ชทพ.ย้ำห้ามแตะสถาบัน สว.ค้านหั่นเสียง‘สภาสูง’

ชาติไทยพัฒนายันแก้รัฐธรรมนูญห้ามแตะต้องหมวด 1 และ 2 เด็ดขาด “สว.” ย้ำไม่เอาแน่หากเสนอตัดเสียงสภาสูงออก ถามกฎหมายปกติต่ำชั้นกว่ายังใช้เสียงกึ่งหนึ่ง ทำไม รธน.ถึงตัดออก

เมื่อวันศุกร์ที่ 10 มกราคม นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า พรรคยังยืนยันจุดเดิมคือการได้มาซึ่งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) โดยเฉพาะหมวด 1 หมวด 2 ที่จะไม่แตะต้องหรือทำอะไรเด็ดขาด ถ้าเป็นตามนี้ยินดีสนับสนุน แต่หากแตกต่างไปคงต้องสงวนความเห็นไว้ เพราะสิ่งที่เราพูดมาตั้งแต่แรกจนถึงวันนี้ยังไม่เปลี่ยนแปลง พรรค ชทพ.ทำงานโดยคงไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ จะแก้รัฐธรรมนูญอย่างไรก็แล้วแต่ หมวด 1 หมวด 2 เราไม่เข้าไปยุ่งด้วย

เมื่อถามถึงกรณีที่มีคนขู่เรื่องทำประชามติ 2  ครั้ง หรือ 3 ครั้ง ซีเรียสหรือไม่ นายวราวุธกล่าวว่า  ขอให้ดูแนวทางคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญก่อน  ไม่ว่า 2 หรือ 3 ครั้ง อยากทำให้ถูกต้อง เพราะกลัวว่าถ้าทำ 2 ครั้งมันอาจจะเร็ว แต่ถ้าถูกตีตกหรือมีอะไรขึ้นมาก็ต้องกลับไปนับหนึ่งใหม่ ที่สำคัญการแก้รัฐธรรมนูญ อย่างไรเสียคงไม่ทันในรัฐบาลนี้ ก็เหมือนสมัยนายบรรหารเป็นนายกฯ ช่วงรัฐบาลปี 2538 ได้ริเริ่มการแก้รัฐธรรมนูญ แต่มาคลอดในปี 2540 ซึ่งไม่ใช่รัฐบาลบรรหาร แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของ ส.ส.ร. รัฐบาลนี้ก็เช่นกัน รัฐธรรมนูญจะไปเสร็จในรัฐบาลใดก็แล้วแต่ แต่หากเลือกตั้งเสร็จแล้ว ถ้าพรรค พท.ได้เป็นรัฐบาลอีกครั้ง ก็อาจมาตั้งรัฐบาลกันใหม่ ถือว่าเป็นคนเริ่มต้นและรัฐธรรมนูญมาคลอดในรัฐบาลพรรค พท.เช่นกัน

นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว. ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) กล่าวว่า สว.เตรียมจัดเวทีเสวนาเรื่องแก้รัฐธรรมนูญให้ สว. โดยจะเชิญนักวิชาการ นักกฎหมาย รวมถึงผู้ที่เคยยกร่างรัฐธรรมนูญมาให้ความรู้และความเข้าใจ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้จัดเวทีเพื่อให้ความรู้แล้วรอบหนึ่งเมื่อวันที่ 8 ม.ค. แต่เวทีที่จะเกิดขึ้นนี้ จะเป็นการนำเนื้อหาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เสนอต่อรัฐสภามาพิจารณา

เมื่อถามถึงความเห็นต่อสาระในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 และเพิ่มหมวดใหม่ที่เสนอโดยพรรคประชาชน (ปชน.) และพรรคเพื่อไทย (พท.) นายพิสิษฐ์กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยที่มีเนื้อหาแก้ไขที่ตัดเสียง สว.จำนวน 1 ใน 3 ออกจากการเห็นชอบในชั้นรับหลักการและชั้นวาระสาม เพราะขัดต่อหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่ใช้ระบบสองสภา ที่ต้องถ่วงดุลกัน

 “ในการพิจารณากฎหมายทั่วไปในชั้น สส.ต้องใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง และต้องผ่าน สว.ที่ต้องใช้เสียงครึ่งหนึ่งของ สว. ซึ่งกฎหมายทั่วไปนั้นมีศักดิ์และสิทธิน้อยกว่ารัฐธรรมนูญ ดังนั้นการแก้รัฐธรรมนูญที่เป็นกฎหมายสูงสุดและมีเกณฑ์กำหนดให้ใช้เสียงแค่ 1 ใน 3 ซึ่งถือว่าน้อยกว่ากฎหมายทั่วไปด้วยซ้ำ จึงขอถามไปยังผู้เสนอร่างว่า หากมองว่ามีเกณฑ์ใช้เสียง 1 ใน 3 ของ สว. ทำให้รัฐธรรมนูญผ่านยาก จะยากตรงไหน เพราะจำนวน 1 ใน 3 ยังน้อยกว่าเสียงเกินกึ่งหนึ่งด้วยซ้ำ” นายพิสิษฐ์กล่าว

นายพิสิษฐ์ยืนยันว่า หากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของทั้ง 2 พรรคดีจริง ก็สามารถโน้มน้าว สว.จำนวน 67 เสียงให้เห็นชอบได้แน่นอน การตัดสิทธิ์ สว.ออกไปนั้น ขอตั้งคำถามว่าถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตยหรือไม่ และอย่าลืมว่ารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันได้ผ่านประชามติมาแล้ว การแก้ไขใดๆ ตามที่เสนอมานั้นถูกต้องหรือไม่ ขอให้ผู้ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญกลับไปอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 ให้ละเอียดและรอบคอบ และหวังว่าคงจะไม่ถอนออกไปก่อน

ต่อข้อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าการพิจารณาจะมีการยื่นเอาผิดสมาชิกรัฐสภาประเด็นผิดจริยธรรม เพราะได้ทำสิ่งที่ขัดกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 นายพิสิษฐ์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. ได้เข้าพบประธานตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแล้ว เขาย่อมมั่นใจว่าสิ่งที่ทำไปได้ไตร่ตรองรอบคอบแล้ว จึงมั่นใจว่าการประชุมรัฐสภาจะเกิดขึ้น ส่วนจะผิดหรือไม่ ไม่ทราบ ไม่อาจก้าวล่วงอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ และไม่ทราบว่าจะมีผู้ยื่นร้องหรือไม่

วันเดียวกัน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม กล่าวกรณีฝ่ายค้านออกมาระบุว่าเตรียมจองคิวอภิปรายไม่ไว้วางใจกระทรวงคมนาคมว่า เป็นการทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน ถือเป็นเรื่องปกติ และยินดีที่จะตอบข้อซักถามของฝ่ายค้าน

เมื่อถามว่า พรรคประชาชนเองมีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่มีนามสกุลเดียวกัน ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรใช่หรือไม่ นายสุริยะกล่าวว่า ฟังดูจากที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. ออกมาพูดนั้นดูดี เพราะว่าแม้กระทั่งนามสกุลเดียวกันก็จะตรวจสอบ แต่ข้อเท็จจริงในส่วนของตนเองกับนายธนาธรเรื่องการเมือง เดินคนละเส้นทางอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นในการตรวจสอบถือเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องความพิสดารหรือพิเศษอะไร.