กัมพูชาส่งตัว "จ่าเอ็ม" ให้ไทยแล้ว นำตัวเข้ากรุงสอบเครียดที่ สน.ชนะสงคราม แจ้งข้อหาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เจ้าตัวร้องขอเจ้าหน้าที่คุ้มครองเป็นพิเศษ ตร.เผยคนร้ายหนีออกไปทางภาคตะวันออก ใช้ขั้นตอนและวิธีการที่ตบตาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนอย่างแยบยล หวิดไม่ได้ตัว
เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2568 มีความคืบหน้าการนำตัวนายเอกลักษณ์ แพน้อย หรือ “จ่าเอ็ม” อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาคดีสังหารอดีต สส.กัมพูชา มาส่งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย ล่าสุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ประสานงานกับทางการกัมพูชา ขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน โดยทางการกัมพูชานำโดย พล.ต.อ.ซอ เทศ ผบ.ตร.กัมพูชา พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจกัมพูชา ได้นำตัวนายเอกลักษณ์มาส่งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย ณ ด่านตรวจคนเข้าเมือง เขาดิน-พนมได ชายแดนไทย-กัมพูชา ต.คลองหาด อ.คลองหาด จ.สระแก้ว
โดยมี พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้ช่วย ผบ.ตร. นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบนครบาล, กก.สส.ภ.จว.สระแก้ว, สภ.คลองหาด และ ตม.จว.สระแก้ว รอรับตัวผู้ต้องหา บรรยากาศในระหว่างการส่งมอบตัวผู้ต้องหาเป็นไปด้วยความราบรื่น ด้วยการประสานงานและได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกัมพูชา
หลังการส่งมอบตัวผู้ร้ายข้ามแดน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. จึงได้ทำการจับกุมตัวตามหมายจับ ก่อนนำตัวกลับกรุงเทพมหานคร โดยมี พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. และคณะพนักงานสอบสวนรอขยายผลอยู่ที่ สน.ชนะสงครามต่อไป
ทั้งนี้ เวลา 13.43 น. พล.ต.ท.สมประสงค์ พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีรเดช และชุดสืบสวนนครบาล ได้นำตัวจ่าเอ็มมาถึงที่กองบินตำรวจ ขณะที่ลงจากเฮลิคอปเตอร์จ่าเอ็มได้สวมเสื้อยืดสีขาว และเสื้อเกราะกันกระสุน กางเกงสีน้ำตาล หมวกสีขาวพร้อมสวมแมสก์ ซึ่งเป็นชุดเดียวกับที่รับมอบตัวมาจากกัมพูชา
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการควบคุมตัวจ่าเอ็มขึ้นรถตู้ฮุนไดสีขาว โดยมีรถคุ้มกันของหน่วยอรินทราช 26 พร้อมอาวุธครบมือประกบหน้าและหลัง พร้อมกำลังเพื่อดูแลความเรียบร้อย ก่อนขึ้นรถนักข่าวพยายามจะโกนถามนายเอ็มถึงการจ้างวานว่าเพราะสาเหตุใด แต่นายเอ็มมีท่าทีเรียบเฉย ไม่ตอบคำถาม ท่ามกลางการคุ้มกันเพื่อดูแลความเรียบร้อยอย่างแน่นหนา
พล.ต.ท.สมประสงค์เปิดเผยว่า จากการซักถามเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดซึ่งใช่เหตุในเมือง และยักยอกทรัพย์ ซึ่งในรายละเอียดต่างๆ ยังไม่ได้ข้อมูลอะไรชัดเจน เบื้องต้นตนมีหน้าที่ไปรับตัวผู้ต้องหาเพื่อนำมาส่งต่อให้กับทางผู้บัญชาการตำรวจนครบาลนำตัวไปดำเนินการสอบสวนต่อ และการส่งตัวครั้งนี้ไม่มีข้อแลกเปลี่ยนอะไรกับประเทศกัมพูชา
'จ่าเอ็ม' เครียดแต่นิ่ง
ส่วนในประเด็นอื่น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของคนสั่งการหรือไม่ หลบหนีไปยังประเทศกัมพูชามีผู้ใดให้การช่วยเหลือหรือไม่ และเรื่องเส้นทางเงิน 60,000 บาทที่เข้ามายังบัญชีตัวผู้ร้าย รวมถึงสาเหตุแรงจูงใจในการก่อเหตุว่าจะเกี่ยวพันการเมืองหรือไม่ ตัวผู้ชี้เป้าและผู้ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ นั้น ผู้ช่วย ผบ.ตร.ปฏิเสธว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด เนื่องจากเพียงแค่ไปรับตัวมา ซึ่งหลังจากนำตัวส่งให้กับทาง บช.น.แล้ว กระบวนการสอบสวนถึงจะเริ่มขึ้น ส่วนเรื่องผลตรวจอาวุธปืนนั้น จะต้องรอข้อมูลจากสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจก่อน
ผู้สื่อข่าวถามถึงการรับสารภาพท่าทีดูสำนึกผิดหรือไม่ พล.ต.ท.สมประสงค์ตอบว่า เท่าที่สังเกตสีหน้าของผู้ต้องหาก็ดูเครียด แต่นิ่ง ไม่ได้พูดอะไร ส่วนการคุ้มกันขบวนแน่นหนา มีนัยอะไรหรือไม่นั้น มองว่าเป็นเรื่องปกติ ตามหลักทางยุทธวิธีที่ฝึกมา ตามมาตรฐานสากล ผู้ต้องหาเป็นผู้ต้องหาคดีฆาตกรรม จึงต้องมีการใส่กุญแจมือ
ขณะที่ พล.ต.ท.สยามให้สัมภาษณ์ว่า การออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องนั้น จะต้องสอบปากคำตัวผู้ต้องหาและขยายผลเพิ่มเติมก่อนว่ามีผู้ใดบ้าง หากพบว่ามีผู้ใดที่เกี่ยวข้องก็จะมีการดำเนินคดีอย่างแน่นอน ทั้งตัวน้องสาวและตัวคนชี้เป้า และข้อมูลของคนชี้เป้านั้น ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เบื้องต้นทราบว่าเป็นคนประเทศกัมพูชา หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องอย่างชัดเจน ก็จะสามารถนำตัวของผู้ชี้เป้ามาดำเนินคดีได้แน่นอน
ส่วนผู้ต้องหารู้จักกับผู้เสียชีวิตหรือไม่นั้น จะต้องรอสอบปากคำผู้ต้องหาก่อน แต่จากการสอบปากคำภรรยาผู้เสียชีวิตก่อนหน้านี้ ตัวภรรยาไม่รู้จักกับตัวผู้ต้องหา ซึ่งผู้เสียชีวิตและภรรยาเดินทางมาประเทศไทยเพื่อมาเที่ยวเท่านั้น
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวคิดว่าเป็นเหตุซึ่งหน้า หรือมีการล็อกเป้านั้น พล.ต.ท.สยามบอกว่า ได้แจ้งข้อหาไตร่ตรองไว้ก่อน ก็น่าจะมีการวางแผน ไม่ใช่มามีเรื่องโกรธเคืองทะเลาะทำร้ายกัน แต่มีการตระเตรียมวางแผนในการกระทำความผิด
และกรณีปรากฏแชตของผู้ต้องหา ที่ระบุถึงอดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย จะมีการตรวจสอบหรือไม่ พล.ต.ท.สยามกล่าวว่า ตรงนี้จะต้องรอสอบสวนก่อน แต่เบื้องต้นตำรวจยังไม่ได้มีข้อมูลในเรื่องนี้
พาตัวไป สน.ชนะสงคราม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นตำรวจคุมตัวจ่าเอ็มไปยัง สน.ชนะสงคราม โดยมีผู้บัญชาการตำรวจนครบาลคุมตัวมาในขบวนด้วยตนเอง เมื่อมาถึงได้นำตัวขึ้นไปชั้น 4 ของ สน.ในทันที โดยมีการคุ้มกันดูแลความเรียบร้อยอย่างแน่นหนา นักข่าวพยายามตะโกนถามจ่าเอ็มอีกครั้งว่าอยากจะพูดอะไรหรือไม่ แต่จ่าเอ็มไม่มีท่าทีตอบรับใดๆ
หลังจากนั้นตำรวจคุมตัวจ่าเอ็มไปให้แพทย์ตรวจร่างกายว่ามีบาดแผลร่องรอยต่างๆ อะไรหรือไม่ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนปกติ และให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจเก็บลายนิ้วมือ ดีเอ็นเอ เพื่อนำไปตรวจพิสูจน์เปรียบเทียบกับพยานหลักฐาน และเป็นการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลตามขั้นตอนเช่นกัน จากนั้นจึงจะเข้าสู่กระบวนการสอบปากคำ
ขณะที่ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เผยถึงเบื้องหลังการดำเนินการติดตามจับกุมจ่าเอ็มด้วยว่า ผบ.ตร.ได้สั่งการ ผบช.น.ให้ตนเป็นหัวหน้าชุดสืบสวน โดยการทำงานในครั้งนี้ ระดมนักสืบจากสืบนครบาล และสืบ บก.น.1 และ สน.ชนะสงคราม
ซึ่งจากการสืบสวนทราบว่าคนร้ายหนีออกไปทางภาคตะวันออก โดยใช้ขั้นตอนและวิธีการที่ตบตาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนอย่างแยบยล การปฏิบัติการนี้เราได้ร่วมบูรณาการ ถือว่าเป็นการหายใจรดต้นคอ เพราะคลาดกันเพียงแค่นิดเดียว ก่อนที่ผู้ต้องหาจะหลบหนีออกไปทางช่องทางธรรมชาติ พร้อมขอบคุณทางการกัมพูชา ซึ่งถือเป็นความร่วมมือของนักสืบของทั้งสองประเทศ
แต่การปฏิบัติงานในครั้งนี้ที่รวดเร็ว ซึ่งปกติการปฏิบัติงานในประเทศกัมพูชาจะต้องมีระยะเวลาที่นานกว่านี้ แต่ในครั้งนี้ ผบ.ตร.ได้เป็นผู้ประสานงานกับทางการกัมพูชา จนทำให้เกิดความร่วมมือในการส่งตัวผู้ต้องหาได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเรื่องนี้ถือว่ามีประโยชน์ของการส่งตัวไว เพราะในกระบวนการสอบสวน พยานหลักฐานต่างๆ ไม่หายไป จะทำให้สามารถขยายผลไปโค่นทั้งขบวนการ และเชื่อว่าจะสามารถสาวไปถึงตัวการและต้นตอ
ขอคุ้มครองเป็นพิเศษ
ส่วนที่ผู้ก่อเหตุมีลักษณะย่ามใจจนถูกจับกุมระหว่างกินข้าวนั้น พล.ต.ต.ธีรเดชบอกว่า เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องอำนาจอธิปไตย เพราะหากปกติหากคนร้ายไปอยู่ฝั่งนั้นแล้ว การประสานจะยุ่งยาก และใช้ระยะเวลานานในการจับกุมตัว และตำรวจไทยไม่สามารถเข้าไปจับกุมนอกประเทศได้ ซึ่งครั้งนี้ไม่ใช่ตำรวจไทยที่เป็นผู้จับ แต่เป็นตำรวจกัมพูชาที่ดำเนินการจับกุม ก่อนส่งตัวให้กับเรา เราเพียงแค่ทำหน้าที่ประสานงาน
เขาบอกว่า ที่จริงแล้วผู้ต้องหาต้องถูกดำเนินคดีฐานลักลอบเข้าเมือง แต่ในขั้นตอนตามกฎหมายของกัมพูชา รัฐมนตรีมหาดไทยสามารถยกเว้นและผลักดันออกนอกประเทศได้ อีกทั้งผู้ต้องหาใช้เวลาเข้าประเทศ 3-4 ชั่วโมง ก่อนที่ชุดสืบสวนของตำรวจกัมพูชาจะจับกุมตัวไว้ได้ หากปล่อยไว้นานกว่านี้ผู้ต้องหาจะเข้าไปได้ลึกและยากต่อการติดตามจับกุมตัว
ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนเผยว่า ผู้ก่อเหตุได้ร้องขอเจ้าหน้าที่คุ้มครองเป็นพิเศษ เพราะผู้ก่อเหตุร้องขอไว้ตั้งแต่แรก เนื่องจากกังวลเรื่องความปลอดภัยจากการถูกรุมประชาทัณฑ์และทำร้าย วันนี้จึงได้มีมาตรการในการคุ้มครองและรักษาความปลอดภัย
ส่วนคนชี้เป้า ตอนแรกหมายจับคนชี้เป้ายังไม่ออก ออกเพียงตัวผู้ก่อเหตุ แต่หลังจากดำเนินการจับกุมคนยิงแล้ว หมายจับคนชี้เป้าก็ออก แต่ติดตรงที่คนชี้เป้าไม่ใช่คนไทย แต่ผู้ลงมือเป็นคนไทย ดังนั้นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยการต้องผ่านวิธีการทูต เบื้องต้นต้องทำให้หมายจับที่เพิ่งออกกลายเป็นหมายแดงให้ได้เพื่อใช้ตำรวจสากล
พล.ต.ต.ธีรเดชยังอธิบายอีกว่า คดีที่เป็นมือปืนรับจ้าง ปกติจะใช้เวลาที่นานกว่านี้ถึง 5-7 วัน แต่วันนี้ยังไม่ถึง ชุดสืบสวนทำได้ถึงขนาดนี้ถือเป็นการตอบโจทย์ได้อย่างหนึ่ง ซึ่งจะยกเคสนี้เป็นโมเดลหรือไม่นั้น ต้องดูที่ปัจจัย เพราะปัจจัยต่างๆ ในแต่ละเคสไม่เหมือนกัน จึงขอเป็นตัวแทนชุดสืบสวนในการขอบคุณทางการกัมพูชา โดยเฉพาะชุดที่ให้ความร่วมมือในการจับกุมให้กับเรา.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘จุรินทร์’ เผย8ปัจจัย การเมืองปี68เดือด!
"จุรินทร์" เปิด 8 ปัจจัยการเมืองปี 2568 จับตามีคดีความที่มีผู้ร้องไปยื่นร้องนายกฯ และผู้เกี่ยวข้องไว้ที่ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระต่างๆ ซึ่งปัจจุบันมีเรื่องที่ค้างอยู่อย่างน้อย
เป็นแม่ที่ดีหรือยัง! ‘อิ๊งค์’ เปิดอกวันเด็กสมัยก่อนไม่มีไอแพดโวยถูกบูลลี่
"นายกฯ อิ๊งค์" เปิดงานวันเด็กคึกคัก! เด็กขอถ่ายรูปแน่น พี่อิ๊งค์ล้อมวงเปิดอกตอบคำถามเด็กๆ มีพ่อเป็นต้นแบบ เผยวัยเด็กไม่มีไอแพด โทรศัพท์ ไลน์ พี่มีลูกสองคน
‘บิ๊กอ้วน’ เอาใจทอ. เคาะซื้อ ‘กริพเพน’
ปิดจ๊อบภายในปีนี้! "บิ๊กอ้วน" ไฟเขียว ทอ.เลือก "กริพเพน" มั่นใจคนใช้เป็นคนเลือก รออนุมัติแบบหลังทีมเจรจาออฟเซตกับสวีเดนจบ แจงทูตสหรัฐแล้ว ไทยยันไม่มีนโยบายกู้เงินซื้ออาวุธตามข้อเสนอขายเอฟ
กฤษฎีกายี้กม.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
จับตา ครม.ถกร่าง กม.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ 13 ม.ค.นี้
กสม.ตบปากทักษิณ ซัดปราศรัยเหยียดเชื้อชาติ/‘พท.’ชง‘ลูกอิ๊งค์’คุยพ่อลดดีกรี
"ประธาน กกต." ลั่นพร้อมดูแลเลือกตั้งนายก อบจ. 1 ก.พ.แล้ว
ชทพ.ย้ำห้ามแตะสถาบัน สว.ค้านหั่นเสียง‘สภาสูง’
ชาติไทยพัฒนายันแก้รัฐธรรมนูญห้ามแตะต้องหมวด 1 และ 2 เด็ดขาด “สว.” ย้ำไม่เอาแน่หากเสนอตัดเสียงสภาสูงออก