‘อ้วน’สั่งทบทวน หนทางดับไฟใต้ พูดคุยให้ถูกคน

ยังไร้แววเมียนมาปล่อย 4 คนไทย "ภูมิธรรม" ย้ำต้องรอจบกระบวนการ ขอไม่ลงรายละเอียดอาจกระทบการเจรจา นั่ง​หัวโต๊ะ กบฉ.​ไฟเขียวยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน​ อ.ยะหา สั่งทบทวนยุทธศาสตร์​แก้ปัญหา ถามคุยถูกคนหรือไม่​ เชื่อ​ “ทักษิณ​” นั่งที่ปรึกษาประธานอาเซียน​ช่วยได้​ อวย ผบ.ทอ.​ทำอาหารอร่อย บรรยากาศกินข้าว ผบ.เหล่าทัพดีมาก

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 6 มกราคม นายภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม​ กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน (กบฉ.) ครั้งที่ 1/2568​ ถึงความคืบหน้าการปล่อยตัว 4 ลูกเรือไทยที่ถูกทางการเมียนมาจับกุมว่า กระทรวงการต่างประเทศ ทหาร ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดกำลังพยายามทำหน้าที่ ซึ่งเมียนมาตอบสนองโดยปล่อยคนไทย 151 มา ส่วน 4 ลูกเรือเป็นกระบวนการที่จะต้องดำเนินการตามกฎหมายให้ครบถ้วน ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามประสานงานอยู่

"ขณะนี้ทั้ง 4 คนอยู่ที่จังหวัดเกาะสอง ซึ่งได้พาญาติไปเยี่ยมเรียบร้อยแล้ว สร้างความสบายใจขึ้นว่าทุกคนยังอยู่ปกติดี ซึ่งกระบวนการเรื่องนี้มีขั้นตอนเหมือนกันทุกประเทศ เราเองจับคนต่างชาติมาก็ต้องมีกระบวนการเหมือนกัน ดังนั้นต้องรอการดำเนินการที่ชัดเจนมากขึ้น"

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทั้ง 4 คนต้องรอรับโทษของเมียนมาก่อนใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่ใช่ แต่ต้องให้กระบวนการทำหน้าที่ไป ซึ่งขณะนี้ยังไม่จบ กระบวนการต่างประเทศหากมาพูดกันชัดเจนจะช่วยเหลือกันได้อย่างไรจะยิ่งเกิดความยากลำบาก แต่อยากให้เห็นว่ารัฐบาลตั้งใจที่จะแก้ปัญหา และมีการประสานงานอย่างต่อเนื่อง ส่วนผลจะเป็นอย่างไรอยู่ที่การพูดคุยกัน ส่วนระยะเวลาคงตอบไม่ได้ อาจจะจบพรุ่งนี้หรือสัปดาห์หน้าก็ได้ อยู่ที่กระบวนการและประเทศเมียนมาด้วย แต่ละคดีไม่เหมือนกัน เอามาเป็นบรรทัดฐานเหมือนกันไม่ได้ ขอให้รอให้จบก่อนดีกว่า อย่ารู้รายละเอียดมากเพราะจะทำให้การพูดคุยยากลำบาก

นายภูมิธรรม​กล่าวถึงการประชุม กบฉ.ว่า​ ที่ประชุมเห็นชอบให้ยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ อ.ยะหา จ.ยะลา ออกจากพื้นที่ที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ซึ่งเดิมมีการประกาศในพื้นที่ 33 อำเภอ ขณะนี้เหลือ​ 17 อำเภอ แต่วันนี้ได้มีการตั้งคำถามว่า ที่ทำอยู่เดินมาถูกทางแล้วหรือไม่ เพราะเกี่ยวพันกับการทำงานด้านอื่น ทั้งเรื่องความมั่นคงที่ยังเผชิญกับสถานการณ์ความรุนแรง ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของทั้งประชาชนและเจ้าหน้าที่​ หากสามารถแก้ไขปัญหาได้ดีขึ้นก็เป็นผลบวก แต่ตนได้ฝากเป็นคำถาม ซึ่งจะต้องได้คำตอบภายใน 1 เดือน คือวิธีการและยุทธศาสตร์ในการทำงาน เพื่อกำหนดเป้าหมายทั้งหมดว่ามาถูกต้องและถูกทางแล้วหรือไม่ ซึ่งได้ให้โจทย์ไปหลายข้อเพื่อให้กลับไปช่วยกันคิด เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นมากกว่า 20 ปีแล้ว แต่ไม่ได้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น หากไม่มีการทบทวนหรือประเมินก็จะเป็นอยู่แบบเดิม

"ได้สั่งให้ไปดูยุทธศาสตร์การทำงานในพื้นที่ว่าควรจะเป็นอย่างไร รวมถึงการตั้งหัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขชายแดนภาคใต้ ได้ย้ำว่ายุทธศาสตร์ต้องชัดถึงจะกำหนดยุทธวิธีในการขจัดปัญหา และกลุ่มบุคคลที่จะเข้ามาดำเนินการ ซึ่งภายในเดือน ม.ค. เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) รับปากจะไปดำเนินการหาข้อสรุป​ และได้บอกว่าไม่ต้องเกรงใจกัน อีกทั้งอยากให้ สมช.ได้ฟังหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ หากตรงไหนมีความลำบากใจที่จะพูดคุย ก็ให้ส่งข้อมูลมาให้ผม หรือทางเลขาฯ สมช.ก็ได้​ เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาและทำให้มันดีขึ้น"

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายทักษิณ​ ชินวัตร​ อดีตนายกฯ เป็นที่ปรึกษาของประธานอาเซียน นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกฯ มาเลเซีย นายภูมิธรรม​กล่าวว่า น่าจะเป็นผลดีต่อการแก้ไขปัญหาพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ เพราะมีเรื่องมาเลเซียเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย และนายกฯ มาเลเซียก็ปรารถนาอยากทำให้พื้นที่ชายแดนของทั้ง 2 ประเทศสงบ และเป็นพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจ ความมุ่งหวังที่ตรงกัน และมีนายทักษิณเป็นที่ปรึกษา น่าจะทำให้ไทยได้ผลประโยชน์ และเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น

"ไม่กังวลใจอะไร หากตั้งยุทธศาสตร์ได้และตกลงกันว่ายังคงเหมือนเดิม​ การจัดตั้งคณะพูดคุยก็เดินหน้า​ ซึ่งก็ย้ำว่าให้เสร็จ​ ไม่อยากให้เราเดินไปตามเกมหรือวิธีการของฝ่ายตรงข้าม ผมต้องการให้การเจรจาถูกคน ซึ่งหากถูกคนสถานการณ์ก็ต้องคลี่คลาย หากไม่ถูกตัวก็ต้องกลับมาทบทวน เพราะเราก็มีความตั้งใจที่จะทำให้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เดินไปข้างหน้าในทิศทางที่ดี" รองนายกฯและ รมว.กลาโหมกล่าว

รองนายกฯ และ รมว.กลาโหมกล่าวถึงบรรยากาศการร่วมรับประทานอาหารกับ ผบ.เหล่าทัพเมื่อวันที่ 5 ม.ค.ว่า ในวงรับประทานอาหารวานนี้ไม่ได้มีการพูดคุยประเด็นอะไรเป็นพิเศษ แต่เกิดขึ้นจากก่อนหน้านี้เคยร่วมรับประทานอาหารกับ ผบ.เหล่าทัพที่สถานทูตไทย​ประจำเวียดนาม​ ซึ่งมีคนบอกว่า พล.อ.อ.พันธ์ภักดี​ พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ทำกะเพราเนื้ออร่อยมาก​ รวมถึงพะโล้ซึ่งเป็นสูตรของคุณแม่ ตนเลยพูดไปว่าถ้าแบบนี้ต้องเชิญตนไปทานข้าว จึงเป็นที่มาของการนัดรับประทานอาหารร่วมกันเมื่อวันที่ 5 ม.ค. ซึ่งต้องยอมรับว่าฝีมือใช้ได้เลย​ ตนไม่ได้กินอย่างเดียวคือคั่วกลิ้ง เนื่องจากมีขมิ้นเป็นส่วนผสม อย่างไรก็ดี ผบ.ทอ.ฝีมือยอดจริงๆ เป็นบุญที่ได้ทาน ขณะเดียวกัน ผบ.ทอ.ยังได้มอบไข่ไก่สุขภาพ ใส่กระเช้าไก่ เพราะ ผบ.ทอ.ชื่อเล่นว่าไก่

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากนี้จะหมุนเวียนไปยังบ้าน ผบ.เหล่าทัพคนอื่นๆ หรือไม่​ นายภูมิธรรมกล่าวว่า​ ถ้าใครชวน​ตนก็ไป​ ส่วนการทำงานร่วมกับเหล่าทัพไม่เคยไม่ราบรื่น​.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง