นายกฯสั่งดูแล คนไทยในสหรัฐ เหตุไฟป่า‘L.A.’

“แพทองธาร” บอกเช็กแล้วไม่มีคนไทยในสหรัฐบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากไฟป่า สั่งสถานทูตติดตามสถานการณ์และช่วยเหลือเต็มที่   “จักรภพ” เตือนอย่าประมาทจะไม่เกิดขึ้นที่ไทย

เมื่อวันที่ 10 ม.ค.2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่าน X ถึงสถานการณ์ไฟป่าที่นครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ว่าได้ติดตามสถานการณ์เหตุไฟป่าในพื้นที่นครลอสแอนเจลิสและบริเวณโดยรอบ และได้แสดงความห่วงใย พร้อมส่งกำลังใจไปยังฝ่ายสหรัฐ ที่สำคัญอย่างยิ่งคือ รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยเฉพาะพื้นที่นครลอสแอนเจลิส ที่มีพี่น้องชาวไทยอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยได้กำชับให้สถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส ติดตามดูแลให้ความช่วยเหลือแก่พี่น้องชาวไทยอย่างเต็มที่ โดยสถานกงสุลใหญ่ฯ ได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือคนไทยด้วยแล้ว

“ดิฉันขอส่งความห่วงใยและกำลังใจไปยังพี่น้องชาวไทยในพื้นที่ ขอให้เหตุการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นโดยเร็ว ขอให้พี่น้องชาวไทยติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และหากต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อสถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิสต่อไปค่ะ”

น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงมาตรการดูแลคนไทยอย่างไรว่า มีแล้วค่ะ และได้รับแจ้งจากกระทรวงการต่างประเทศว่ากงสุลใหญ่  ณ นครลอสแอนเจลิส ได้รายงานว่าไม่มีผู้บาดเจ็บหรือผู้เสียชีวิต ซึ่งพอดีได้ติดต่อกับเพื่อนที่อยู่ในสถานการณ์นั้นนิดหน่อย เพื่อนก็หาตั๋วที่เดินทางกลับประเทศไทย เพราะว่ามีฝุ่นควันเยอะมาก

เมื่อถามว่า บ้านและทรัพย์สินคนไทยถือว่าปลอดภัยหมดใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ที่ได้รับรายงานมาตอนนี้มีร้านอาหารที่ค่อนข้างพังไปมากเหมือนกัน แต่ยังไม่ได้รับแจ้งชัดเจนว่าเป็นที่ไหนอย่างไร แต่เรื่องตัวคนที่บาดเจ็บหรือผู้เสียชีวิตยังไม่ได้รับแจ้ง แต่ได้ให้กงสุลและสถานทูตช่วยดูแลเรื่องนี้เป็นอย่างดี และคอยซัพพอร์ตว่าถ้ามีคนไทยที่ต้องการความช่วยเหลือ ในพื้นที่เราเปิดทั้งความช่วยเหลือทั้งที่ลอสแอนเจลิสและที่ไทยให้ประสานงานกันตลอดเวลา

นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) กล่าวว่า สถานกงสุลใหญ่ไทย ณ นครลอสแอนเจลิส ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงได้ออกประกาศเตือนคนไทย และจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินในการช่วยเหลือคนไทยในพื้นที่แล้ว โดยผู้ประสบภัยสามารถติดต่อศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน เพื่อขอรับความช่วยเหลือ ได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 323-962-9574 และหมายเลขฉุกเฉิน 323-580-4222 ตลอด 24 ชั่วโมง และสถานกงสุลใหญ่ฯ ขอให้คนไทยในพื้นที่ประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบ หากต้องการอพยพออกจากพื้นที่  และขอให้รับฟังข่าวสารจากทางราชการ รวมถึงให้นำเอกสารและสิ่งของสำคัญไว้ในกระเป๋าเดินทาง  เพื่อเตรียมความพร้อมเผื่อต้องมีการอพยพจากพื้นที่

ขณะที่ นายจักรภพ เพ็ญแข อดีต รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ไฟไหม้ครั้งนี้ถือเป็นครั้งประวัติศาสตร์ที่รุนแรงที่สุดของสหรัฐ และเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ของคนอเมริกัน เพราะตอนที่ทรัมป์ถอนตัวออกจากสนธิสัญญากรุงปารีส แล้ว ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ก็นำกลับเข้าไปอีก แต่เมื่อคนอเมริกันเลือกทรัมป์มาอีกครั้ง เขาก็เตรียมจะเอาออกจากสนธิสัญญานี้ มันก็เหมือนการชักเย่อกันไปมา โดยมีชีวิตของคนอเมริกันเป็นเดิมพัน เพราะฉะนั้นไฟไหม้ป่าครั้งนี้จึงเป็นส่วนผสมของไฟที่ไหม้ทุกปี มาจากภาวะภูมิอากาศที่เปลี่ยนจากชื้นมาแห้งอย่างฉับพลัน เกิดกระแสลมอันรุนแรง รวมทั้งเกิดจากสหรัฐถอนตัวจากสนธิสัญญาปารีส และชักเข้าชักออก จนทำให้นโยบายนี้มันไม่ต่อเนื่อง จนไม่มีอะไรที่ทำให้เกิดผลได้ในเชิงการรักษาสิ่งแวดล้อม

“ไฟไหม้ป่าในครั้งนี้อย่านึกว่ามันจะเกิดขึ้นในเมืองไทยไม่ได้ เรามีไฟไหม้ป่าทุกปี แต่ตราบใดที่ไม่ได้ไปไหม้สถานที่สำคัญๆ หรือกระทบใคร ก็ดูเหมือนยังไม่ใช่เรื่องใหญ่ และหลายคนก็ยังมองว่าเรื่องสิ่งแวดล้อม เป็นเรื่องไกลตัว เอาเรื่องปากท้องก่อน ทั้งที่ความจริงแล้วเรื่องสิ่งแวดล้อมกับปากท้องเป็นเรื่องเดียวกัน ดังนั้นจึงต้องมีการเตรียมการรับมือ” นายจักรภพกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง