โค้งสุดท้ายสังเวย393ศพ ศปถ.จ่อถอดบทเรียนอีก

โค้งสุดท้าย 10 วันอันตราย วันที่ 9  เกิดอุบัติเหตุรวม 2,322 ครั้ง บาดเจ็บรวม 2,251  คน ผู้เสียชีวิต 393 ราย ศปถ.ย้ำจังหวัดเข้มการตั้งจุดพักรถและจุดบริการประชาชน กำชับดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกประชาชนในช่วงวันสุดท้ายของการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่อย่างเต็มกำลัง

เมื่อวันที่ 5 มกราคม ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายดนุชา พิชยนันท์  เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานแถลงผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2568 (ศปถ.) ประจำวันที่ 4 มกราคม 2568 เปิดเผยว่า วันนี้เป็นวันหยุดวันสุดท้ายก่อนเปิดทำงานในวันจันทร์ ประชาชนที่หยุดยาวต่อเนื่องและนักท่องเที่ยวที่เดินทางท่องเที่ยวในพื้นที่ต่างๆ จึงเดินทางกลับในวันนี้ ทำให้จำนวนรถบนท้องถนนกลับมามีปริมาณหนาแน่นอีกครั้ง ศปถ.จึงประสานให้จังหวัดเพิ่มการจัดจุดพักรถและจุดบริการประชาชน เพื่อรองรับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ขับรถติดต่อกันเป็นเวลานาน เพื่อลดความเสี่ยงจากความเหนื่อยล้าของร่างกายและการหลับในของผู้ขับขี่  ตรวจสอบประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ยังคงติดค้างในสถานีขนส่งและจัดเตรียมรถโดยสารสาธารณะให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชน ให้ทุกคนสามารถเดินทางถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างปลอดภัยและทันเวลา โดยไม่ทิ้งการกวดขันพฤติกรรมเสี่ยงของผู้ใช้รถใช้ถนนและการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น โดยหากพบผู้ขับขี่มีพฤติกรรมเสี่ยง ให้ดำเนินการตามกฎหมายทันที

นอกจากนี้ ยังขอให้จังหวัดประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนในประเด็นเกี่ยวกับมาตรการหรือข้อควรปฏิบัติในการขับขี่ยานพาหนะ เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงการขับขี่อย่างปลอดภัยและมีวินัยในการเดินทาง

 “ศปถ.ขอให้จังหวัดดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวในการเดินทางอย่างต่อเนื่องและเต็มความสามารถตามมาตรการเน้นย้ำในวันนี้ โดยขอให้เพิ่มการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่ทราบถึงแนวทางการขับขี่อย่างปลอดภัยในพื้นที่ที่มีทัศนวิสัยต่ำจากหมอกลงจัด สภาพอากาศที่มีความชื้นสูง และควันไฟ เนื่องจากช่วงนี้หลายพื้นที่มีอุณหภูมิลดลงและมีหมอกปกคลุมในช่วงเช้า และมีการเผาไร่ข้างทาง ซึ่งอาจส่งผลต่อทัศนวิสัยในการขับขี่ได้ และขอให้เน้นการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับพฤติกรรมเสี่ยงหลักที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุและทำให้เกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิตในกลุ่มเด็กและเยาวชน เช่น การขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด การดื่มแล้วขับ การตัดหน้ากระชั้นชิด การไม่สวมหมวกนิรภัย และจะต้องมีใบอนุญาตขับขี่ยานพาหนะตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อสร้างความตระหนักรู้และกระตุ้นให้เกิดจิตสำนึกในการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย  ไม่ทำพฤติกรรมเสี่ยงดังกล่าว” นายดนุชากล่าว

ด้านนายสหรัฐ วงศ์สกุลวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะประธานการประชุมคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจ  ศปถ. กล่าวว่า ในปีนี้ ศปถ.กำหนดช่วงควบคุมเข้มข้นการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน 10  วัน ตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค.67-วันที่ 5 ม.ค.68 โดยถึงแม้จะพ้นช่วงการเฉลิมฉลองปีใหม่ที่ทำให้ปัจจัยเสี่ยงเรื่องการดื่มแล้วขับลดลง แต่สิ่งที่ยังคงต้องระมัดระวังคือการใช้ความเร็วในการขับรถและระยะทางยาวในการขับขี่อาจทำให้ผู้ขับขี่อ่อนเพลียและเกิดการหลับในได้ ศปถ.มีความห่วงใยในทุกระยะของช่วงควบคุมเข้มข้น จึงขอกำชับให้จังหวัดปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2568 และมาตรการเน้นย้ำเพิ่มเติมอย่างเคร่งครัด  เนื่องจากในวันนี้ (5 ม.ค.68) เป็นวันสุดท้ายของการควบคุมเข้มข้น ศปถ.ขอให้จังหวัดบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ติดตามและตรวจสอบข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุ การบาดเจ็บและเสียชีวิตให้มีความถูกต้อง เพื่อเตรียมสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนจังหวัดช่วงเทศกาลปีใหม่  พ.ศ.2568 และถอดบทเรียนจากการทำงานเพื่อนำมาปรับปรุงการดำเนินงานในช่วงเทศกาลสงกรานต์และวันหยุดยาวอื่นๆ ในปี พ.ศ.2568 ต่อไป

"สำหรับประชาชนที่อยู่ในระหว่างการเดินทางกลับมายังกรุงเทพมหานครและพื้นที่เศรษฐกิจอื่นๆ ศปถ.ขอให้ขับขี่ด้วยความระมัดระวัง ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด และไม่ทำพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุทางถนน โดยเฉพาะการขับรถเร็ว การตัดหน้ากระชั้นชิด  การไม่คาดเข็มขัดนิรภัย และการไม่สวมหมวกกันน็อก หากมีอาการเหนื่อยล้า อ่อนเพลียจากการขับขี่ยานพาหนะเป็นเวลานาน ขอให้แวะพักยังจุดพักรถหรือจุดบริการประชาชนที่ทางราชการจัดเตรียมไว้ ไม่จอดบริเวณไหล่ทาง เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้” นายสหรัฐกล่าว

สำหรับข้อมูลอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ประจำวันที่ 4 มกราคม 2568 ซึ่งเป็นวันที่เก้าของการรณรงค์ “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” เกิดอุบัติเหตุ 169 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 164 คน ผู้เสียชีวิต 23 ราย สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 37.28, ตัดหน้ากระชั้นชิด ร้อยละ 23.67 และทัศนวิสัยไม่ดี ร้อยละ 17.75 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 84.3 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง ร้อยละ 84.43, ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 45.56, ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 30.18

ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เวลา 16.01-17.00 น. ร้อยละ 9.47, เวลา 15.01-16.00 น. ร้อยละ 7.69, เวลา 08.01-09.00 น. เวลา 14.01-15.00 น. เวลา 17.01-18.00 น. และเวลา 18.01-19.00 น. ร้อยละ 7.10  ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 40-49 ปี ร้อยละ 17.65 จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,768 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 50,114 คน โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ตรัง (11 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ ตรัง (11 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ ตรัง นครปฐม นราธิวาส และอุตรดิตถ์ (จังหวัดละ 2 ราย)

สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 9 วันของการรณรงค์ (27 ธันวาคม 2567-4 มกราคม 2568) เกิดอุบัติเหตุรวม 2,322 ครั้ง ผู้บาดเจ็บรวม 2,251 คน ผู้เสียชีวิต รวม 393 จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี (86 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี (95 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (24 ราย).

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สว.ส่งสัญญาณเบรกแก้รธน.

แก้ รธน. "เพื่อไทย" ตีกรรเชียงหนี "พรรคส้ม" ปักธงเคาะร่างแก้ รธน. 256 ไม่แตะหมวดกษัตริย์ “ชูศักดิ์” ชี้พุ่งเป้าไปที่ ส.ส.ร.เป็นหลัก