ไม่กลัวทุนผูกขาด! ‘พีระพันธ์ุ’ ลุยลดราคาพลังงานซัดขบวนการใส่ร้าย

“พีระพันธุ์” สุดทน โพสต์ร่ายผลงานปี 2567 พร้อมยกแผนปี 2568 โชว์ บอกทำงานสายตัวแทบขาดแต่ถูกกลุ่มเสียประโยชน์ปั้นข่าวใส่ร้าย เสี้ยมพรรคเพื่อไทย-นายกฯ โดยเฉพาะหลังมีพรรคใหม่ทุนหนาเปิดตัว “เอกนัฏ”  โพสต์รูปคู่อวดความซี้ปึ้กพร้อมพังไปด้วยกัน “จตุพร” ชำแหละทลายทุนผูกขาดแค่วาทกรรมสวยหรู เชื่อสุดท้ายคนปลิวอาจเป็น รมต. “ธนกร”  วอนฝ่ายค้านเปิดอภิปราย อย่าแค่หวังตีกินคะแนนทางโซเชียล

เมื่อวันเสาร์ที่ 4 มกราคม 2568 นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงหลังมีกระแสข่าวหนาหูว่า จะมีการปรับพรรค   รทสช.ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล โดยช่วงเริ่มต้นนายพีระพันธุ์ได้อวยพรปีใหม่ ก่อนจะชี้แจงผลงานที่ทำในปี 2567 ระบุว่า ถือเป็นปีที่เหนื่อยมาก เพราะต้องทำงานแข่งกับเวลาที่หมดไปอย่างรวดเร็วในแต่ละวันโดยแทบไม่มีการหยุดพัก แต่อย่างน้อยก็ทำสำเร็จเกือบ 100% ตามที่บอกไว้ คือ 1.ตรึงค่าไฟฟ้าไว้ที่หน่วยละ 4.18 บาท และคงค่าไฟฟ้าสำหรับกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกินเดือนละ 300 หน่วย ไว้ที่ราคาหน่วยละ 3.99 บาท มาได้ตลอดทั้งปี 2567 2.ร่างกฎหมายกำกับการประกอบกิจการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงเสร็จแล้ว ตอนนี้กำลังตรวจแก้ไขต้นร่าง  และ 3.กฎหมายส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ หรือโซลาร์รูฟ ซึ่งจะพังทลายกฎเกณฑ์กติกาเดิมๆ ที่ทำให้การใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เป็นเรื่องยุ่งยากและล่าช้า

นายพีระพันธุ์โพสต์อีกว่า ปี 2568 นี้ สิ่งที่วางเป้าหมายไว้เป็นเรื่องแรกเลย คือ จะร่างกฎหมายสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคง หรือ Strategic Petroleum reserve (SPR) ที่จะนำมาใช้แทนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและสร้างความมั่นคงให้ประเทศ ซึ่งจะทำต่อจากกฎหมายกำกับกิจการค้าน้ำมัน โดยระบบนี้จะทำให้ราคาน้ำมันลดลงทันทีอย่างน้อย 2.50 บาท ถึงกว่า 4 บาท แล้วแต่ประเภทของน้ำมัน เพราะไม่มีการเก็บเงินส่วนนี้จากประชาชนอีก แล้วใช้น้ำมันในส่วนนี้ไปชดเชยราคาน้ำมันให้ผู้ค้าน้ำมันแทนเงินที่เก็บจากประชาชน

ส่วนเรื่องค่าไฟฟ้าจะต่อยอดจากกฎหมายส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อช่วยประชาชนให้ลดค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าลงนั้น  กำลังดำเนินการให้กระทรวงพลังงานผลิตอุปกรณ์ที่เป็นอุปกรณ์หลักในการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เรียกว่าเครื่อง Invertor ที่มีราคาแพงประมาณเครื่องละ 30,000-40,000  บาท โดยน่าจะผลิตได้ในราคาเพียง 1 ใน 3 ของราคาในท้องตลาดเท่านั้น ตอนนี้เครื่องต้นแบบผ่านการทดสอบขั้นที่หนึ่งจากสถาบัน สวทช.แล้ว และกำลังรอทดสอบอีกสองขั้นตอน เมื่อผ่านหมดก็จะเริ่มเข้าสู่แผนการผลิตจำหน่ายให้ประชาชนในราคาถูกที่สุด โดยจะหารือกับกระทรวงการคลังเพื่อให้ประชาชนสามารถหักค่าใช้จ่ายส่วนนี้จากภาระภาษีเงินได้ประจำปีด้วย  อีกทั้งยังกำลังดำเนินการหาแนวทางให้กองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในสังกัดกระทรวงพลังงาน สามารถสนับสนุนเงินทุนหรืออย่างใดอย่างหนึ่งให้ประชาชนด้วย

“ผมเชื่อว่าผลงานของรัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานตั้งแต่ปลายปี 2567 ต่อยอดไปถึงปี 2568 จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้พี่น้องประชาชนได้ตามนโยบายรัฐบาล และตามที่ท่านนายกฯ แพทองธารประกาศไว้ และจะช่วยทำให้ประเทศมีความมั่นคงด้านพลังงานมากขึ้นด้วย”

นายพีระพันธุ์โพสต์อีกว่า เคยพูดไว้ว่าสิ่งที่ทำเพื่อพี่น้องประชาชนจะมีคนที่เคยได้ประโยชน์กันมากว่า 50 ปีเป็นอย่างน้อยต้องเสียประโยชน์  เลยรู้ว่าจะต้องโดนวิชามารกระหน่ำแบบไหน แต่ผมไม่กลัวและจะทำให้ได้ ขอเพียงพี่น้องประชาชนช่วยเป็นกำแพงให้พิงเท่านั้นก็พอ  ความสำเร็จของการทำงานเพื่อประชาชนเริ่มทยอยปรากฏให้เห็นมาตั้งแต่ปลายปี 2567 ตามที่วางเป้าหมายไว้ และเป็นที่น่าสังเกตว่า ในช่วงสองสามเดือนก่อนสิ้นปี 2567 ถูกกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่าสื่อบางกลุ่มรุมกระหน่ำปั้นข่าวทุกรูปแบบ โดยเฉพาะเมื่อมีข่าวเปิดตัวพรรคใหม่ทุนหนา ก็มีบัญชีอวตารเปิดใหม่พรึ่บเพื่อใช้ถล่มตนเองแบบไม่ยั้งมือ แต่ไม่เคยหวั่นไหวและจะทำในสิ่งที่ต้องทำเสมอ และพอเห็นว่ากลยุทธ์แบบเดิมทำท่าจะเล่นงานไม่ไหว ก็ไปปั้นข่าวว่าตนเองขัดแย้งกับนายกฯ บ้าง ขัดแย้งกับพรรคแกนนำรัฐบาลบ้าง ทั้งๆ ที่ตนเองและทั้งนายกฯ แพทองธารและอดีตนายกฯ เศรษฐาไม่เคยมีอะไรขัดแย้งกันเลย

“ทั้งสองท่านสนับสนุนการทำงานของผมตลอดมา เพราะเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลทั้งสิ้น  ผลงานเรื่องการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานก็สำเร็จด้วยดี เพราะการสนับสนุนทั้งสองท่าน ล่าสุดที่ท่านนายกฯ แพทองธารประกาศว่าจะทำลายทุนผูกขาด ท่านก็พูดจริง เพราะฉะนั้น ใครจะปั้นข่าวอะไรผมไม่สนใจ ผมสนใจแต่การทำงานและประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเท่านั้น ผมขอขอบคุณอีกครั้ง สำหรับทุกกำลังใจที่มีให้ผมและพรรครวมไทยสร้างชาติมากขึ้นเรื่อยๆ และขอบคุณที่เป็นกำแพงเหล็กให้ผมพิงในการทำงาน และในปี 2568 นี้ ผมจะทำงานให้หนักขึ้นเพื่อความสำเร็จและประโยชน์ชาติบ้านเมืองครับ” นายพีระพันธุ์โพสต์ทิ้งท้าย

ขณะที่ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรค รทสช. ได้โพสต์ข้อความพร้อมรูปคู่ที่ยิ้มแย้มระหว่างนายพีระพันธุ์และนายเอกนัฏผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า #พีระพัง เอกนัฏ #พร้อมพัง

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ภาพดังกล่าวถ่ายที่สนามบินดอนเมืองขาไป จ.ชุมพร งานวันเกิดลูกช้าง  นายสุพล จุลใส สส.ชุมพร พรรค รทสช. 

รายงานข่าวจากพรรค รทสช.แจ้งว่า หลังนายพีระพันธุ์โพสต์ข้อความมีขบวนการปั้นข่าวรุมถล่ม โดยระบุกลุ่มทุนไม่พอใจนายพีระพันธุ์และนายเอกนัฏจนจะถูกปรับคณะรัฐมนตรีนั้น  ความจริงทั้ง 2 คนไม่ได้ขัดแย้งกับแกนนำพรรคเพื่อไทย รวมถึงนายกฯ แต่อย่างใด รวมถึง สส.ทั้ง 36 ของพรรคก็ไม่ได้แตกแยกกันด้วย จึงเป็นเหตุให้นายพีระพันธุ์ต้องโพสต์ข้อเท็จจริงต่างๆ รวมถึงนายเอกนัฏออกมาโพสต์รูปคู่กับหัวหน้าพรรค รทสช. เพื่อแสดงพลังว่าอยู่เคียงข้างกัน รวมถึงที่ผ่านมาทั้งคู่ก็ทำงานจนเป็นที่ชื่นชมจากประชาชน ผลโพลต่างๆ

“พรรคเพื่อไทยจะไม่ปรับนายพีระพันธุ์และนายเอกนัฏออกไปตามที่มีกระแสข่าวออกมา  เพราะต้องไม่ลืมว่าทั้งคู่ถือเป็นตัวแทนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ ด้วย” แหล่งข่าวจาก รทสช.กล่าว

ซัดทลายทุนผูกขาดแค่วาทกรรม

ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน โพสต์เฟซบุ๊กว่า  สถานการณ์ถัดจากนี้การเมืองจะร้อนแรง เพราะทุกอย่างจะมาบรรจบกัน แม้ทุกเรื่องทำให้เกิดโลกสวยและกำลังจะเคลียร์กันได้ แต่เมื่อหมดผลประโยชน์ก็จบกัน ส่วนการปรับ ครม. โดยผู้นำตัวจริงจ้องจะเอานายพีระพันธุ์พ้นจากรัฐมนตรี  เพราะภายในพรรคไม่เป็นเอกภาพกัน แต่ยังมีเวลาให้พรรคนี้ไปแก้ปัญหากันได้อยู่ อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการปรับ ครม.ส่อถึงภายในพรรคร่วมรัฐบาลแทบทุกพรรคมีความเละเทะ ยกเว้นพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ที่พรรคถนัดเสี้ยมยากจะเจาะให้เกิดความขัดแย้งกันได้ เพราะแกนนำพรรคนี้รู้เท่าทันจึงทะลวงยุแยงได้ยาก อีกทั้งนโยบายทลายทุนผูกขาดของรัฐบาล เริ่มเกิดความย้อนแย้งขึ้น และต้องพิสูจน์ว่า ทุนผูกขาดจะใหญ่กว่ารัฐบาลหรือไม่ โดยผลประโยชน์ของประเทศกับทุนผูกขาดเป็นเครื่องชี้วัดการแทรกแซงเพื่อให้วกกลับไปทลายรัฐมนตรี รทสช.ที่จะทลายทุนผูกขาดเสียงเองหรือเปล่า ดังนั้น รัฐบาลชุดนี้จึงเป็นเรื่องของอำนาจและผลประโยชน์เป็นหลัก ที่แลกมาจากการตระบัดสัตย์จนอยู่เหนือนิยามรัฐบาลประชาธิปไตยเผด็จการ

นายจตุพรกล่าวว่า การตระบัดสัตย์เพื่อซื่อสัตย์เป็นเรื่องยากที่สุด เพราะความเป็นจริงทางการเมืองและการร่วมรัฐบาลได้ถูกทำลายไปด้วยกลไกของคนฉลาดแกมโกง เหตุนี้รัฐบาลจึงร้าวฉานด้วยอำนาจ ตำแหน่งหน้าที่ และผลประโยชน์ที่แย่งยื้อยึดกันและกัน การเมืองที่เต็มไปด้วยลมลวงในวาทกรรมทลายทุนผูกขาด เหมือนกับประกาศคำโกหกว่า ไม่จับมือพรรคการเมืองใด ไม่สมคบเผด็จการ โดยลมลวงเหล่านี้ถูกอธิบายให้ประชาชนที่พร้อมรับฟังและเชื่อคำโกหก จึงพูดเท็จได้ตลอดเวลา ซึ่งเป็นความอำมหิตที่ฮึกเหิมกับการผลิตคำโกหก โชว์ความจอมปลอมมาแข่งกันหลอกลวงประชาชน

“ถ้าประชาธิปไตยไม่มีความซื่อสัตย์ในคำมั่นสัญญากับประชาชนแล้ว บ้านเมืองย่อมล้มลงไม่เป็นท่า ดังนั้น อำนาจและผลประโยชน์บางทีไม่เป็นเรื่องของระบอบการปกครอง แต่เป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล โดยมีหลายกรณีคนถือปืนและพวกผ่านเลือกตั้งเข้ามาสู่อำนาจยังมีพฤติกรรมไม่แตกต่างกัน”

นายจตุพรกล่าวว่า การอ้างอำนาจจากประชาธิปไตย แต่บ้านเราเป็นประชาธิปไตยที่แลกด้วยเงินตราเพื่อนำไปซื้ออำนาจ แล้วใช้อำนาจหาเงินซื้อประชาธิปไตย พฤติกรรมจอมปลอมวกวนเช่นนี้เป็นมาต่อเนื่องจนชาชินแทบถอนตัวกันไม่ขึ้น ความอยากปรับ ครม.ก็ไม่รู้จะมีปัญญาทำได้ขนาดไหน แล้วคนซวยกลับเป็นรัฐมนตรีที่จะไปจัดการทุนผูกขาดพลังงานมากกว่า ดังนั้นนโยบายทลายทุนผูกขาดจึงเป็นวาทกรรมลวงๆ จากพฤติกรรมของคนจอมปลอมมากกว่า

จี้ฝ่ายค้านอภิปรายสร้างสรรค์

ขณะเดียวกัน นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค รทสช. กล่าวถึงกรณีพรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลแบบลงมติ ตามมาตรา 151 ในสมัยประชุมนี้ว่า หากมองไทม์ไลน์ที่ฝ่ายค้านวางไว้ว่าจะมีอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลช่วงกลางเดือน ก.พ. หรือหลังวาเลนไทน์ ถือว่าเหมาะสม เนื่องจากเป็นการทำงานต่อเนื่องของ 2 รัฐบาลตั้งแต่สมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน และรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นับรวมแล้วถือว่าก้าวเข้าสู่ปีที่ 2 ของรัฐบาล ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีที่นายกฯ และทุกกระทรวงจะได้ชี้แจงผลการดำเนินงานของตัวเองให้กับประชาชนได้ทราบด้วย เพราะจากที่เห็นการทำงานมาโดยตลอด รัฐบาลและรัฐมนตรีทำงานอย่างเต็มที่ทุกกระทรวง เชื่อว่าจะสามารถชี้แจงฝ่ายค้านได้ทุกประเด็น

นายธนกรกล่าวอีกว่า การที่ฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลครั้งนี้ ควรต้องมีข้อมูลที่แน่นหนามากเพียงพอที่จะอภิปราย ไม่ใช่เป็นเพียงแค่การกล่าวหาโจมตีสร้างวาทกรรมทางการเมืองเท่านั้น ขอให้ฝ่ายค้านใช้การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ให้มีประสิทธิภาพ ใช้เวทีสภาอย่างสร้างสรรค์ ไม่อยากให้เป็นเพียงแค่พิธีกรรม เกรงว่าจะถูกประชาชนประเมินการทำงานของฝ่ายค้านว่า อภิปรายเป็นแค่การเล่นละครฉากใหญ่เท่านั้น ไม่ได้คิดจะตรวจสอบอย่างจริงจังเข้มข้น

“ขอฝ่ายค้านใช้เวทีสภาสร้างสรรค์ หลีกเลี่ยงการสร้างวาทกรรมมากล่าวหาโจมตีให้ร้าย ขอข้อมูลแบบเนื้อๆ เน้นๆ ไม่ใช่น้ำท่วมทุ่ง อภิปรายพอเป็นพิธี เดี๋ยวพี่น้องประชาชนมองแล้วจะหาว่าเป็นการเล่นละครตบตา ผลัดกันเกาหลัง หากมีข้อมูลหลักฐาน ควรนำไปสู่การตรวจสอบได้จริง ไม่ใช่แค่ต้องการสร้างกระแสโซเชียล หวังตีกินทางการเมือง อยากเห็นฝ่ายค้านรุ่นใหม่ ที่ทำหน้าที่อย่างสร้างสรรค์จริงๆ” นายธนกรกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สว.ส่งสัญญาณเบรกแก้รธน.

แก้ รธน. "เพื่อไทย" ตีกรรเชียงหนี "พรรคส้ม" ปักธงเคาะร่างแก้ รธน. 256 ไม่แตะหมวดกษัตริย์ “ชูศักดิ์” ชี้พุ่งเป้าไปที่ ส.ส.ร.เป็นหลัก

'พีระพันธุ์' แจงปลดล็อกโซลาร์รูฟท็อป ลดภาระประชาชน ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับใคร

ในการประชุมวุฒิสภา มีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม พิจารณาตั้งกระทู้ถามทั่วไป ของนายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร สว. ถาม นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงา