ค่าไฟ3.7บาทเป้ารัฐบาล หวยพิเศษหาเงินหมื่นล.

"นายกฯ อิ๊งค์" ชี้ลดค่าไฟฟ้าเหลือ  3.70 บาทเป็นเป้าหมายรัฐบาลอยู่แล้ว เชื่อทำได้แต่ต้องหารือทุกฝ่ายก่อน "จุลพันธ์" ชี้หาก ก.พลังงานเสนอมาพร้อมหนุน "พีระพันธุ์" เงียบไม่แสดงความเห็น "ปชน." แนะปรับโครงสร้างค่าไฟ สกัดกลุ่มทุนพลังงานผูกขาดด้วย "คลัง" เผยเงินหมื่นเฟส 2 จ่ายไม่เกิน 29 ม.ค. เฟส 3 ระบบเสร็จ มี.ค. ได้เงินไตรมาส 2 ปี 68 "ครม." ไฟเขียวสลากการกุศล 11 ล้านฉบับ ระดมเงินหมื่นล้านภายใน 2 ปี

 เมื่อวันที่ 7 ม.ค.2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงแนวคิดนายทักษิณ  ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศลดค่าไฟให้เหลือหน่วยละ 3.70 บาทว่า การปรับลดค่าไฟคือสิ่งที่รัฐบาลเน้นย้ำอยู่แล้วว่าต้องการทำให้ค่าไฟถูกลง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อค่าครองชีพพื้นฐานของประชาชนเอง หรือเพื่อให้แข่งขันในเวทีโลก เรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญ เพราะถือเป็นการลดต้นทุน หากรัฐบาลสามารถเจรจาเกี่ยวกับการลดต้นทุนได้ ทุกฝ่ายร่วมมือกันก็จะเกิดประโยชน์กับประเทศ  ฉะนั้นรัฐบาลมุ่งเน้นในเรื่องนี้อยู่แล้ว ราคา 3.70 บาทถือเป็นเป้าหมายที่เราอยากทำให้ได้

"ความจริงต้องมีการตกลงกันและการพูดคุยจากหลายฝ่าย และดูในส่วนที่ไม่จำเป็น ตัดส่วนที่ไม่จำเป็นและยังมีการซ้ำซ้อนกันอยู่ออก อันนี้ต้องคุยกันในทุกภาคส่วน เพื่อตกลงร่วมกันให้สามารถลดค่าไฟได้ ฉะนั้นอาจต้องใช้เวลาสักหน่อย แต่เป็นเป้าหมายของรัฐบาล ประชาชนไม่ต้องเป็นห่วงในเรื่องนี้ เพราะอยู่ในลำดับแรกๆ ที่รัฐบาลจะเปิดประเด็นมาเพื่อพูดคุยอยู่แล้ว" น.ส.แพทองธารกล่าว

ถามว่า ตัวเลข 3.70 บาท มีความเป็นไปได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตัวเลขดังกล่าวถามว่ามีโอกาสเป็นไปได้หรือไม่ ก็มีความเป็นไปได้ แต่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง แต่แน่นอนจากราคาที่เป็นอยู่ตรงนี้เราจะค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ  เรื่องนี้ต้องตั้งให้มันเป็นไปได้มันก็จะค่อยๆ เป็นไปได้

ขณะที่ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง กล่าวว่า การปรับลดค่าไฟฟ้า ก็ต้องขึ้นอยู่กับกลไกและคนที่เป็นหัวเรือ คือกระทรวงพลังงาน ส่วนกระทรวงการคลังอาจจะใช้เรื่องการลดหย่อนการจัดเก็บภาษีต่างๆ ซึ่งจะต้องมีการหารือกัน คลังพร้อมที่จะดำเนินการในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน แต่ก็ต้องดูเรื่องของผลกระทบในด้านการคลัง จะต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน

ส่วนนายพีระพันธุ์ ปฏิเสธจะตอบคำถามสื่อกรณีนายทักษิณเสนอทุบค่าไฟเหลือหน่วยละ 3.70 บาทภายในปีนี้ รวมทั้งนายทักษิณอ้างว่าได้พูดคุยกับนายพีระพันธุ์และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ  เพื่อหารือแก้ปัญหาราคาค่าไฟฟ้าแล้ว

ด้านนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวถึงการลดค่าไฟให้เหลือ 3.70 บาทว่า ถ้าทำได้ก็เป็นประโยชน์กับประชาชน แต่ที่ไม่อยากเห็นคือการดำเนินนโยบายเอาเงินภาษีประชาชนมาอุดหนุนในการลดค่าไฟ ถ้าเป็นแบบนั้น เท่ากับประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไร

"สิ่งที่อยากได้คือการปรับปรุงโครงสร้างค่าไฟฟ้า ที่จะทำอย่างไรไม่ให้กลุ่มทุนพลังงานที่ปัจจุบันมีการตั้งข้อสังเกตมาโดยตลอดว่าผูกขาดพลังงานไฟฟ้า เช่น การจ่ายค่าพร้อมจ่าย ให้มีการปรับค่าไฟตรงนี้ลงมา รวมถึงค่าผ่านท่อ ที่อยากจะถามว่า 30 สตางค์ ที่จะลดลงมาเหลือ 3.70 บาท เป็นไปได้หรือไม่ที่จะทำในปีนี้" นายณัฐพงษ์กล่าว

วันเดียวกัน นายพิชัย​ ชุณหวชิร​ รองนายกฯ และ รมว.การคลัง กล่าวถึงการเสนอชื่อประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (บอร์ดแบงก์ชาติ) คนใหม่ หลังจากนายกิตติรัตน์​ ณ​ ระนอง ไม่ผ่านคุณสมบัติว่า ขณะนี้กำลังดูอยู่ ซึ่งน่าจะใกล้แล้ว โดยทางปลัดกระทรวงการคลังกำลังหารือกับนายสถิตย์​ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานคณะกรรมการสรรหา​ นายลวรณ​ แสงสนิท​ ปลัดกระทรวงการคลัง ซึ่งอยู่ระหว่างการหารือกันอยู่ ซึ่งการสรรหาจะเร็วที่สุด

นายพิชัยกล่าวถึงการจ่ายเงินกระตุ้นเศรษฐกิจเฟส 2 กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จะสามารถจ่ายได้ตามกำหนดเดิม 29 ม.ค. เพื่อเป็นของขวัญในวันตรุษจีนหรือไม่ว่า ขณะนี้คนที่ดูแลบอกว่ายังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

นายจุลพัน​ธ์​ อมร​วิวัฒน์​ รมช.การคลัง กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า เงินหมื่นของผู้สูงอายุหรือเฟส 2 เราก็กำหนดไว้จะจ่ายไม่เกินวันที่ 29 ม.ค.นี้ ซึ่งสามารถที่จะดำเนินการได้ทันในช่วงเวลานี้

ถามว่า เงินดิจิทัลฯ เฟส 3 นายทักษิณบอกระบบจะแล้วเสร็จในช่วงเดือน มี.ค. ประชาชนจะได้เงินหมื่นในเดือน มี.ค.เลยหรือไม่ นายจุลพัน​ธ์กล่าวว่า ไม่ใช่ การพัฒนาระบบจะเสร็จในช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค. แต่จะต้องมีกระบวนการในการทดสอบระบบตอบ หลังจากที่รับมอบระบบแล้ว  ซึ่งสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ DGA ก็จะต้องมีการทดสอบระบบ และมีความคิดว่าอาจจะต้องทำเป็น sandbox  ด้วยหรือไม่ เพื่อให้มั่นใจว่าระบบสามารถใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ จากนั้นไตรมาส 2 ก็น่าจะสามารถจ่ายเงิน 10,000 บาทได้

นายจุลพันธ์ยังกล่าวว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบการออกสลากการกุศลพิเศษเพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล จำนวน 11 ล้านฉบับ โดยมีเป้าหมายในการระดมเงินภายใน 2 ปี ให้ได้วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท โดยขั้นตอนต่อไป หน่วยงานที่มีความต้องการใช้วงเงินในส่วนนี้ต้องเสนอโครงการในการขอใช้งบประมาณเข้ามาให้พิจารณาภายในเดือน ก.พ.- มี.ค.นี้

ถามถึงกระแสการตอบรับขายสลาก N3 หรือสลากเลข 3 ตัวไม่ค่อยดี นายจุลพันธ์กล่าวว่า เราดูอยู่ตลอดทุกเดือน ทุกงวด คงจะต้องมีการสรุปบทเรียนกันอีกครั้งว่า N3 ยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่เราจะทำต่อหรือไม่.