ไฟเขียวงบ69วงเงิน3.78ล้านล.

ครม.เคาะกรอบงบประมาณปี 69 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ขาดดุล 8.6 แสนล้านบาท นายกฯ กำชับคลังจัดเก็บรายได้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ย้ำทุกหน่วยใช้งบคุ้มค่า "จุลพันธ์" ชี้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ หวัง ธปท.ทำเงินเฟ้อเข้ากรอบระดับ 2%

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 7 มกราคม นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า  ที่ประชุม ครม.เห็นชอบกรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 โดยมีกรอบวงเงินทั้งหมด 3,780,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณปี 68 จำนวน 27,900 ล้านบาท หรือเพิ่มร้อยละ 0.7 กำหนดเป้าหมายรายได้สุทธิจำนวน 2.920 ล้านล้านบาท ขาดดุลงบประมาณ 860,000  ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 4.3 ของจีดีพี นับว่าได้จัดทำงบประมาณขาดดุลลดลงจากงบประมาณปี 68 ภายใต้สมมติฐานในปี 2569 จีดีพีขยายตัวร้อยละ 2.3-3.3 (ค่ากลางร้อยละ 2.8) และอัตราเงินเฟ้อ ในช่วงร้อยละ 0.7-1.7 (ค่ากลางร้อยละ 1.2)

โดยมีรายละเอียดกรอบงบประมาณ ดังนี้ รายจ่ายประจำ 2.645 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 70.0 ของวงเงินงบประมาณ การชดใช้เงินคงคลัง 123,541 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3.3 ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุน 860,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 22.7 และรายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน 151,200 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 4.0  

สำหรับงบประมาณปีนี้ดำเนินนโยบายสำคัญของรัฐบาล รวมถึงสร้างเสริมขีดความสามารถของประเทศ และเร่งแก้ปัญหาเร่งด่วนที่เป็นนโยบายของรัฐบาล ทั้งปัญหาหนี้สิน รายได้ และค่าครองชีพ ตลอดจนสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศ นอกจากนี้ เป็นการต่อยอดภาคการผลิต พัฒนาภาคการผลิต เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน เร่งส่งเสริมการท่องเที่ยวและการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ให้เกิดความเท่าเทียมกันอย่างยั่งยืน

นายจิรายุกล่าวว่า ที่ประชุม ครม.ยังเน้นไปยังส่วนราชการต่างๆ ให้นำไปปฏิบัติ ดังนี้ 1.ให้กระทรวงการคลังจัดเก็บรายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยให้เทียบเคียงกับประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใกล้เคียงกับประเทศไทย 2.ให้หน่วยรับงบประมาณใช้จ่ายงบที่ได้รับการจัดสรรอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากที่สุด เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าและประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ส่วนการจัดทำคำของบประมาณให้ขอรับเท่าที่จำเป็นเท่านั้น โดยให้ความสำคัญกับการลงทุนกับโครงการต่างๆ ของภาครัฐ 3.ส่วนราชการและหน่วยงานราชการที่มีเงินนอกงบประมาณ ทั้งเงินรายได้และเงินสะสมให้นำเงินส่วนดังกล่าวมาใช้ในการดำเนินโครงการ นอกจากนี้ยังกำชับให้ส่วนราชการที่มีเงินนอกงบประมาณนำเงินส่วนนี้ไปใช้ก่อนเป็นภารกิจหลัก 4.ให้ทุกกระทรวงและรัฐวิสาหกิจเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนภาครัฐวิสาหกิจ รวมทั้งให้รัฐวิสาหกิจพิจารณาการลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องและจูงใจภาคเอกชนเพื่อให้นักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น

ทางด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กรอบงบประมาณปี 2569 ที่ ครม.เห็นชอบ เป็นไปตามที่ที่ประชุม 4 หน่วยงานเศรษฐกิจ ได้แก่ กระทรวงการคลัง, ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.), สำนักงบประมาณ และสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เห็นชอบ

ทั้งนี้ หน่วยงานเศรษฐกิจต่างมองว่าระดับของงบประมาณนี้เหมาะสมกับการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะต่อไป ซึ่งหลังจากนี้จะเข้าสู่ขั้นตอนและกระบวนการตามกฎหมายต่อไป ซึ่งกระทรวงการคลังจะต้องดูการจัดเก็บรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมาย สำนักงบประมาณต้องดูในเรื่องของการใช้จ่าย และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ต้องมีหน้าที่ไปดูเงินเฟ้อให้ได้ตามกรอบเป้าหมายร้อยละ 1-3 และให้เป็นไปตามข้อตกลงระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะทำให้เงินเฟ้อเข้าใกล้ร้อยละ 2 ตามที่ตกลงไว้ โดยเรื่องนี้ต้องให้เวลาที่ ธปท.จะทำให้เงินเฟ้อเข้ากรอบและค่ากลางที่ร้อยละ 2

นอกจากนั้น ในข้อตกลงระหว่างกระทรวงการคลังและ ธปท. ยังมีการกำหนดด้วยว่า ธปท.จะต้องดูแลให้อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ในระดับเหมาะสมที่จะทำให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันระหว่างคู่ค้าและคู่แข่ง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'จิรายุ' ตีปาก 'สส.โรม' อย่าพูดให้ประเทศเสียหาย ปมยิงอดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้รับรายงานจาก พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กรณีมีอดีต สส. ของกัมพูชา ถูกยิงเสียชีวิตในประเทศไทยแล้ว