อิ๊งค์รับนายกฯ2คน! ไม่เกี่ยง‘ทักษิณ’ตัวจริง ปชน.โวซักฟอกน็อกรบ.

“นายกฯ อิ๊งค์” ยันไม่มีแผนปรับ ครม. คุย “พีระพันธุ์” ปกติ เมินกระแสเหน็บนายกฯ  หลายคน เฉลยเหตุ “ทักษิณ” พูดนำก่อนเพราะคุยหลังไมค์กัน พร้อมท่องคาถาว่าเป็นแค่วิสัยทัศน์ รัฐบาลทำหรือไม่ก็ได้ เผยพรรคร่วม-รมต.ไม่มีใครดื้อ มีแต่นายกฯ ดื้อที่สุด “เสี่ยหนู” ควง “เนวิน” อวยพรปีใหม่นายเก่าแล้ว “เอกนัฏ” ลั่นมั่นใจ 100% รทสช.มีแต่เพิ่มไม่มีลด “ปชน.” ยันไทม์ไลน์อภิปรายไม่ไว้วางใจไม่เปลี่ยน ย้ำมีเรื่องชั้น 14 แน่

เมื่อวันอังคารที่ 7 ม.ค.2568 น.ส.แพทองธาร   ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายปรับลดค่าไฟถือเป็นหลักประกันเก้าอี้ของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ด้วยหรือไม่ว่า อันนี้ไม่ทราบเลยว่าทำไม หลังไมค์เคยคุยกับสื่อด้วยซ้ำ ไม่เคยพูดเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี  (ครม.) และยังไม่ได้พูดเลยด้วยซ้ำ คิดว่าอำนาจการปรับ ครม.เป็นของนายกฯ แต่ยังไม่ทราบว่าจะมีการปรับ ครม. นายพีระพันธุ์ก็พูดคุยกันอยู่เมื่อสักครู่ และก็ไม่มีการจะปรับ ครม.

เมื่อถามว่า นายกฯ ระบุว่ายังไม่ปรับ ครม.ตอนนี้ แต่ก่อนหน้านี้เคยบอกว่าจะเรียกรัฐมนตรีรายบุคคลเข้ามาประเมินผลงานภายใน 3 เดือน น.ส.แพทองธารตอบว่า เรื่องนี้เป็นแพลน ต้องโทษตัวเอง เพราะความจริงอยากคุยตั้งแต่เริ่มเป็นนายกฯ แต่พอหลายอย่างเข้ามาก็ต้องแยกก่อนว่าแต่ละกระทรวงรับผิดชอบงานหัวข้ออะไรบ้าง การเชิญรัฐมนตรีเข้ามาคุยได้แจ้งทุกท่านตั้งแต่ปี 2567 แล้ว เรื่องนี้รัฐมนตรีไม่ตกใจแน่นอน เพราะความจริงเป็นเพียงการอัปเดตว่าสถานะของแต่ละนโยบายทำถึงไหนแล้ว ซึ่งจะทำให้เกิดผลเป็นรูปธรรม คิดว่าภายในเดือนนี้จะมีการเชิญรัฐมนตรี 2 กระทรวงมาพูดคุย

เมื่อถามว่า หากแก้ทุนผูกขาดไม่ได้จะเปลี่ยนคนทำงานแทน อย่างที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ พูดบนเวทีปราศรัยหรือไม่ น.ส.แพทองธารหัวเราะก่อนตอบว่า ที่นายทักษิณพูด ถ้าฟังดีๆ คิดว่าเป็นสไตล์การทำงานของนายทักษิณ ซึ่งไม่เหมือนกับตนเอง คนละแบบกัน การที่เรียกมาคุย คือจริงๆ แล้วรัฐมนตรีทุกท่าน รองนายกฯ ทุกท่านมีไลน์ส่วนตัวอยู่แล้ว สามารถพูดคุยได้ อย่าง รมว.พาณิชย์ เรื่องราคาสินค้าพูดคุยกันว่าจะช่วยสินค้าเกษตรนั้นๆ อย่างไรได้บ้าง อันนี้เป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการ ไม่อยากให้มีการผูกขาดเกิดขึ้น เป็นสิ่งที่เน้นย้ำไป จากนั้นเป็นขั้นตอนการทำงาน การจะเปลี่ยนตัวอะไรยังไม่มีการพูดถึง

ถามอีกว่า นายกฯ มีสไตล์การทำงานที่ต่างจากนายทักษิณ แต่การปรับ ครม.ของนายกฯ จะเป็น 3 เดือนหรือ 6 เดือน น.ส.แพทองธารตอบว่า  “นักข่าวถามสไตล์การทำงานดิฉันแตกต่างจากคุณพ่ออย่างไร ดิฉันจะคุยก่อนและคุยตรงๆ ว่าสิ่งนี้อยากให้เกิดขึ้นได้ไหม และส่วนกลางจะสนับสนุนเรื่องอะไรได้บ้าง ถ้าพูดไปแล้วไม่เกิดขึ้นเป็นเพราะอะไรต้องคุยกันให้รู้เรื่อง ถ้าละเลยไม่สนใจทำงานมันเห็นได้ถึงเจตนาอยู่แล้ว อันนี้คงไม่ใช่ แต่ถ้าเป็นกระบวนการของมันเราเข้าใจได้ เราก็ต้องสนับสนุนให้เดินไปต่อ เพราะการมีเสถียรภาพทำให้งานมันเกิด ไม่ว่าจะในกระทรวงหรือในรัฐบาล ทำให้งานต่อเนื่อง ดิฉันคิดว่ายังไม่มีแผนที่จะปรับคณะรัฐมนตรี ถ้ามีหรืออย่างไรจะบอกอีกที แต่ตอนนี้ยังไม่ได้คิดเรื่องดังกล่าวเลย และทุกอย่างต้องดูจากผลงาน”

เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรกับการเคลื่อนไหวของนายทักษิณที่พูดทั้งเรื่องนโยบายและเรื่องการเมือง มองเป็นการบดบังรัศมีของนายกฯ หรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า เข้าใจว่าทุกท่านเวลาที่พูดกันว่า นายกฯ ตัวจริงบ้าง นายกฯ กี่คนบ้าง อะไรก็ตามที่แปลว่าหลายๆ นายกฯ  ทุกอย่างที่ผ่านมาคือมันต่างตรงที่ว่า พอดีตนเองเป็นลูก ไม่ได้เป็นคู่แข่งกับท่าน โตขึ้นมาในบ้านที่ท่านเป็นหัวหน้าครอบครัว การที่ท่านพูดหากเรานำมาประยุกต์ได้มันคือสิ่งดี และทุกอย่างเป็นแหล่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้าน  นักวิชาการ รัฐมนตรี พูดอะไรที่เป็นประโยชน์มองว่าคนนำมาใช้ เราจะฟังไม่ได้เลยกับคนที่ไม่ชอบเราคงไม่ได้ อย่างคุณพ่อเองเคยเป็นนายกฯ มาก่อน และประสบความสำเร็จอย่างมาก ฉะนั้นการพูดรับฟังได้อยู่แล้ว และความจริงถ้ารู้สึกไม่แฮปปี้เมื่อไหร่ สื่อมวลชนก็ต้องรู้หลังไมค์แน่นอน เราคิดง่ายๆ ว่าเวลาคนในครอบครัวคุยกัน อย่างไรก็คือหนึ่งในนั้น เป็นแบบนั้น ถ้าถามว่ารู้สึกอะไรหรือไม่ที่ท่านพูดออกไป ก็ไม่ มันเป็นสไตล์การพูดของท่าน

รับคุยหลังไมค์ก่อน

เมื่อถามย้ำว่า แต่นายทักษิณพูดนโยบายออกมาก่อนแล้วรัฐบาลมักจะตาม ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่าเป็นนายกฯ ตัวจริงหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า “ก็นั่นคือการคุยกันหลังไมค์ก่อน และตัวดิฉันก็กำหนดไว้ว่าการให้สัมภาษณ์คือวันอังคารหลัง ครม.เท่านั้น พอนายทักษิณออกไปพูดคุยก่อนก็เป็นรอบที่ท่านได้พูดก่อน ก็ไม่เป็นไร เพราะประโยชน์อยู่ที่ประเทศ ถ้ามันเกิดขึ้นจริง และดิฉันไม่ได้กระทบอะไร ไม่ได้รู้สึกว่านายกฯ สองคนสามคน แล้วต้องเสียใจหรืออะไร”

เมื่อถามอีกว่า เหมือนแบ่งบทกันให้พ่อเป็นฝ่ายบู๊ ลูกเป็นฝ่ายประนีประนอม น.ส.แพทองธารกล่าวว่า สิ่งที่นายทักษิณพูดหลายอย่างมันก็ไม่ได้เกิดขึ้น หลายอย่างต้องผ่านมติ ครม. มติพรรค นายทักษิณเป็นคนมีวิสัยทัศน์คิดต่อยอด ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี ท่านไม่ได้ดำรงตำแหน่งอะไร ก็เป็นวิสัยทัศน์จะนำมาปฏิบัติหรือไม่อยู่ที่ฝ่ายบริหาร ต้องแยกว่าวิสัยทัศน์เป็นอย่างนั้น ฝ่ายบริหารว่าอย่างไร ต้องแยกภาพให้ชัด มันไม่ได้กระทบกันทั้งหมด ถ้ากระทบเรื่องดีมันก็ดี

เมื่อถามว่า วันนี้ยังไม่มีพรรคไหนดื้อหรือรัฐมนตรีคนไหนยังไม่ผ่านงานใช่หรือไม่ ทำให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ที่ยืนอยู่ด้านหลัง น.ส.แพทองธาร ได้หันไปจับแขนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ   และ รมว.มหาดไทย พร้อมถามว่า “ดื้อรึเปล่า”    ก่อนตอบเองว่า “มีแต่น่ารักไม่มีดื้อ” ทำให้ น.ส.แพทองธารถึงกับหัวเราะและบอกว่า    “ท่านบอกว่ามีแต่น่ารักไม่มีดื้อ สรุปนายกฯ ดื้อสุด”

น.ส.แพทองธารยังกล่าวถึงกรณีดรามาที่นายทักษิณพูดถึงการผลักดันหญิงไทยให้เป็นนางแบบระดับโลก โดยเปรียบเทียบกับชาวแอฟริกา ว่าจากที่ฟังเนื้อความพูดเหยียดจริงๆ   หรือไม่ ขอให้ลองไปฟังที่คุณพ่อพูดดูก็ค่อนข้างมั่นใจ 100% เลยว่าเจตนาเรื่องการเหยียดผิวไม่มีแน่ๆ ซึ่งคุณพ่อเคยบอกก่อนหน้านี้ว่าคนไทยจะไปทำศัลยกรรมทำไม เราก็สวยแบบไทยของเรา  รวมถึงการเพิ่มโอกาสให้กับคนที่ไม่ต้องเสียเงินไปทำจมูก ไปทำศัลยกรรม เราก็สามารถประกวดในแบบของเราได้ นี่คือความตั้งใจของคุณพ่อในเรื่องของโอกาส ลองไปฟังต้นฉบับก่อน มั่นใจเลยว่าคุณพ่อไม่เคยเหยียดเรื่องนี้ คุณพ่อเป็นคนที่ไม่ได้เหยียดคนอยู่แล้ว ถ้าได้ยินหรือเข้าใจผิดอย่างนั้น คิดว่าไม่ใช่แน่นอน

เมื่อถามว่า แต่เมื่อพูดถึงภาพอื่นก็อาจเป็นการไปเหยียดเชื้อชาติเขาหรือเปล่า นายกฯ กล่าวว่า โอ๊ย ไม่มีทาง ทุกชาติเขาก็มีความสวยเป็นธรรมชาติของเขา เหมือนที่เรามองว่าคนนี้ต้องเป็นคนญี่ปุ่นแน่เลย คนนี้ต้องเป็นคนเกาหลีแน่เลย ก็เป็นเรื่องเชื้อชาติ มองเห็นว่าเป็นคนชาติไหนก็แค่นั้น

ถามว่า สว.อยากให้นายกฯ ไปเตือนนายทักษิณในเรื่องนี้ นายกฯ กล่าวว่า ก็มีการคุยกันอยู่แล้ว และทราบถึงความตั้งใจ เพราะเรื่องนี้นายทักษิณพูดมาก่อนสัมภาษณ์ด้วยซ้ำ มันไม่ใช่เรื่องการเหยียด ฉะนั้นก็ไม่ต้องเตือนอะไร

น.ส.แพทองธารยังกล่าวถึงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินในรายการเช่าอพาร์ตเมนต์ที่ประเทศอังกฤษ เป็นการเช่าในนามบริษัทหรือส่วนตัวว่า ได้แจ้ง ป.ป.ช.ไปแล้วเกี่ยวกับสิทธิการเช่า ที่อังกฤษเขาให้เช่า ข้อกฎหมายเขาไม่เหมือนบ้านเรา ซึ่งรายละเอียดแจ้ง ป.ป.ช.ถูกต้องตามกฎหมายไปหมดแล้ว

ท่องคาถาแค่วิสัยทัศน์

  ด้านนายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย  (พท.) กล่าวถึงกรณีนายทักษิณระบุเรื่องราคาไฟฟ้าอยู่ที่ 3.70 บาท จะทำให้พรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะนายพีระพันธุ์เกิดความรู้สึกอึดอัดในการทำงานร่วมกันหรือไม่ ว่าสิ่งที่นายทักษิณพูดถือเป็นวิสัยทัศน์ เพราะท่านเองมีประสบการณ์ ออกมาพูดเพราะอยากให้เป็นอย่างไร ส่วนวิธีการจะไปถึงจุดนั้นได้หรือไม่ อย่างไร เป็นหน้าที่ของนายกฯ ซึ่งนายกฯ บอกแล้วว่าไม่ว่าใครจะพูดอย่างไร ถ้าเป็นผลพลอยได้ของประชาชนมันไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว และยืนยันว่าพรรคร่วมรัฐบาลไม่มีปัญหาอะไรกัน ในที่ประชุม ครม.ก็คุยกันดี และเมื่อวันที่ 6 ม.ค. นายพีระพันธุ์ก็ไปตอบกระทู้ สว. ชัดเจนว่านายกฯ ได้กำชับถึงสิ่งที่ต้องการให้ประชาชนมีรายจ่ายน้อยลง

“นายทักษิณถือเป็นคนไทยคนหนึ่งที่อยากให้ค่าครองชีพของประชาชนถูกลง และตัวเลขที่กำหนดออกมาไม่ได้เป็นอะไรที่เสียหาย ถ้ารัฐบาลทำถึงหรือทำให้ถูกกว่านั้นมันก็ดีต่อประเทศหมด” นายสรวงศ์ระบุ

เมื่อถามว่า ตอนนี้ปฏิเสธไม่ได้ใช่หรือไม่ว่านายทักษิณพูดแล้วรัฐบาลรับลูกต่อ นายสรวงศ์กล่าวว่า มันไม่ใช่อย่างนั้น เพราะในบ้านเขาก็คุยกันในฐานะพ่อลูก ซึ่งเป็นไปได้ที่นายทักษิณจะเอาไปพูดบ้าง มันไม่ใช่ว่านายทักษิณพูดอะไรแล้วรัฐบาลต้องทำตามทุกสิ่งทุกอย่าง ถือเป็นวิสัยทัศน์ของท่านเท่านั้น ขอให้ประชาชนเข้าใจด้วย เพราะพ่อลูกก็ปรึกษากันเป็นธรรมดา อยากให้โฟกัสการทำงานที่นายกฯ และ ครม.ชุดนี้

 ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้คนมองว่า น.ส.แพทองธารเหมือนเป็นนายกฯ ตุ๊กตา ส่วนนายทักษิณเป็นนายกฯ ตัวจริง นายสรวงศ์กล่าวว่า ทุกอย่างต้องให้สื่อมวลชนกระจายกันไปด้วย สื่อรู้ดีว่าใครทำงาน ใครไม่ทำงาน โดยเฉพาะสื่อที่อยู่ทำเนียบฯ และทำข่าวตามนายกฯ จะรู้ดีว่านายกฯ ทำงานจริงหรือไม่จริง ใครที่บอกว่านายกฯ เป็นตุ๊กตาก็ให้เขาว่าไป เอาที่สบายใจ แต่ว่าเราก็ทำงานของเราอย่างเต็มที่

นายสรวงศ์ยังกล่าวถึงกรณีนายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่ามีแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงชาวต่างชาติที่เข้ามาในไทยไปประเทศที่ 3 ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะไทย ประเทศเพื่อนบ้านก็เป็นฐานสำหรับการปฏิบัติการแก๊งคอลเซ็นเตอร์และมิจฉาชีพอยู่แล้ว ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาล พูดคุยกับประเทศเพื่อนบ้าน ร่วมมือกันแก้ปัญหา  ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่แล้ว และไม่ใช่แค่ทวีปเอเชีย  แต่ในทวีปยุโรปและอเมริกาก็มีปัญหา

เมื่อถามว่า นายทักษิณระบุว่าภายในปี 2568 รัฐบาลจะดำเนินการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้หมด นายสรวงศ์กล่าวว่า เป็นวิสัยทัศน์และเป้าหมายที่ต้องพยายามทำให้ได้ ไม่ต้องให้นายทักษิณพูด ใครจะพูดก็แล้วแต่ น.ส.แพทองธารก็มีความคิดที่จะดำเนินการอยู่แล้ว รวมถึงสิ่งต่างๆ ที่เป็นปัญหาความทุกข์ร้อนของประชาชน ยืนยันว่ารัฐบาลพยายามอย่างยิ่งเพื่อแก้ปัญหาให้เร็วและทั่วถึงที่สุด

เสี่ยหนูควงพี่เนอวยพรทักษิณ

ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย  ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินสายอวยพรผู้หลักผู้ใหญ่ในช่วงเทศกาลปีใหม่ว่า เป็นเรื่องที่ทำเป็นปกติทุกปีอยู่แล้ว ทุกคนแหละ ไม่ใช่ท่านทักษิณคนเดียว รวมถึงอดีตผู้บังคับบัญชา ท่านองคมนตรี  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็พยายามนัดเข้าไปกราบอวยพรปีใหม่อยู่

เมื่อถามย้ำว่า ในส่วนนายทักษิณได้ไปกราบอวยพรแล้วหรือยัง นายอนุทินกล่าวว่า ไปกราบมาแล้ว ไปเจอมาแล้ว เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องการเมือง ไปสวัสดีปีใหม่เพียงอย่างเดียว และไปกินบะหมี่ ไม่ได้กินมาม่า

เมื่อซักว่า นายทักษิณได้ฝากอะไรเกี่ยวกับการทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่  นายอนุทินย้ำว่า ไม่ได้คุยเรื่องการทำงาน ตอนนี้นายทักษิณมาอยู่ไทย เราก็อวยพรสวัสดีปีใหม่ท่านผู้ใหญ่ ส่วนมีการหารือประเมินถึงสถานการณ์การเมืองปีนี้หรือไม่นั้น นายทักษิณไม่ได้ถามเรื่องพวกนี้เลย ซึ่งนายทักษิณบอกว่า น.ส.แพทองธารชมตนเองในเรื่องการทำงานว่าสนับสนุนนายกฯ อย่างดี ซึ่งก็ฟังและยิ้ม

เมื่อถามอีกว่า นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรทีมฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไปด้วยหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ก็ไปด้วยกัน ก็นั่งกินข้าวกลางวันกัน ซึ่งตนกับนายเนวินก็เคยเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลของนายทักษิณตั้งแต่ปี 2546

เมื่อถามอีกว่า ความสัมพันธ์ดีอย่างนี้ ภูมิใจไทยจะไม่ถูกเขี่ยออกจาก ครม.แน่นอนใช่หรือไม่ นายอนุทินหัวเราะก่อนตอบว่า ทำไมถามนำอย่างนี้ ทำอะไรผิดล่ะ ก็บอกแล้วไงว่าน่ารักอย่างนี้

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวเปิดใจต่อสื่อมวลชนถึงกระแสของพรรค รทสช.ว่า ตอนลงพื้นที่กับนายพีระพันธุ์ มีประชาชนมาทักทายให้กำลังใจ สงสัยต้องบอกว่าให้เปลี่ยนชื่อเป็นพีระพังจริงๆ เถอะ เพราะชื่อนี้ถูกโฉลก  และก็ขอให้เปลี่ยนนามสกุลตนเองเป็น พร้อมพังด้วย

 “ยืนยันว่า รทสช.ไปต่อ 100% พรรคนี้ไม่มีลด มีแต่เพิ่ม เรื่องการเมืองเป็นเรื่องปกติที่จะมีใครไปหรือมา ผมมั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรค รทสช.จะมี สส.เพิ่มขึ้นแน่นอน" นายเอกนัฏกล่าว

ปชน.ยันมีเรื่องชั้น 14 แน่

นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า อยู่ระหว่างการเตรียมประเด็น แต่ยืนยันในเส้นเวลาเดิม ช่วงเดือน มี.ค.หรืออาจเร็วกว่านั้น ในกลางเดือน ก.พ. ยืนยันว่ามีประเด็นที่เป็นหมัดเด็ดน็อกรัฐบาลได้แน่นอน รวมถึงยืนยันว่าพรรค ปชน.สามารถตั้งคำถามกรณีมีคนใดคนหนึ่งมีอิทธิพลต่อรัฐบาล

นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวในเรื่องนี้ว่า กรอบกว้างๆ น่าจะอยู่ที่ราวปลาย ก.พ. ต้น มี.ค. หรืออาจขยับไปสัปดาห์ที่ 2 ของเดือน มี.ค. โดยจะไม่ช้าไปกว่านั้น โดยมีหลายเรื่องทั้งระดับนโยบายหรือการบริหารราชการที่ล้มเหลว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเอื้อกลุ่มทุนผูกขาด การเอื้อตัวบุคคลบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม และเรื่องนโยบายที่ล้มเหลวเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา

เมื่อถามถึงไม้เด็ดในการอภิปรายน็อกรัฐบาล นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า ตั้งแต่อนาคตใหม่ ก้าวไกล มาจนถึงพรรคประชาชน จะมีไม้เด็ดที่เราไม่เปิดเผยก่อน แต่ทุกครั้งการน็อกกลางสภาของการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเกิดขึ้นน้อยมาก เพราะไม่ได้ขึ้นอยู่กับข้อมูลเป็นหลัก แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางการเมืองและสถานการณ์ความร้าวฉานของพรรคร่วมรัฐบาล สิ่งที่เราต้องการจริงๆ คือหวังว่าจะมีการโหวตไปตามเหตุผลและข้อมูล แต่ถ้าไม่ได้สิ่งที่เราหวังจริงๆ คือให้ข้อมูลกับประชาชนรับทราบว่ารัฐบาลที่ทำงานอยู่มีข้อบกพร่องหรือข้อทุจริตใดๆ ที่ปกปิดเอาไว้บ้าง และทำให้สังคมหันมาสนใจการเมือง และสนใจการใช้อำนาจตรวจสอบอำนาจบริหาร

 “ขอย้ำอีกรอบว่า รัฐบาลนี้ไม่ได้เพิ่งเข้ามาทำงานเมื่อเดือน ส.ค. แต่เป็นรัฐบาลที่ทำงานมาแล้ว 1 ปีกว่าๆ หน้าตาเหมือนเดิม เปลี่ยนขยับนิดหน่อยแค่เพียงพรรคเดียว ดังนั้นกว่า 1 ปีควรต้องพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามีผลงานอะไรที่เป็นรูปธรรม ข้ออ้างที่ว่าเพิ่งมาเป็นนายกฯ ไม่กี่เดือน ไม่ใช่เป็นข้ออ้างที่สมเหตุสมผล”

เมื่อถามว่า เปิดเผยได้หรือไม่ว่าจะมีรัฐมนตรีที่ถูกล็อกเป้าอภิปรายเกิน 10 คนหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า ยังไม่แน่ใจ แต่น่าจะเกือบครบทุกพรรคร่วมรัฐบาลแน่ๆ แต่จะมีบางพรรคที่เพิ่งเข้าร่วม ยังไม่แน่ใจ ต้องรอดู และมีเรื่องชั้น 14 แน่นอน

นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม กล่าวถึงกรณีนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ระบุจะอภิปรายไม่ไว้วางใจทุกกระทรวงไม่เว้นคนนามสกุลจึงรุ่งเรืองกิจ  ว่าต้องขอบคุณนายวิโรจน์ ซึ่งการที่ฝ่ายค้านตรวจสอบรัฐบาลเป็นเรื่องปกติ ถือเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำ และมั่นใจและเชื่อว่าทุกกระทรวงภายใต้การบริหารของ น.ส.แพทองธาร มีความพร้อมให้ตรวจสอบอย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมา

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงความคืบหน้าการจำคุกนอกเรือนจำที่กรมราชทัณฑ์เตรียมบังคับใช้ในเดือน ม.ค.นี้ว่า  ปัจจุบันคณะกรรมการที่ดูแลเรื่องนี้กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งเป็นอำนาจของกรมราชทัณฑ์ โดย 4 กลุ่มคนที่จะได้รับการพิจารณาเข้าเกณฑ์ คือ 1.กลุ่มที่ได้รับการจำแนก 2.กลุ่มที่ต้องได้รับการพิจารณาพฤตินิสัย 3.กลุ่มเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย และ 4.กลุ่มผู้ต้องขังเจ็บป่วย ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ หากเดินทางกลับไทยก็ไม่ได้เข้าเกณฑ์ เนื่องจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์มีโทษเกิน 5 ปี โดยผู้ที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าวต้องมีโทษไม่เกิน 4 ปี ส่วนที่มีการคาดการณ์ว่าหากมีการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ ก็จะเข้าเกณฑ์นั้น ไม่อยากให้พูดถึงประเด็นนั้น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'แพทองธาร' ขนคณะลงพื้นที่ภูเก็ตตัดริบบิ้นเปิดงานพิธีแสดงเรือนานาชาติ!

'นายกฯ' ลงพื้นที่ภูเก็ตพรุ่งนี้ ขอแก้ไขปัญหาให้ครบทุกวงจร เพิ่มศักยภาพทุกมิติทั้งท่องเที่ยว ยกเป็นต้นแบบทำให้ได้ทุกจังหวัด