8 วันอันตราย ตายแล้ว 363 ราย บาดเจ็บ 2,090 คน กทม.เสียชีวิตสูงสุด ศปถ.กำชับทุกภาคส่วนบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น ตั้งจุดตรวจ จุดสกัด จุดพักรถ จุดบริการประชาชน เพื่อกวดขันพฤติกรรมเสี่ยงและอำนวยความสะดวกการเดินทาง ย้ำต้องตรวจเช็กสภาพรถ-คนขับ จัดเตรียมรถโดยสารให้เพียงพอต่อความต้องการ พร้อมประชาสัมพันธ์ประชาชน-นักท่องเที่ยว ใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวัง
เมื่อวันที่ 4 มกราคม ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) นายสหรัฐ วงศ์สกุลวิวัฒน์ รองอธิบดี ปภ. ในฐานะประธานการประชุมคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดทั้งปี เพื่อรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2568 และประธานแถลงผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2568 ประจำวันที่ 3 ม.ค.2568 เปิดเผยว่า วันนี้ยังมีประชาชนเดินทางกลับเข้าพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดอื่นที่เป็นเขตเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆ ทำให้รถบนเส้นทางสายหลักและสายรองมีปริมาณหนาแน่นอีกครั้ง เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น ศปถ.จึงกำชับให้ทุกจังหวัดประสานหน่วยงานในพื้นที่ ให้ยังคงปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2568 อย่างต่อเนื่อง เพื่ออำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยให้แก่ประชาชนที่อยู่ในระหว่างการเดินทางกลับ
โดยเข้มข้นการตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ จุดสกัด บนถนนสายหลัก เพื่อเฝ้าระวัง ตรวจตรา และป้องปรามพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ หากตรวจพบผู้ขับขี่มีพฤติกรรมเสี่ยง ให้ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ร่วมกับการตั้งจุดพักรถและจุดบริการประชาชน เพื่อรองรับประชาชนที่อ่อนเพลียและเหนื่อยล้าจากการขับรถเป็นเวลานาน และการติดตั้งไฟส่องสว่าง ป้ายหรือสัญญาณไฟแจ้งเตือนในบริเวณถนนที่มีทัศนวิสัยต่ำ เพื่อช่วยให้ทัศนวิสัยดีขึ้น และแจ้งเตือนประชาชนให้เพิ่มความระมัดระวังในการใช้เส้นทาง
นอกจากนี้ ได้กำชับให้จังหวัดประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมรถโดยสารสาธารณะบริการรับ-ส่งประชาชนตามสถานีขนส่งต่างๆ ให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน และให้ตรวจสอบสภาพความพร้อมของรถโดยสารสาธารณะและพนักงานขับรถให้สามารถปฏิบัติงานบริการประชาชนได้อย่างปลอดภัย
“ในวันนี้และวันพรุ่งนี้ คาดว่าปริมาณรถบนท้องถนนจะเริ่มกลับมามีความหนาแน่น ทั้งจากประชาชนที่เดินทางกลับมายังกรุงเทพมหานครและพื้นที่เศรษฐกิจ และนักท่องเที่ยวที่ยังอยู่ในพื้นที่ นอกจากการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2568 และมาตรการเน้นย้ำในวันนี้ ศปถ.ขอฝากให้จังหวัดประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่เดินทางสัญจรในพื้นที่ ใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวัง และปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด ต้องสวมใส่อุปกรณ์นิรภัยทุกครั้ง ไม่ดื่มแล้วขับ ไม่ขับรถเร็ว และในกรณีไม่ชำนาญเส้นทาง ต้องลดความเร็วในการขับขี่ลง เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น สำหรับประชาชนและนักท่องเที่ยวในจังหวัดทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะบริเวณยอดดอยและยอดภูที่มีอากาศเย็นและมีหมอกลงจัดในหลายพื้นที่ ขอให้เปิดใช้ไฟตัดหมอก หลีกเลี่ยงการแซง และเพิ่มระยะห่างจากรถคันหน้า และในพื้นที่ที่มีทัศนวิสัยต่ำจากควันไฟที่เกิดจากการเผาไร่สวนข้างทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ ซึ่งอาจทำให้ไม่สามารถมองเห็นทางได้อย่างชัดเจน และเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากขึ้น หากเป็นไปได้ ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการใช้เส้นทางดังกล่าว หากจำเป็น ขอให้ลดความเร็วในการเดินทางลง” นายสหรัฐกล่าว
รองอธิบดี ปภ.กล่าวเพิ่มเติมว่า ศปถ.ขอฝากให้ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนปฏิบัติตามกฎจราจร มีน้ำใจกับผู้ร่วมใช้เส้นทาง และประเมินสภาพความพร้อมในการขับขี่ของตนเองเสมอ โดยหากมีอาการง่วง อ่อนเพลีย หรือรู้สึกเหนื่อยล้าจากการเดินทาง ขอให้แวะพักยังจุดพักรถหรือจุดบริการประชาชนที่ทางราชการจัดสรรไว้ให้ อย่าฝืนขับรถต่อ เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุและความสูญเสียได้ โดยจากการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา พบว่าจุดบริการประชาชนมีส่วนช่วยอย่างมากในการป้องกันอุบัติเหตุ โดยเฉพาะการหลับใน
สำหรับข้อมูลอุบัติเหตุทางถนนฯ ประจำวันที่ 3 ม.ค.2568 ซึ่งเป็นวันที่แปดของการรณรงค์ “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” เกิดอุบัติเหตุ 205 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 199 คน ผู้เสียชีวิต 32 ราย สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ตัดหน้ากระชั้นชิด ร้อยละ 32.2, ขับรถเร็ว ร้อยละ 31.22 และทัศนวิสัยไม่ดี ร้อยละ 17.56 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 90.04 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง ร้อยละ 84.39, ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 50.24, ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 26.83 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เวลา 17.01-18.00 น. ร้อยละ 9.27, เวลา 16.01-17.00 น. ร้อยละ 8.78 และเวลา 10.01-11.00 น. ร้อยละ 7.32 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 50-59 ปี ร้อยละ 15.58 จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,765 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 50,303 คน โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เชียงราย (10 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ เชียงราย (11 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ พิษณุโลก (3 ราย)
สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 8 วันของการรณรงค์ (27 ธันวาคม 2567-3 มกราคม 2568) เกิดอุบัติเหตุรวม 2,149 ครั้ง ผู้บาดเจ็บรวม 2,090 คน ผู้เสียชีวิต รวม 363 ราย จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี (78 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี (88 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (21 ราย).
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
10วันปีใหม่เมาขับ7พันคดี ขับรถเร็วตายบนถนนพุ่ง
ปิดศูนย์ 10 วันอันตรายปีใหม่ สังเวย 436 ศพ เจ็บ 2,376 ราย
‘อ้วน’สั่งทบทวน หนทางดับไฟใต้ พูดคุยให้ถูกคน
ยังไร้แววเมียนมาปล่อย 4 คนไทย "ภูมิธรรม" ย้ำต้องรอจบกระบวนการ
ดักคอล้วงภาษีอุ้มค่าไฟ ‘ดีอี’เร่งกาสิโนขึ้นบนดิน
"ภูมิธรรม" ขำข่าวปรับ ครม.เขี่ย รทสช. บอกอย่าฟังคนปล่อยข่าว
สว.ส่งสัญญาณเบรกแก้รธน.
แก้ รธน. "เพื่อไทย" ตีกรรเชียงหนี "พรรคส้ม" ปักธงเคาะร่างแก้ รธน. 256 ไม่แตะหมวดกษัตริย์ “ชูศักดิ์” ชี้พุ่งเป้าไปที่ ส.ส.ร.เป็นหลัก
รุมตบปากพ่อนายกฯ สว.จี้ขอโทษเหยียดสีผิว/อดีตกกต.แนะอบรมมารยาทหาเสียง
รัฐมนตรีเพื่อไทยดาหน้าป้องนายใหญ่ บอกหาเสียง อบจ.เชียงรายปกติ
ปิดศูนย์ 10 วันอันตรายปีใหม่ สังเวย 436 ศพ เจ็บ 2,376 ราย
ศปถ. สรุปผล 10 วันอันตรายปีใหม่ เสียชีวิต 436 ราย เจ็บ 2,376 คน เกิดอุบัติเหตุ 2,467 ครั้ง สั่งถอดบทเรียนวิเคราะห์ข้อมูลทุกมิติ ขับเคลื่อนสร้างความปลอดภัยทางถนนนตลอดทั้งปี