในปี 2568 ว่า การเมืองในปี 2568 จะมีความเข้มข้นขึ้น และอะไรก็เกิดขึ้นได้ โดยมีปัจจัย 8 ข้อที่จะส่งผลกระทบต่อการเมืองในปีนี้ คือ 1.ปี 2568 เข้าสู่ปีที่สามของการเลือกตั้ง ถือเป็นครึ่งหลังของวาระ 4 ปีแล้ว 2.ปีนี้เป็นปีเลือกตั้งนายก อบจ. ซึ่งมีความสำคัญกับการเมืองใหญ่ เพราะการเลือกนายก อบจ. คือการชิงธงการเมืองใหญ่ในอนาคต ใครได้นายก อบจ.มาครอบครองก็จะมีผลต่อการได้อำนาจ และเงินมาช่วยสนับสนุนการเมืองใหญ่
3.ปีนี้จะเป็นปีแห่งการชิงไหวชิงพริบทางการเมืองที่เข้มข้นขึ้น ตัวอย่างเห็นได้ชัด เช่น เรื่องค่าไฟฟ้า ฝ่ายหนึ่งลดค่าไฟจาก 4.18 บาท เหลือ 4.15 บาท ลดไป 3 สตางค์ เป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน แต่อีกฝ่ายยังเกทับจะลดเหลือ 3.70 บาท เป็นต้น 4.การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่เป็นนโยบายหาเสียงของหลายพรรคการเมือง และรัฐบาลชุดที่แล้วได้ประกาศไว้ในนโยบายเร่งด่วนว่าจะแก้ แต่เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลเป็นรัฐบาลชุดปัจจุบัน ก็ถอยจากนโยบายเร่งด่วน กลายเป็นนโยบายธรรมดา ที่สำคัญคือการแก้ทั้งฉบับที่นำไปสู่การตั้ง ส.ส.ร.เพื่อยกร่าง รธน.ใหม่ จะมีความขัดแย้งกัน ทั้งในระหว่างพรรคการเมืองและวุฒิสภาว่าจะต้องทำประชามติสองครั้งหรือสามครั้งกันแน่
อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อว่า 5.ปี 2568 จะมีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่สมควรแก่เวลาแล้วที่จะดำเนินการ แต่ขึ้นอยู่กับข้อมูลของฝ่ายค้าน สิ่งที่ประชาชนอยากเห็นคือ ฝ่ายค้านทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลแทนประชาชนมากกว่าการตรวจสอบองค์กรอิสระ หรือกลไกอื่นๆ เพราะจะทำให้ภาพการอภิปรายเบลอออกไปไม่ตรงเป้า 6.เรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หากฝ่ายค้านอภิปรายตรงเป้า การปรับ ครม.ก็อาจเกิดขึ้นได้ แม้แพ้เสียงในสภา
7.ส่วนเรื่องการยุบสภานั้น ตนเชื่อว่าไม่มีรัฐบาลใดอยากยุบสภา จะยุบสภาก็ต่อเมื่อไม่มีทางไปแล้วเท่านั้น และ 8.ที่บอกอะไรก็เกิดขึ้นได้ ก็คือเรื่องคดีความที่มีผู้ร้องไปยื่นร้องนายกฯ และผู้เกี่ยวข้องไว้ที่ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระต่างๆ ซึ่งปัจจุบันมีเรื่องที่ค้างอยู่อย่างน้อย 13 เรื่อง ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่อาจนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงในทางการเมือง ถ้าคดีเหล่านี้ถูกวินิจฉัยในทางลบกับรัฐบาล
ด้านนายวรชัย เหมะ อดีต สส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ทำนองว่าตัวเองเป็นนักการเมืองรุ่นเก่าที่ไม่โกง และทุกอย่างที่ให้สัมภาษณ์ไม่เคยอาฆาตนายทักษิณ เคยพูดว่านายทักษิณทำประเทศเหมือนธุรกิจ ทำอะไรไม่ถูกต้อง ระวังไม่มีแผ่นดินจะอยู่ ซึ่งพูดไปเมื่อ 17-18 ปีที่แล้ว ก็เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น ว่า เรื่องนี้นายชวนต้องกลับมาดูตัวเองว่าเมื่อก่อนนายชวนนำพรรคประชาธิปัตย์อย่างไร แล้ววันนี้ในพรรคประชาธิปัตย์นายชวนมีพวกกี่คน
"แสดงให้เห็นว่า นายชวน ที่เคยบอกว่าต้องมีคนคอยปิดทองให้ แต่พฤติกรรมที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าเป็นทองเก๊ วันนี้ได้หายละลายจนดำไปหมดแล้ว เพราะพรรคตัวเองวันนี้คนยังไม่ให้ความเคารพและเชื่อถือ แล้วจะไปว่าคนอื่นได้อย่างไร"
นายวรชัยกล่าวว่า ที่สำคัญที่บอกว่าไม่โกง นายชวนควรหันไปดูคนในครอบครัว ที่มีเรื่องมีราวคาอยู่ในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่าทำตัวดีหรือไม่ ดังนั้นการออกมาพูดแบบนี้ ไม่ละอายใจบ้างหรือที่คนในบ้านเป็นแบบนั้น แล้วไปว่าคนอื่น นายชวนไม่ควรออกมาพูดเช่นนี้ หากคนในบ้านตัวเองยังมีเรื่องด่างพร้อย ยังกวาดไม่สะอาด ให้คนเขาว่าตามหลังได้
วันเดียวกันนี้ จากกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล จับมือกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในพิธีฉลองมงคลสมรสระหว่างนายธนาธร โล่ห์สุนทร สส.ลำปาง เขต 2 พรรคเพื่อไทย (พท.) บุตรชายนายไพโรจน์ โล่ห์สุนทร อดีต สส.ลำปาง พรรค พท. กับ น.ส.รภัสสรณ์ นิยะโมสถ สส.ลำปาง เขต 4 พรรคประชาชน (ปชน.)
นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล หรือเจี๊ยบ อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความเกี่ยวกับภาพดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊ก Amarat Chokepamitkul อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ระบุว่า “เห็นแค่ภาพร่วมเฟรมยังรู้สึกอยากอาเจียนเลย ขอบคุณที่อยู่ในจุดที่เลือกได้และเลือกไม่พาตัวเองไปจุดนั้น”
ประเด็นนี้นำไปสู่การวิพากษ์วิจารณ์ในสื่อโซเชียลว่า นางอมรัตน์เหน็บแนมไปถึงนายพิธาและ น.ส.พรรณิการ์ด้วย ทำให้เห็นว่าเริ่มมีรอยปริระหว่างกลุ่มแกนนำในพรรคประชาชนและคณะก้าวหน้า.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘จ่าเอ็ม’ ผวาขออารักขา
กัมพูชาส่งตัว "จ่าเอ็ม" ให้ไทยแล้ว นำตัวเข้ากรุงสอบเครียดที่ สน.ชนะสงคราม แจ้งข้อหาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เจ้าตัวร้องขอเจ้าหน้าที่คุ้มครองเป็นพิเศษ
เป็นแม่ที่ดีหรือยัง! ‘อิ๊งค์’ เปิดอกวันเด็กสมัยก่อนไม่มีไอแพดโวยถูกบูลลี่
"นายกฯ อิ๊งค์" เปิดงานวันเด็กคึกคัก! เด็กขอถ่ายรูปแน่น พี่อิ๊งค์ล้อมวงเปิดอกตอบคำถามเด็กๆ มีพ่อเป็นต้นแบบ เผยวัยเด็กไม่มีไอแพด โทรศัพท์ ไลน์ พี่มีลูกสองคน
‘บิ๊กอ้วน’ เอาใจทอ. เคาะซื้อ ‘กริพเพน’
ปิดจ๊อบภายในปีนี้! "บิ๊กอ้วน" ไฟเขียว ทอ.เลือก "กริพเพน" มั่นใจคนใช้เป็นคนเลือก รออนุมัติแบบหลังทีมเจรจาออฟเซตกับสวีเดนจบ แจงทูตสหรัฐแล้ว ไทยยันไม่มีนโยบายกู้เงินซื้ออาวุธตามข้อเสนอขายเอฟ
กฤษฎีกายี้กม.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
จับตา ครม.ถกร่าง กม.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ 13 ม.ค.นี้
กสม.ตบปากทักษิณ ซัดปราศรัยเหยียดเชื้อชาติ/‘พท.’ชง‘ลูกอิ๊งค์’คุยพ่อลดดีกรี
"ประธาน กกต." ลั่นพร้อมดูแลเลือกตั้งนายก อบจ. 1 ก.พ.แล้ว
ชทพ.ย้ำห้ามแตะสถาบัน สว.ค้านหั่นเสียง‘สภาสูง’
ชาติไทยพัฒนายันแก้รัฐธรรมนูญห้ามแตะต้องหมวด 1 และ 2 เด็ดขาด “สว.” ย้ำไม่เอาแน่หากเสนอตัดเสียงสภาสูงออก