วิป 3 ฝ่ายเคาะประชุมรัฐสภา 13-14 ก.พ. ถกแก้รัฐธรรมนูญ ด้าน “วันนอร์” ปัดตอบได้ฉบับใหม่ในสภาชุดนี้ ขณะที่ สว.เล่นแง่อ้างสุ่มเสี่ยงคำวินิจฉัยศาล ขอเวลาพิจารณารอบคอบ เปิดร่าง รธน.ฉบับเพื่อไทย ตั้งกฎเข้มห้ามแตะหมวด 1-2 โละเสียง สว. 1 ใน 3 แก้ รธน.ทิ้ง ขีดเส้นยกร่างภายใน 180 วัน
เมื่อวันที่ 8 ม.ค. ในการประชุมวิป 3 ฝ่าย โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม และมีนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล, นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน และนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร สว. ในฐานะเลขาฯ วิปวุฒิสภา โดยมีวาระกำหนดวันประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งใช้เวลาประชุมประมาณ 1.30 ชั่วโมง
จากนั้นเวลา 11.30 น. นายวันมูหะมัดนอร์ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า จากเดิมที่มีการกำหนดว่าจะมีการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติม จำนวน 17 ฉบับ ในวันที่ 14-15 ม.ค.นั้น แต่เนื่องจากที่ประชุมเห็นว่าการแก้ไขทั้งฉบับต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบหลายด้าน จึงขอนำไปพิจารณาก่อน รวมถึงพรรคเพื่อไทยจะมีการยื่นร่างเข้ามาเพิ่มอีก และยังไม่ทราบว่าจะมีพรรคอื่นหรือภาคประชาชนเสนอเข้ามาด้วยหรือไม่ ฉะนั้นจึงขอเวลา และจะมีการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมในมาตรา 256 และหมวด 15 (1) ในวันที่ 13-14 ก.พ. ซึ่งเมื่อมีการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 2 ฉบับเสร็จแล้ว การทำประชามติก็สามารถไปใช้ร่างที่สภายืนยัน หรือร่างที่วุฒิสภาแสดงความคิดเห็นไปทำประชามติได้ หากเป็นเช่นนั้นจะทำประชามติ 2 ครั้ง ซึ่งไม่ได้ขัดแย้งกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญหรือที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ และในวันที่ 14 ม.ค. จะมีการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับการแก้ไขข้อบังคับการประชุมร่วม
ทั้งนี้ ที่มีการเลื่อนออกไป 1 เดือนนั้น เนื่องจากในที่ประชุมวิป 3 ฝ่ายพิจารณาร่วมกันแล้วว่า แม้เราพิจารณาเสร็จเร็ว แต่ก็ต้องรอกฎหมายประชามติอยู่ดี หากนับแล้วขณะนี้เรามีเวลาเหลือกว่า 100 วัน ฉะนั้นจึงคิดว่าต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ ซึ่งก็ไม่ช้าเกินไป ย้ำว่าอย่างไรก็ต้องรอ เพราะอยากให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปด้วยดี ทุกฝ่ายร่วมกันรับผิดชอบ
เมื่อถามว่า หวังว่าจะได้เห็นรัฐธรรมนูญใหม่ในรัฐสภาชุดนี้หรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า ยังไม่สามารถจะพูดได้ว่าจะได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ เพราะขั้นตอนขึ้นอยู่กับการประชุมร่วมรัฐสภาทั้ง 2 ครั้ง ครั้งแรกคือรับหลักการ และครั้งที่ 2 คือร่างที่สภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) จะไปร่างอีกครั้ง รวมถึงประชาชนจะต้องออกเสียงประชามติอีก 2 ครั้ง ฉะนั้นจึงเป็นความหวังว่าน่าจะได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่หน้าตาเป็นอย่างไรยังพูดไม่ได้
นายวิสุทธิ์กล่าวว่า เหตุผลที่ต้องเลื่อนเวลาออกไป 1 เดือน เนื่องจากรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องสำคัญ และมีผลกระทบต่อประชาชนทั้งประเทศ เพื่อให้เกิดความรอบคอบ ทาง สว.ก็ยืนยันว่าต้องมีการนำไปพิจารณา แต่การที่จะไปกำหนดระยะเวลาสั้นๆ ก็ทำไม่ได้ เพราะหลายคนก็มีภารกิจหลายอย่าง ฉะนั้นเรื่องนี้ถือเป็นความร่วมมือที่ดีของทั้ง 3 ฝ่าย อย่างไรก็ตาม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าให้แต่ละพรรคร่วมที่คิดจะยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ไปเตรียมการ แต่เราไม่สามารถตอบได้ว่าพรรคอื่นจะยื่นหรือไม่ ซึ่งเราต้องให้โอกาสเขาด้วย ส่วนที่มีการมองว่าเป็นนโยบายของรัฐบาล แต่รัฐบาลไม่ยื่นร่างแก้ไขเข้ามานั้น รัฐบาลประกอบด้วยหลายพรรค แต่ที่คุยกันมาหลายพรรคยังไม่พร้อม แต่หากพรรคใดจะเสนอเราก็ยินดี เพราะเป็นการทำงานร่วมกัน
ขณะที่นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า ฝ่ายค้านมองว่าการเลื่อนออกไป 1 เดือนอาจจะช้าเกินไป ตอนแรกเราขอให้เลื่อนออกไปเพียง 2 สัปดาห์ เพราะอยากให้มีการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการให้มากที่สุด ซึ่งเป็นชั้นที่สำคัญ จึงอยากให้มีการพิจารณาอย่างรอบคอบ แต่เมื่อทางวุฒิสภาอยากมีเวลาพิจารณาเพิ่มเติม เราจึงหาตรงกลาง ฉะนั้นจึงคิดว่าการเลื่อนออกไปก็ไม่ได้กระทบกับกรอบพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประชามติมากนัก แม้จะเห็นไม่ตรงกัน แต่อยากให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น
ด้านนายวุฒิชาติกล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องใหญ่ของประเทศ และจากการที่ได้คุยนอกรอบกับพรรคเพื่อไทย ก็บอกว่าจะมีการยื่นร่างประกบเข้ามา ตนจึงบอกว่าวุฒิสภาต้องใช้เวลาในการศึกษา และทุกคนมีเอกสิทธิ์ในการที่จะพูด รวมถึงมุมมองแตกต่างกัน จึงได้ขอความกรุณาจากฝ่ายค้านและรัฐบาล และเราก็สามารถหากรอบระยะเวลาที่ลงตัวกันได้ ส่วนประเด็นที่จะมีการแก้ไขมาตรา 256 และให้มี ส.ส.ร.ขึ้นมายกร่าง หากจะถามว่าส่วนใหญ่ สว.เห็นด้วยหรือไม่นั้น ก็ต้องตอบว่าส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย เพราะค่อนข้างสุ่มเสี่ยงกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา จึงขอระยะเวลาในการศึกษา
เมื่อถามว่า หากไม่มีความชัดเจนก็จะไม่โหวตให้ใช่หรือไม่ นายวุฒิชาติกล่าวว่า เป็นเอกสิทธิ์ของ สว. เพราะมีทั้งกลุ่มที่สนับสนุนและกลุ่มที่ไม่สนับสนุน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) ซึ่งแก้ไขมาตรา 256 และเพิ่มหมวดใหม่ ว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของพรรคเพื่อไทยนั้น มีสาระสำคัญดังนี้ เสนอแก้ไขมาตรา 256 เกี่ยวกับหลักเกณฑ์แก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยตัดหลักเกณฑ์การลงมติในวาระที่หนึ่งและวาระที่สาม ที่ต้องใช้เสียง สว.จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 และเสียงของ สส.ฝ่ายค้านไม่น้อยกว่า 20% ออก
นอกจากนี้ ยังได้ตัดมาตรา 256 (8) เฉพาะส่วนคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามของผู้ดำรงตำแหน่งต่างๆ ตามรัฐธรรมนูญ อำนาจศาลหรือองค์กรอิสระ จะต้องทำประชามติก่อนการทูลเกล้าฯ ถวายออกด้วย และยังคงการให้ทำประชามติใน 3 กรณีคือ แก้ไขเพิ่มเติมหมวด 1 บททั่วไป หมวด 2 พระมหากษัตริย์ และหมวด 15 การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
อย่างไรก็ตาม ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับพรรคเพื่อไทยได้เพิ่มหมวดใหม่ขึ้น ว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ กำหนดให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) จำนวน 200 คน มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน และกำหนดข้อห้ามของบุคคลที่จะสมัครเป็น ส.ส.ร.ไว้ว่า ห้ามเป็นข้าราชการการเมือง สส. สว. รัฐมนตรี และยังได้นำลักษณะต้องห้ามของ สส.มาบังคับใช้ด้วย ทั้งนี้ กำหนดให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดเลือกตั้ง ส.ส.ร.ภายใน 60 วัน เมื่อเลือกตั้งเสร็จให้ กกต.รับรองภายใน 15 วัน
สำหรับการจัดทำรัฐธรรมนูญกำหนดให้ ส.ส.ร. ตั้งกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 47 คน แบ่งเป็น ส.ส.ร.แต่งตั้ง 24 คน โดยกำหนดคุณสมบัติคือ ต้องเชี่ยวชาญกฎหมายมหาชน รัฐศาสตร์ มีประสบการณ์ด้านการเมือง การบริหารราชการแผ่นดิน และการร่างรัฐธรรมนูญ และอีกจำนวน 23 คน ให้ ส.ส.ร.แต่งตั้งจากการเสนอชื่อโดยสภา 12 คน สว. 5 คน และคณะรัฐมนตรี 6 คน พร้อมกับกำหนดระยะเวลายกร่างรัฐธรรมนูญให้เสร็จภายใน 180 วัน จากนั้นต้องส่งให้รัฐสภาเห็นชอบภายใน 30 วัน เมื่อรัฐสภาเห็นชอบแล้วให้นำไปจัดการออกเสียงประชามติ
นอกจากนั้นแล้วยังให้สิทธิรัฐสภามีอำนาจเสนอความเห็นเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับที่ ส.ส.ร.ดำเนินการได้ด้วย ซึ่งกำหนดเป็นบทบังคับ ให้ ส.ส.ร.แก้ไขภายใน 30 วัน พร้อมกับให้ลงมติยืนยันด้วยเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของ ส.ส.ร.ที่มี จากนั้นจึงส่งให้ กกต.ทำประชามติ แต่หาก ส.ส.ร.ลงมติไม่เห็นด้วยกับการแก้ไข ให้ถือว่าร่างรัฐธรรมนูญนั้นตกไป และให้อำนาจ ส.ส.ร.ชุดเดิมยกร่างใหม่ภายใน 90 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทย กำหนดเป็นข้อห้ามที่ชัดเจนว่า “การจัดทำรัฐธรรมนูญที่มีผลเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมหมวด 1 และหมวด 2 ของรัฐธรรมนูญจะกระทำมิได้” พร้อมให้อำนาจรัฐสภาวินิจฉัยว่า หากมีการจัดทำเนื้อหาที่เป็นข้อห้ามดังกล่าว ให้ถือว่าร่างรัฐธรรมนูญตกไป และให้ ส.ส.ร.ต้องพ้นจากตำแหน่งไปด้วย".
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สั่งฟ้อง16บอส ‘แซม-มิน’รอด สคบ.ฟันไอคอน
อัยการคดีพิเศษสั่งฟ้อง "บอสพอล-บอสกันต์" กับพวกรวม 17 คน 5 ข้อหาหนัก
ล้วงรายได้โปะ ค่าไฟ3.70บาท เอกชนบี้ทำจริง
“พิชัย” รับลูก “ทักษิณ” เร่งศึกษาหาช่องลดค่าไฟเหลือ 3.70 บาทต่อหน่วย
‘สมรังสี’กล่าวหา‘ฮุนเซน’ จับจ่าเอ็มยิงอดีตสส.เขมร
ตำรวจออกหมายจับ "จ่าเอ็ม" อดีตนาวิกโยธิน สังหาร "ลิม กิมยา" อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา ผบช.น.ระบุมีการวางแผนชี้เป้า
ทักษิณกํ้ากึ่งผิดกม. หาเสียงนโยบายรัฐ‘กกต.’คิกออฟเลือกตั้งอบจ.
"นายกฯ อิ๊งค์" ลงพื้นที่ภูเก็ต 9 ม.ค. ประชุมทุกฝ่ายร่วมดึงศักยภาพท่องเที่ยว
อิ๊งค์รับนายกฯ2คน! ไม่เกี่ยง‘ทักษิณ’ตัวจริง ปชน.โวซักฟอกน็อกรบ.
“นายกฯ อิ๊งค์” ยันไม่มีแผนปรับ ครม. คุย “พีระพันธุ์” ปกติ เมินกระแสเหน็บนายกฯ
ไฟเขียวงบ69วงเงิน3.78ล้านล.
ครม.เคาะกรอบงบประมาณปี 69 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ขาดดุล 8.6 แสนล้านบาท