ไม่กล้าเขี่ยพีระพันธ์ แม้วเกทับไฟฟ้าเหลือ3.70 จะทุบทุนผูกขาดทุกชนิด!

"พ่อนายกฯ" โชว์เหนือ จะทุบค่าไฟฟ้าเหลือ 3.70 ต่อหน่วย เผยนายกฯ อิ๊งค์จ่อเรียกทุกฝ่ายคุยให้เต็มใจยอมรับถูกรีดไขมัน โวจะทุบการผูกขาดทุกรูปแบบให้หมด ราคาสินค้าจะลดลงตาม เพื่่อให้ ปชช.มีค่าใช้จ่ายในชีวิตต่ำลง เชื่อปีนี้่ได้เห็นภาพเศรษฐกิจฟื้น ยันยังไม่มีเหตุปัจจัยปรับ ครม. ลูกสาวบอกยังสบายๆ ทำงานกับ ครม.ชุดนี้ไม่มีปัญหา สยบลือปรับ “พีระพันธุ์” ออก บอกรู้จักมานานคุยกันรู้เรื่อง "นิด้าโพล" ชี้การเมือง 68 วุ่นวายเหมือนเดิม เศรษฐกิจจะแย่ลง แต่เชื่อ "มาดามแพ" อยู่ยาวตลอดปี  "ซูเปอร์โพล" เผย ปชช.อยากเห็นการปฏิรูปการเมือง แก้ปัญหาคอร์รัปชัน

เมื่อวันอาทิตย์ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวปราศรัยหาเสียงช่วยนางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ผู้สมัครนายก อบจ.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ที่โรงเรียนปล้องวิทยา จ.เชียงราย ตอนหนึ่งว่า บ้านเรามีเสือนอนกิน มีทุกที่วงการ กำลังนั่งไล่ รัฐมนตรีไปพูดกับข้าราชการ ก็มีคำแก้ตัวสารพัด นายกฯ ก็ไปพูดกับรัฐมนตรีว่าต้องทำให้ได้ ถ้าทำไม่ได้จะเปลี่ยนคนมาแทน  รัฐมนตรีจึงจะตื่นตัว อย่างเช่นเรื่องข้าว เรื่องไฟฟ้า

"ปีนี้ค่าไฟฟ้าจะต้องลงไปอยู่ที่เลข 3 ไม่ใช่เลข 4 ใจผมอยากให้เหลือ 3.50 บาท แต่คงได้แค่ 3.70 บาท กำลังให้เขาช่วยทุบอยู่ ปีนี้ค่าไฟลงแน่ เห็นตัวเลขแล้วทุบได้ ขณะที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ  (กฟผ.) เป็นองค์กรผลิตไฟฟ้าเพื่อขายเอากำไรส่วนหนึ่ง และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และเอกชน ก็จะนำมาจ่ายต่อ สุดท้ายประชาชนก็ตายกันพอดี จึงต้องแก้ไขปัญหาและยืนยันให้ค่าไฟฟ้าลดลง เมื่อนั้นสินค้าอื่นๆ ก็จะลดลงตาม ค่าอาหารสัตว์ ค่าปุ๋ย ค่ายาก็จะให้ลง เพราะธุรกิจย่อมหวังผลกำไร แต่ไม่ใช่ได้กำไรแล้วอยู่อย่างสุขสบาย"

นายทักษิณกล่าวด้วยว่า เรื่องนี้จะต้องทำให้เป็นจริงภายในปีนี้ให้หมดทุกอย่าง ถึงบอกว่าปีนี้รัฐบาลต้องทำงานหนัก 1.ยาเสพติด ต้องเอาให้เกลี้ยง 2.Call Center ต้องเอาให้เกลี้ยง 3.การผูกขาดทุกรูปแบบต้องเอาให้หมด เพื่อให้พี่น้องมีค่าใช้จ่ายในชีวิตต่ำลง ทำรายได้ให้ดีขึ้น มีโอกาสดีขึ้น ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นในปี 68

ต่อมานายทักษิณให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่แย้มเรื่องแนวทางการทุบค่าไฟให้เหลือ 3.70 บาทต่อหน่วยว่า ตนไปดูมาแล้ว ไปดูมาแล้วมันสามารถรีดไขมันจากค่าไฟได้อยู่จำนวนหนึ่ง น่าจะเป็นไปได้ และดูว่าน่าจะลงได้อีก ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ดูแล้ว และจะเรียกทุกคนประชุม ให้ทุกคนเต็มใจยอมรับกับการรีดไขมันครั้งนี้ ทุกฝ่ายรวมถึงภาคเอกชนด้วย ต้องช่วยกัน วันนี้ถ้าชาวบ้านจน เอกชนไม่มีรวย ถ้าอยากรวย ต้องให้ชาวบ้านหายจน ส่วนตัวเลข 3.70 หนักหนาหรือไม่นั้น ดูเหมือนหนัก แต่เป็นสิ่งที่เป็นไปได้

เมื่อถามว่า ส่วนตัวได้พูดคุยกับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงานหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า คุยกัน วันก่อนก็มานั่งคุยกัน ตนคุยกับนายพีระพันธุ์และไฟฟ้า ให้หาทางช่วยกัน

ส่วนกระแสข่าวที่นายพีระพันธุ์อาจถูกปรับออกจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) รอบนี้ นายทักษิณกล่าวว่า “อ๋อ ไม่มี คุยกันรู้เรื่อง ไม่มีอะไรเลย พีระพันธุ์เขาเป็นคนตั้งใจ รู้จักกันมานาน เคยมีความคุ้นเคยกัน รู้เรื่องทุกเรื่อง”

เมื่อถามย้ำว่า นายกฯ แพทองธารยังมีการเปรยเรื่องของการปรับ ครม.ในช่วงนี้ใช่หรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า “ไม่มีเลย วันนั้นคุยกัน เขาบอกว่าพ่อ อิ๊งค์ยังสบายๆ ถ้าทำงานกับ ครม.ชุดนี้ ไม่มีปัญหา ยังไปกันได้ดี” ส่วนยังอยู่ยาวได้ใช่หรือไม่ นายทักษิณระบุว่า "ยังไม่มีเหตุปัจจัย"

ปีนี้ได้เห็นเศรษฐกิจฟื้น

นายทักษิณยอมรับด้วยว่าได้เสียแชมป์นายกรัฐมนตรีที่รวยที่สุดของไทยให้กับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ลูกสาว โดยระบุว่า เสียแชมป์ไปแล้ว ไม่เป็นไร อย่างมากก็ให้ลูกเลี้ยง มีคนบอกว่ารัฐบาลพ่อเลี้ยง เราดีหน่อย บอกว่าลูกเลี้ยงเรา

ส่วนที่หลายคนมองว่านายกฯ แพทองธารนั้นรวยมาก นายทักษิณกล่าวว่า ตนอยู่เมืองนอก ไม่รู้จะทำอะไร เจอของสวยๆ งามๆ ก็ซื้อให้ลูก ก็ช็อปปิ้ง 

พ่อนายกฯ กล่าวถึงเศรษฐกิจในปีนี้ที่รัฐบาลต้องทำงานอย่างหนักว่า เรื่องที่สำคัญคือเราต้องมองโครงสร้างของปัญหาเศรษฐกิจ ต้องเร่งแก้ไขก่อน เช่น เม็ดเงินที่ไม่ได้อยู่ในระบบ ทำให้หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจไม่ได้ ขณะเดียวกันต้องพัฒนาคนในระบบเศรษฐกิจว่าจะส่งเสริมความรู้ความสามารถที่มีอยู่อย่างไร อย่างเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์ คนไทยมีศักยภาพอยู่ แต่ต้องฝึกฝนให้ดี รวมถึงอุตสาหกรรมด้านการท่องเที่ยวก็ต้องฝึกคนให้รองรับ เมื่อเม็ดเงินมีคนรองรับ ระบบไปได้ ก็ต้องทำพร้อมๆ กัน พร้อมยอมรับว่าอาจจะต้องมีเรื่องของการใช้จ่ายภาครัฐ เมกะโปรเจกต์บ้าง  การจะฟื้นเศรษฐกิจ ถ้าต่างจังหวัดไม่ฟื้น กรุงเทพฯ ฟื้นยาก มันต้องฟื้นไปด้วยกัน

ส่วนจะรับเป็นที่ปรึกษาให้กับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในเรื่องเศรษฐกิจหรือไม่ เพราะดูเหมือนการฟื้นเศรษฐกิจจะยาก นายทักษิณกล่าวว่า ปีนี้จะเห็นเยอะ นายกฯ กำลังเรียกประชุมหลายฝ่ายเพื่อที่จะตกผลึกในวิธีการทำงานให้บรรลุเป้าหมาย และต้องยอมรับว่ากลไกของรัฐปัจจุบันเปลี่ยนไปจากเดิม อุ้ยอ้ายขึ้น และอำนาจก็ไปอยู่กับราชการ ต้องอาศัยความร่วมมือ

เมื่อเวลา 18.00 น. ที่โรงเรียนแม่จันวิทยาคม   จ.เชียงราย นายทักษิณกล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า     เรื่องค่าน้ำมัน แม้อิงตลาดโลก แต่อิงแบบโง่ๆ   บอกว่าอิงราคาสิงคโปร์ แต่สิงคโปร์ไม่มีน้ำมัน ซื้อมาทั้งนั้น ทำไมต้องไปอิงราคาสิงคโปร์ มีค่าตลาด  ค่านั่นค่านี่ วันนี้เราต้องทุบ และตนถนัดทุบราคาทุกชนิด การผูกขาดทุกชนิด ทำให้ประชาชนจนลง  เราต้องค่อยๆ ลด แต่ไม่สามารถลดได้ชั่วข้ามคืน  แต่เราต้องเริ่มทำตั้งแต่วันนี้ เพราะถึงเวลาที่คนไทยต้องอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี อยู่อย่างไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ ดีกว่าซื้อรถถัง

ทั้งนี้ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงหลังมีกระแสข่าวหนาหูว่าจะมีการปรับพรรค รทสช.ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล  พร้อมโชว์ผลงานปี 2567 ตรึงค่าไฟฟ้าไว้ที่หน่วยละ 4.18 บาท และคงค่าไฟฟ้าสำหรับกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกินเดือนละ 300 หน่วย ไว้ที่ราคาหน่วยละ 3.99 บาท มาได้ตลอดทั้งปี 2567 พร้อมกางแผนงาน ปี 2568 ในการลดราคาพลังงาน จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้พี่น้องประชาชน และบอกทำงานสายตัวแทบขาด แต่ถูกกลุ่มเสียประโยชน์ปั้นข่าวใส่ร้ายพร้อมประกาศว่า ไม่กลัววิชามาร ไม่หวั่นไหว

วันเดียวกัน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)  เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “การเมือง เศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิต ในปี 2568”ระหว่างวันที่ 16-18 ธันวาคม 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค รวม 1,310 หน่วยตัวอย่าง เมื่อถามประชาชนถึงสถานการณ์ทางการเมืองไทยโดยทั่วไปในปี 2568 เมื่อเทียบกับปี 2567 พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 50.61 ระบุว่าสถานการณ์ทางการเมือง จะวุ่นวายเหมือนเดิม รองลงมา ร้อยละ 39.92 ระบุว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะวุ่นวายมากขึ้น,  ร้อยละ 7.33 ระบุว่าจะวุ่นวายน้อยลง และร้อยละ 2.14 ระบุว่าจะไม่วุ่นวายเลย

'มาดามแพ' อยู่ครบเทอม

ด้านความคิดเห็นเกี่ยวกับรัฐบาลนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ในปี 2568 พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 51.22 ระบุว่านายกฯ แพทองธารจะอยู่ยาวตลอดทั้งปี รองลงมา ร้อยละ 21.60 ระบุว่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี, ร้อยละ 15.34 ระบุว่าจะมีการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่, ร้อยละ 15.04 ระบุว่าจะเกิดความแตกแยกในพรรคร่วมรัฐบาล และทำให้รัฐบาลล่ม, ร้อยละ 5.88 ระบุว่านายกฯ แพทองธารจะลาออก, ร้อยละ 5.73 ระบุว่านายกฯ แพทองธารจะโดนชุมนุมขับไล่ ทำให้ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี, ร้อยละ 3.05 ระบุว่ารัฐบาลนายกฯ แพทองธารจะโดนรัฐประหาร, ร้อยละ 2.82 ระบุว่านายกฯ แพทองธาร  จะโดนคดีความทางการเมืองจนต้องหลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี, ร้อยละ 1.76 ระบุว่านายกฯ แพทองธารจะเปิดทางให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรีแทน

สำหรับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจไทยในปี 2568 เมื่อเทียบกับปี 2567 พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 34.35 ระบุว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจจะแย่เหมือนเดิม รองลงมา ร้อยละ 32.82 ระบุว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจจะแย่ลง, ร้อยละ 21.99 ระบุว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจจะดีขึ้น และร้อยละ 10.84 ระบุว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจจะดีเหมือนเดิม

ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงคุณภาพชีวิตโดยทั่วไปในสังคมไทย ในปี 2568 เมื่อเทียบกับปี 2567 พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 34.43 ระบุว่าคุณภาพชีวิตโดยทั่วไปของคนในสังคมไทยจะแย่เหมือนเดิม รองลงมา ร้อยละ 33.20 ระบุว่าคุณภาพชีวิตโดยทั่วไปของคนในสังคมไทยจะแย่ลง, ร้อยละ 20.46 ระบุว่าคุณภาพชีวิตโดยทั่วไปของคนในสังคมไทยจะดีขึ้น และร้อยละ 11.91 ระบุว่า คุณภาพชีวิตโดยทั่วไปของคนในสังคมไทยจะดีเหมือนเดิม

ดร.ชาญวิชย์ อริยาวรนันต์ รักษาการผู้อำนวยการ สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เสนอผลสำรวจเรื่อง เสียงของประชาชนที่หายไป กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศครั้งนี้ สะท้อนถึงความต้องการและความกังวลของประชาชนที่อาจจะไม่ได้รับการตอบสนองหรือความสนใจจากผู้มีอำนาจและนโยบายสาธารณะอย่างเพียงพอ เสียงของประชาชนที่หายไปจึงมีความหมายลึกซึ้ง โดยเน้นย้ำถึงความเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้กับประชาชน รวมจำนวนตัวอย่างในการวิเคราะห์ทางสถิติ 1,165 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 2-4 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา

พบว่า ด้านการเมือง: การปฏิรูปการเมืองให้มีความโปร่งใสและยุติธรรมมากขึ้น ร้อยละ 72.3, ความมั่นคงของรัฐบาลที่มีความสำคัญต่อเสถียรภาพของประเทศ ร้อยละ 68.1, คอร์รัปชัน ยังคงเป็นประเด็นสำคัญที่รัฐบาลต้องแก้ไข ร้อยละ 64.5, ความเหลื่อมล้ำทางการเมืองในการเข้าถึงอำนาจทั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติ และการแทรกแซงทางการเมือง ร้อยละ 59.7,   ประชาธิปไตยและสิทธิเสรีภาพมีความสำคัญที่ต้องช่วยกันปกป้องรักษา ร้อยละ 55.8

ด้านเศรษฐกิจ: ความยั่งยืนของเศรษฐกิจ แก้ปัญหาปากท้องได้จริงไม่หลอกลวงประชาชน ร้อยละ 75.8, การจ้างงานที่ต้องกระจายสู่ท้องถิ่น ร้อยละ 70.2, รายได้และการกระจายรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำคนในสังคมเมืองและนอกเมือง ร้อยละ 65.9, นวัตกรรมและการลงทุน เป็นกุญแจสำคัญของการเติบโตของเศรษฐกิจ ร้อยละ 60.7, สภาพแวดล้อมการลงทุนที่จำเป็นต้องเร่งปรับปรุง ธรรมาภิบาล การส่งเสริมการลงทุน วัตถุดิบ แรงงานคุณภาพ เป็นต้น ร้อยละ 55.4

ด้านสังคม: การเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ เป็นสิทธิพื้นฐานที่ควรได้รับการปรับปรุง ร้อยละ 78.3, สิทธิสุขภาพและการรักษาพยาบาลที่ประชาชนทั่วไประดับรากหญ้าเข้าถึงได้ ร้อยละ 73.1, ความมั่นคงของสังคมที่เป็นปัจจัยสำคัญสร้างสังคมดีมีความสุข ร้อยละ 68.2, ปัญหาความรุนแรงในครอบครัวและชุมชน ที่ต้องได้รับการแก้ไขเร่งด่วน ร้อยละ 64.4, สิทธิและความเท่าเทียมของผู้หญิงที่รัฐบาลโดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีหญิงควรเร่งดูแลใกล้ชิด ร้อยละ 59.9

สำหรับข้อเสนอแนะ การสร้างความตระหนักรู้และการศึกษาเชิงลึก: องค์กรปกครองและสื่อมวลชนควรร่วมมือกันในการสร้างความตระหนักรู้และให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ประชาชน เพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมในกระบวนการปฏิรูปและการพัฒนาสังคมอย่างมีส่วนร่วม, การสร้างโอกาสในการเข้าถึงบริการพื้นฐาน: รัฐบาลควรเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นในการสนับสนุนการเข้าถึงการศึกษาและสุขภาพที่มีคุณภาพสำหรับทุกคน,   การส่งเสริมการเมืองที่เปิดกว้างและยุติธรรม: นโยบายและกลไกการเมืองควรเป็นไปในทิศทางที่สนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนในทุกขั้นตอนของการตัดสินใจทางการเมือง, การปรับปรุงระบบธรรมาภิบาลและความโปร่งใส: เพิ่มความโปร่งใสในการบริหารและการจัดการงบประมาณ ตลอดจนการตรวจสอบและการประเมินผลการใช้จ่ายของภาครัฐ การนำเสนอข้อเสนอแนะเหล่านี้จะช่วยให้ผู้อ่านเห็นถึงการมีส่วนร่วมอย่างจริงจังของสำนักงานโพลในการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและการเมืองที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชนโดยรวม และทำให้ผู้อ่านรู้สึกถึงความต้องการที่จะสนับสนุนหรือมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเหล่านี้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'นายกฯอิ๊งค์' ยัน 'ทักษิณ' ไม่มีเจตนาเหยียดเชื้อชาติ-สีผิวชาวแอฟริกา

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีดรามาที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ปราศรัยหาเสียงนายก อบจ.เชียงราย ถึงการผลักดันหญิงไทยให้เป็นนางแบบระดับโลก โดยเปรียบเทียบกับชาวแอฟริกา

'ทักษิณ' สติแตก หาเสียงเหยียดเชื้อชาติ ขู่ส่งเชือกผูกคอคนด่า

ทักษิณ ยิ่งปราศรัยยิ่งมีอาการหนักขึ้น อัดใหญ่มาจากไหน กล้าข่มขู่ส่งเชือกไปผูกคอคนวิจารณ์ ฟาดกลับถ้ากลัวมากต้องเลิกเป็นรัฐบาลไปนอน