สส.ฝ่ายค้านชำแหละ “นโยบายต่างประเทศ” เงียบๆ เสียเหลี่ยมเพื่อนบ้าน ไร้ทิศทางช่วย 4 ประมงไทย-ปมว้าแดงรุกแดน กมธ.เปิดข้อมูลโกดังยาเสพติด 75 แห่งรอบบ้าน ชี้ปมต่ออายุแรงงานส่งเงินกลับประเทศ หวั่นเอาไปซื้ออาวุธสู้ชนกลุ่มน้อย ด้าน “รมว.กต.” ยันวงหารือ 5 ประเทศไม่ได้รับรองการเลือกตั้งในเมียนมา แค่จับมือประเทศรอบๆ หาแนวทางแก้ปัญหา
ที่รัฐสภา วันที่ 9 มกราคม ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาฯ คนที่สอง ทำหน้าที่ประธานในการประชุม วาระกระทู้ถามสดด้วยวาจา เรื่องบทบาทการทูตของไทยต่อประเทศเมียนมา ของนายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ถามนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ว่าสถานการณ์ในประเทศเมียนมาที่จะกระทบกับประเทศไทย ทั้งสถานการณ์ภัยสงคราม ความไม่สงบ สถานการณ์การเมือง รวมถึงคอลเซ็นเตอร์ ขบวนการค้ามนุษย์
นายกัณวีร์ระบุว่า วันที่ 19 ธ.ค.67 นายมาริษได้เชิญเพื่อนบ้านประเทศต่างๆ รวมถึงตัวแทนสภาทหารของเมียนมาเข้าร่วมประชุมที่ประเทศไทย ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่ให้ประเทศเพื่อนบ้านเมียนมามาพูดคุย เพราะสถานการณ์ออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน สิ่งที่ตนอยากถามคือ วันนั้นจากการพูดคุย ทหารเมียนมาได้มีการมาพูดว่าเขาจะมีการเลือกตั้งในปี 2568 โดยใช้เวทีที่ รมว.การต่างประเทศจัดตั้งขึ้นกับประเทศเพื่อนบ้าน เป็นการไปรองรับผลของการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นหรือไม่ แต่ทราบหรือไม่ว่าเวทีระหว่างประเทศโดยเฉพาะประเทศที่ปกครองระบอบประชาธิปไตยมีกระแสว่าไม่สามารถรับรองผลการเลือกตั้งนี้ได้ เราในฐานะกลุ่มประเทศประชาธิปไตยที่ยึดหลักประชาธิปไตย เราจะยอมรับหรือไม่ ท่านมีจุดยืนทางการทูตอย่างไรต่อสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศเพื่อนบ้าน
ด้านนายมาริษชี้แจงว่า การที่ตนจัดการประชุมในวันที่ 19 ธ.ค.กับ 5 ประเทศเพื่อสร้างการร่วมมือในการแก้ปัญหาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากความไม่สงบในประเทศเมียนมา แต่ไม่ได้มีส่วนใดหรือประเทศไหนพูดหรือรับรองการเลือกตั้งอย่างใดทั้งสิ้น และไม่ได้มีความพยายามที่จะรับรองการแก้ปัญหาของประเทศเมียนมาแต่อย่างใด ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับประเทศเมียนมาต้องการ และในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการคลี่คลายสถานการณ์ในประเทศเมียนมา เรื่องแรกคือแนวทางในการดำเนินนโยบายของประเทศไทยต่อสถานการณ์ในเมียนมา ซึ่งประเทศไทยมีชายแดนติดกับประเทศเมียนมากกว่า 2,000 กิโลเมตร ทำให้ประเทศไทยได้รับผลกระทบอย่างมากในหลายด้าน ดังนั้นไทยจำเป็นต้องมีบทบาทสำคัญที่หาทางออกช่วยเหลือให้สถานการณ์ในประเทศเมียนมาคลี่คลายไปในทิศทางที่ถูกต้อง และไม่มีผลกระทบกับประเทศไทย
“ส่วนปัญหาความขัดแย้งในประเทศเป็นเรื่องภายในของประเทศเมียนมาเอง ฝ่ายต่างๆ ในเมียนมาจะต้องหาทางออกสำหรับอนาคตของประเทศกันเอง จึงจะมีความยั่งยืน ประเทศภายนอกจะไม่สามารถเข้าไปช่วยบีบบังคับให้ประเทศเมียนมาเป็นไปในรูปแบบที่ต้องการได้" นายมาริษกล่าว
ขณะที่นายกัณวีร์ถามอีกว่า การที่ รมว.การต่างประเทศพูดเหมือนว่าใช้จุดยืนทางการทูต เอาความมั่นคงนำการทูต ขอให้เปลี่ยนเสียใหม่ เพราะปัจจุบันสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปนานแล้ว ถ้าเราจะบอกว่าจุดยืนของเราเป็นการทูตแบบเงียบๆ ตนคิดว่าเป็นไปไม่ได้ แต่เราต้องเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ ฉะนั้นนโยบายทางการทูตต้องเปลี่ยนเป็นการแทรกแซงอย่างสร้างสรรค์ ทำอย่างไรก็ได้ เพราะประเทศไทยมีภูมิรัฐศาสตร์ดีกว่าประเทศอื่น โดยต้องใช้จุดแข็งด้านกองกำลังชาติพันธุ์ต่างๆ ที่ทำงานกับเราสามารถแสดงบทบาทผู้นำในการสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นในเมียนมา จึงอยากถามว่า จะทำอย่างไรกับแรงงานที่เข้ามาทำงานยังประเทศไทย เพราะบางคนกำลังจะมีต่ออายุการเป็นแรงงาน เพราะได้ข่าวว่าแรงงานที่เข้ามาในประเทศไทยจะนำเงินไปให้ทหารเมียนมาซื้ออาวุธ รวมถึงจะทำอย่างไรกับผู้ลี้ภัยที่เข้ามายังประเทศไทยเป็นหลักแสนคน
ไทยเสียเหลี่ยมการเมือง
ด้านนายมาริษกล่าวตอบว่า การที่ประเทศไทยได้รับผลกระทบอย่างมากจากเมียนมา ทำให้เราต้องแสดงบทบาทนำในการแก้ไขปัญหา ซึ่งการประชุมเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. แสดงให้เห็นว่ามีความพยายามผลักดันให้เกิดความร่วมมือระหว่างประเทศเมียนมากับเพื่อนบ้านทั้งหมด ซึ่งไม่ใช่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงอย่างเดียว แต่เป็นการแก้ไขปัญหาอย่างสมบูรณ์ ทั้งเรื่องความมั่นคงชายแดน รวมทั้งเรื่องการพัฒนา การติดต่อเพื่อการค้าขายตามบริเวณชายแดนปกติ ฉะนั้น มิติของการแก้ไขปัญหาในเมียนมาจะเปลี่ยนแน่นอน โดยเน้นเรื่องความร่วมมือเพื่อให้สถานการณ์เอื้ออำนวยที่จะส่งผลให้การพัฒนาอย่างยั่งยืนในเมียนมา โดยที่เมียนมาสามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งของตัวเองได้อย่างดี
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ เปิดเผยผลการประชุมวาระพิจารณา กรณี 4 ลูกเรือประมงไทย, ว้าแดง และปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาชญากรรมข้ามชาติ และยาเสพติดว่า กรณี 4 ลูกเรือประมงไทยยังไม่มีความชัดเจนว่าสุดท้ายแล้วจะได้กลับมาประเทศไทยเมื่อไหร่ เนื่องจากเราเองพยายามพูดคุยว่ารัฐบาลจะมีแนวทางเจรจาอย่างไร แต่ต้องยอมรับตรงๆ ว่าไม่มีข้อมูล หรือข้อเท็จจริงอะไรที่จะนำไปสู่การสร้างความสบายใจให้กับทุกฝ่ายได้ รวมถึงความช่วยเหลือด้านกฎหมายใด ซึ่งเข้าใจว่าทางการไทยไม่ทราบมาก่อนว่าในวันที่มีคำพิพากษาจะเป็นวันดังกล่าว ทำให้ไม่มีการเตรียมความพร้อมอะไร ส่วนเรื่องการประท้วง ที่เคยมีการให้ข้อมูลจากนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมนั้น ก่อนหน้านี้เราให้ข้อมูลไปแล้วว่า ไม่มีการประท้วงไป จึงได้ถามถึงแนวทางว่า สรุปแล้วจะมีหรือไม่มี เพราะสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ค่อนข้างชัดเจนว่ามีการกระทำที่ค่อนข้างรุนแรงอย่างมาก
“ต้องบอกว่ารัฐบาลไทยของเราเสียเหลี่ยมทางการเมืองในเรื่องนี้ การให้สัมภาษณ์จากกระทรวง และการส่งสัญญาณเป็นระยะว่าเรื่องนี้ควรจะใจเย็นนั้น เราต้องตั้งต้นว่าเราเป็นประเทศประชาธิปไตย สื่อมวลชนมีสิทธิ์ทำข่าว ประชาชนมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็น เรามีสิทธิ์ที่จะเป็นทุกข์เป็นร้อนต่อพลเมืองของเรา การจะให้คนในประเทศห้ามพูด เพราะรัฐบาลเมียนมาต้องการเช่นนั้นเช่นนี้ไม่ได้ สิ่งสำคัญคือรัฐบาลไทยมีหน้าที่ปกป้องพลเรือนของเรา และยังอยากได้คำตอบ เพราะวันนี้เข้าใจว่าหน่วยงานที่เขาชี้แจงไม่ได้รับอำนาจในการตอบอย่างตรงประเด็นนัก”
นายรังสิมันต์กล่าวอีกว่า เช่นเดียวกับกรณีว้าแดง ก็ยังไม่มีคำตอบเช่นเดียวกันว่า สุดท้ายแล้วจะมีการถอนทัพออกจากประเทศไทยเมื่อไหร่ สิ่งที่เราเห็นและประชาชนกังวล คือเรื่องหมุดโกดังเก็บยาเสพติดในแผนที่ ซึ่งเราพยายามสอบถามว่ามีข้อเท็จจริงอย่างไร แต่หน่วยงานก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่ามีจริงหรือไม่ สำหรับปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คำตอบที่ตนตอบได้คงจะเป็นลักษณะคล้ายเดิม คือไม่มีความชัดเจนว่าจะเอาอย่างไร ได้รับเพียงข้อมูลเพิ่มเติมว่ามี 40 แห่ง จากข้อมูลเดิม 35 แห่ง หมายความว่ามีเพิ่มมา 5 แห่ง หากรวมกันทั้งหมดรอบประเทศของเราจะมีถึง 75 แห่ง คือ เมียนมา 40 แห่ง, สปป.ลาว 5 แห่ง, กัมพูชา 30 แห่ง เป็นอุตสาหกรรมที่มหาศาล ที่ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะมีแนวทางในการปราบปรามและแก้ปัญหานี้อย่างไร
ไร้ทิศทางแก้ปัญหา
ทั้งนี้ ผู้ที่มาตอบคำถาม โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงในภาพรวม เราได้รับความร่วมมือจากหน่วยงาน หากให้ตนมองในฐานะหน่วยงาน เขาก็พยายามทำเต็มที่ แต่สิ่งที่ขาดหายไปคือระดับนโยบาย ว่าตกลงแล้วรัฐบาลจะมีแนวนโยบายอย่างไร ย้ำว่า หัวต้องขยับก่อน หากรัฐบาลไม่มีนโยบายในเรื่องนี้ก็จัดการไม่ได้ หากหัวไม่ขยับ ก็ไม่สามารถเดินหน้าต่อได้ ขณะที่กองทัพก็ย้ำว่าพร้อมปฏิบัติการ และควรทำภายใต้กรอบที่กระทรวงการต่างประเทศมี หากจะยกระดับการเจรจาต่อรอง ก็ต้องใช้กลไกที่มากกว่ากระทรวงการต่างประเทศ ดังนั้น รัฐบาลโดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี ควรดำเนินการให้เกิดการบูรณาการ ซึ่งตนยังไม่เห็นในจุดนี้
ส่วนที่มีการเปรียบเทียบระหว่างกรณี 4 ลูกเรือประมงไทยกับนักแสดงชาวจีน จนมีข้อเสนอว่าทางการไทยควรจะติดต่อไปยังศูนย์กลางอำนาจของเมียนมา แต่เราไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของรัฐบาล และมิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา ดีเท่ายุคของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า ตอบไม่ได้ว่าดีหรือไม่ดี เชื่อว่าในทุกระดับของกองทัพน่าจะมีการติดต่ออยู่ น.ส.แพทองธารเคยพบมิน อ่อง หล่ายด้วย วันนี้เรารู้ว่ารัฐบาลเมียนมาต้องการเงิน เพื่อไปรบกับชนกลุ่มน้อย รัฐบาลไทยจึงอำนวยความสะดวก การขึ้นทะเบียนแรงงานจะต้องมีสถานเอกอัครราชทูตเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งขั้นตอนนี้จะสร้างรายได้ให้รัฐบาลทหารเมียนมากว่า 1 หมื่นล้านบาท กรณีนี้ชัดเจนว่ารัฐบาลไทยน่าจะมีสายสัมพันธ์ที่ดี เพราะอำนวยความสะดวกให้กับรัฐบาลเมียนมา เรามีกลไกหลายอย่างที่จะต่อรอง อยู่ที่ว่ารัฐบาลไทยจะทำหรือไม่
ที่รัฐสภา นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ในฐานะที่ปรึกษากรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทยฯ เข้ายื่นหนังสือต่อนายรังสิมันต์ โรม กรณีมีผู้เสียชีวิตชาวไทยตกตึก 18 ชั้นที่ปอยเปต ซึ่งเป็นบริเวณใกล้เคียงกับที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยระบุถึงตึก 25 ชั้นในเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา เป็นศูนย์กลางของคอลเซ็นเตอร์
ขณะที่ การประชุมของคณะกรรมาธิการการตำรวจ วาระพิจารณาความคืบหน้าการดำเนินคดีกับขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งมีการเชิญ น.ส.ชาล็อต ออสติน มิสแกรนด์ชุมพร 2022 ที่ถูกมิจฉาชีพหลอกโอนเงินกว่า 4 ล้านบาท และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าให้ข้อมูล โดยนายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธาน กมธ. เปิดเผยข้อมูลตึก 25 ชั้นของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่อยู่ในเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา ว่าคนที่เป็นผู้รับผิดชอบชื่อ "เสี่ยวหมา" ตนเองเข้าใจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีว่ามีความพยายามจะไปปิดออฟฟิศดังกล่าว แต่ฝั่งกัมพูชาอนุญาตให้จับเฉพาะคนที่มีหมายจับเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม คนที่จะเข้าไปตึกดังกล่าวได้ต้องเป็นผู้เช่า รูปแบบการหลอกลวงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้คล้ายกับกรณีของ น.ส.ชาล็อต มีคนกลางมาชักชวนให้ไปทำงานในกาสิโน โดยให้เตรียมสมุดบัญชี บัตรประชาชน และโทรศัพท์มือถือ จากนั้นจะมีรถมารอรับเพื่อนำตัวไปที่อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ก่อนจะมีรถอีกคันมารอรับเพื่อไปส่งยังช่องทางธรรมชาติ มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 4,000-5,000 บาท และจะมีรถอีกคันมารับพาไปตึก 25 ชั้น และจะพาไปพบเจ้าของตึกที่ชั้น 27.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘อิ๊งค์’ลุยภูเก็ต หนุนท่องเที่ยว กลุ่ม‘ลักซ์ชูรี’
"นายกฯ อิ๊งค์" เปิดงานแสดงเรือนานาชาติ หนุนท่องเที่ยวลักซ์ชูรีไลฟ์สไตล์
ชงแก้สัญญารถไฟฟ้าเชื่อม3สนามบิน
บอร์ดอีอีซีชงแก้สัญญารถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบิน เข้า ครม.ภายในเดือนเม.ย.นี้
ศาลนัด10ก.พ. 16บอสขอสิทธิ์ ได้ประกันสู้คดี
"ทนายดิไอคอน" จ่อยื่นประกันตัว 16 บอส ช่วงนัดตรวจหลักฐาน
2สัปดาห์ส่ง‘จ่าเอ็ม’กลับ เชื่อมีผู้ร่วมขบวนการอีก
นายกฯ สั่งทบทวนมาตรการป้องกันก่ออาชญากรรมในไทย
ระวังไม่มีแผ่นดินอยู่ ชวนย้อนคำเตือนแม้ว18ปี ชี้สส.แก่สุดในเพื่อไทย2คน
"ชวน" สวนกลับ “ทักษิณ” สส.แก่สุดอยู่ในพรรคเพื่อไทย 2 คน
สั่งฟ้อง16บอส ‘แซม-มิน’รอด สคบ.ฟันไอคอน
อัยการคดีพิเศษสั่งฟ้อง "บอสพอล-บอสกันต์" กับพวกรวม 17 คน 5 ข้อหาหนัก