"ชัยเกษม" เชื่อ รบ.-นายกฯ อยู่ครบเทอม มั่นใจปมร้อนชั้น 14-เอ็มโอยู 44 ไม่มีปัญหาแก้ได้ ลั่นใครคิดไม่ดีต่อประเทศมีอันเป็นไป เผยหายป่วยแล้วพร้อมทำงานตลอดเวลา "ชูศักดิ์" ถือเป็นสิทธิ์ฝ่ายค้านจ่อยื่นซักฟอก เย้ยไม่มีน้ำหนักก็เสียเองเปรียบ “น้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง "สนธิญา" ประเดิมต้นปี 68 ร้องสอบ "ทักษิณ" 4 ปมร้อน คุยนายกฯ มาเลเซียอยู่ในพื้นที่ประเทศใด-กองเชียร์ รบ.ด่าบุพการี-แจกเงินดิจิทัล-MOU 44 ขัด กม.ไม่หวั่นเช็กบิลกลุ่มนักร้อง "วรชัย" ซัดคนหน้าเดิมปั่นกระแสปูทางเรียกรถถังออกมาเหมือนในอดีต
ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 2 มกราคม 2568 นายชัยเกษม นิติสิริ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในปี 2568 ว่า หากมีเรื่องร้อนเข้ามา ถ้าเราไม่ร้อนกลับไปมันก็ไม่แรง
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีประเด็นร้อน โดยเฉพาะเรื่องชั้น 14 และเอ็มโอยู 44 จะเป็นเงื่อนไขให้รัฐบาลอยู่ไม่ได้หรือไม่ นายชัยเกษมกล่าวว่า คิดว่าไม่มีปัญหา เพราะเชื่อว่าปัญหาทุกอย่างแก้ได้ ซึ่งเชื่อว่าทุกอย่างจะเดินไปได้ด้วยดี เพราะทุกคนอยากให้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรืองด้วยกันทั้งนั้น และทุกอย่างจะคลี่คลายและไปต่อไปได้เรื่อยๆ
"สำหรับตัวผมคิดว่าพอใจการทำงานของรัฐบาล เชื่อว่าในเมืองไทยมีแต่คนทำงานเพื่อชาติและรักกัน จึงไม่ต้องไปห่วง คนที่ไม่หวังดีต่อชาติยังมองไม่เห็นชัดๆ ซักคน และใครที่ไม่หวังดีต่อชาติ ต้องมีอันเป็นไปโดยสภาพของเขาเอง เราไม่ต้องไปทำอะไรหรอก" นายชัยเกษมกล่าว
เมื่อถามว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะอยู่ครบวาระหรือไม่ นายชัยเกษมกล่าวว่า ท่านเป็นคนดี ตั้งใจทำงาน เพราะฉะนั้นไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ซึ่งคนที่จะไปก่อนเวลานั้นต้องมีเหตุ ซึ่งท่านเป็นคนดี ตั้งใจทำงาน ก็เชื่อว่าจะอยู่ไปได้สบายๆ
เมื่อถามว่า น.ส.แพทองธารมีอะไรต้องปรับปรุงในเรื่องการทำงานหรือไม่ นายชัยเกษมกล่าวว่า ท่านขึ้นมาเป็นนายกฯ แล้วต้องรู้ดีกว่าคนอื่น ที่ท่านทำงานมา ตนก็คิดว่าท่านยังทำงานได้ราบรื่นดี เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปห่วงท่านหรอก ท่านฉลาดมาก และมีความเหมาะสมที่จะอยู่ต่อไปเรื่อยๆ
เมื่อถามต่อว่า ขณะนี้สุขภาพแข็งแรงพร้อมจะทำงานตลอดเวลาใช่หรือไม่ นายชัยเกษมกล่าวว่า "ผมนี่พร้อมทำงานตลอดเวลาอยู่แล้ว สุขภาพผมก็ดีขึ้น ที่บอกว่าเดินป่วยเดินเป๋อะไรก็หายไปนมนานแล้ว"
ถามย้ำอีกว่า หากมีอุบัติเหตุทางการเมือง พร้อมจะทำงานเลยใช่หรือไม่ แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า "ไม่มีปัญหา หมอบอกว่าผมโชคดีมหาศาล ที่เคยป่วยหายไปหมดแล้ว โรคทุกอย่างไปหมด จบ สบาย"
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบมีการลงมติ ตามมาตรา 151 ในสมัยประชุมนี้ว่า ถือเป็นสิทธิของฝ่ายค้าน แต่คิดว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้นขึ้นอยู่กับประเด็น เพราะคนที่ยื่นต้องชั่งน้ำหนัก สิ่งที่ยื่นไปมีน้ำหนักมากน้อยเพียงใด ถ้าพูดไปแล้วน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง ก็จะเสียกับตัวผู้ยื่นเอง
เมื่อถามว่า สิ่งที่ฝ่ายค้านเตรียมจะยื่น อาทิ ประเด็นชั้น 14 และเอ็มโอยู 44 ประเมินแล้วมีน้ำหนักเพียงพอหรือไม่ นายชูศักดิ์กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เราคุยนานมาแล้ว ตนเห็นว่าไม่น่าจะมีอะไร
ยื่นสอบทักษิณ 4 ปมร้อน
วันเดียวกัน ที่สำนักงาน ก.พ. ถนนพิษณุโลก วันที่ 2 มกราคม นายสนธิญา สวัสดี ยื่นหนังสือต่อศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล ใน 4 เรื่อง โดยเรื่องแรกคือ กรณีรัฐบาลปล่อยให้ผู้เห็นต่างแสดงความคิดเห็นในแอปพลิเคชัน TikTok หยาบคาย ด่าทอ ผู้เห็นต่างกับฝ่ายรัฐบาล จึงเรียกร้องให้ตรวจสอบดูแลและดำเนินการตามกระบวนการกฎหมาย เนื่องจากมีพฤติกรรมด่าทอไปถึงบุพการี ซึ่งการกระทำของตนนั้นสามารถกระทำได้ตามรัฐธรรมนูญ
เรื่องที่ 2 คือกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นัดพบกับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีประเทศมาเลเซีย ว่านัดเจอกันที่ใด และอยู่ในฝั่งประเทศไทยหรือมาเลเซีย เนื่องจากนายทักษิณยังติดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศในคดี ม.112 แต่หากเป็นฝั่งประเทศไทยนั้น นายอันวาร์ได้รับอนุญาตจากประเทศไทยแล้วหรือไม่
ส่วนกรณีที่ 3 คือนโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่ประกาศแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตให้กับคนไทย โดยในกลุ่มอายุ 16 ปีขึ้นไปจนถึง 59 ปี ที่ยังไม่ได้รับเงินดังกล่าว ว่าจะมีการใช้งบประมาณจากที่ใด และจะแจกเมื่อไหร่
ส่วนกรณีสุดท้ายคือ มาทวงถามเรื่อง MOU 44 ที่เคยยื่นให้นายกรัฐมนตรีได้ตรวจสอบ กรณีที่ประเทศกัมพูชาลากเส้นแบ่งเขตทับซ้อนทางทะเลผ่ากลางเกาะกูดประเทศไทยนั้น ขัดต่อสนธิสัญญาไทย-ฝรั่งเศส และกฎหมายสากลทางทะเลที่ประเทศกัมพูชาไม่ได้เป็นสมาชิกหรือไม่ และเหตุใดรัฐบาลจึงไม่ประกาศยกเลิก MOU 44 ดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการแจ้งความดำเนินคดีในกรณีที่มีผู้ด่าทอไปจนถึงบุพการีหรือไม่ นายสนธิญากล่าวว่า ขนาดนี้จะยังมีการแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าว แต่หากไม่หยุดพฤติกรรมตนเองมีทีมทนายความที่ดูแลคดีในอนาคตในอนาคตก็อาจจะแจ้งความก็ได้
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า มีหลายฝ่ายมองว่า กรณีนายทักษิณเดินทางไปพบกับนายกรัฐมนตรีของประเทศมาเลเซีย ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียนของมาเลเซียจะส่งผลดีต่อประเทศไทยนั้น นายสนธิญาระบุว่า ประเทศไทยมีปัญหารอบด้าน หากนายทักษิณมีศักยภาพจริงตามพรรคเพื่อไทยกล่าวอ้าง ก็ควรจะเห็นเป็นรูปธรรม แต่กรณีตากใบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ กลับมีการปล่อยให้คดีหมดอายุความในสมัยของรัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
นักร้องไม่หวั่นโดนเช็กบิล
"ยินดี และสามารถฟ้องร้องได้เลย ซึ่งภายในสัปดาห์หน้า ผมมีข้อมูลเชิงลึกที่เกี่ยวพันกับกลุ่มคนเหล่านี้ โดยจะมีการไปลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจ ซึ่งมีการโพสต์ข้อความกล่าวหาว่าผมรับใช้ท็อปบูต" นายสนธิญากล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณจะไล่เช็กบิลกับบรรดานักร้องเรียน
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์คลิปพร้อมเนื้อหาบนเฟซบุ๊กในหัวข้อ "ทักษิณคนเดิมกลับมาแล้ว" ระบุว่า หลังจากนายทักษิณ ชินวัตร ประกาศเช็กบิลนักร้องที่ยื่นคำร้องเรียนต่อองค์กรอิสระ เพื่อให้ตรวจสอบนายทักษิณ พรรคเพื่อไทย และรัฐบาล ว่าหลังจากนี้ไปจะเอาคืนโดยการฟ้องกลับ ได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทยเตรียมการยื่นฟ้องร้องต่อบุคคลเหล่านี้แล้ว
บุคคลแรกที่ได้รับเกียรติจากนายทักษิณฟ้องร้องคือ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ผู้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ข้อกล่าวหานายทักษิณล้มล้างการปกครอง แต่ศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องไป จึงทำให้นายทักษิณยกมาเป็นเหตุผลในการฟ้องกลับ
นอกจากนี้ยังมีบุคคลอีกหลายคน ที่อยู่ในข่ายอาจจะถูกนายทักษิณฟ้องกลับอีก เพราะได้ยื่นคำร้องต่อองค์กรอิสระหลายองค์กร หลายสำนวน ซึ่งต้องรอดูว่า นายทักษิณจะฟ้องร้องใครเพิ่มเติมอีกหรือไม่
การแสดงท่าทีอย่างแข็งกร้าวของนายทักษิณ เล่นงานฝ่ายตรงข้ามแบบตาต่อตา ฟันต่อฟันแบบนี้ เคยเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยนายทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรก ได้ใช้กลไกรัฐและอำนาจรัฐตรวจสอบฝ่ายตรงข้ามมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองหรือบุคคลในวงการสื่อสารมวลชน โดยใช้การตรวจสอบภาษี เส้นทางเงิน และรายได้ โดยใช้กรมสรรพากรและ ปปง.เข้ามาตรวจสอบ เห็นได้จากกรณีการตรวจสอบการเงินของแม่ถ้วน หลีกภัย มารดาของนายชวน หลีกภัย และการตรวจสอบนายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส
"วันก่อนในการสัมมนาพรรคเพื่อไทยที่หัวหิน นายทักษิณได้เอ่ยปากให้กรมสรรพากรและ ปปง.ตรวจสอบนักเคลื่อนไหว นักร้องเรียน ที่มีเมีย 3 คน มีลูก 5 คน ไม่มีอาชีพ แต่ส่งลูกไปเรียนเมืองนอก ว่ามีเส้นทางการเงินหรือมีรายได้มาจากไหน ซึ่งตอนนี้จะเห็นได้ว่านายทักษิณยังใช้วิธีการเล่นงานฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองเหมือนเดิม จิตวิญญาณนิสัยดั้งเดิมของนายทักษิณในอดีตได้หวนกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ใช้กลไกรัฐอำนาจรัฐตรวจสอบฝ่ายตรงข้าม กำชับแทรกแซงสื่อหลายสำนัก ห้ามไม่ให้เชิญวิทยากรขาประจำ ที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลออกสื่อหรือเสนอข่าว ขออย่าให้ยุคมืดสมัยอดีตกลับมาครอบงำการเมืองประเทศไทย เหมือนกับยุคสมัยระบอบทักษิณครองเมืองอีกครั้ง" นายเทพไทระบุ
โวยปั่นกระแสปูทางรถถัง
นายวรชัย เหมะ อดีต สส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงทิศทางการเมืองปี 2568 ว่า การเมืองไทยที่ผ่านมายังไม่นิ่งเท่าที่ควร แต่ยังมีเรื่องที่ดี คือกรณีนายทักษิณ ชินวัตร กลับมาประเทศไทย โดยนายทักษิณมีความรู้ ความสามารถ และเป็นคนที่ต่างประเทศให้ความเชื่อมั่น เห็นได้จากการได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาของประธานอาเซียน หากอาเซียนเดินได้ประเทศไทยเราจะดีไปด้วย ดังนั้นในเรื่องนี้ฝ่ายค้านไม่ควรทำตัวเป็นฝ่ายแค้น และควรเปิดใจมองสถานการณ์โลกและในประเทศไทย เปิดใจยอมรับความรู้ความสามารถของนายทักษิณ แล้วนำศักยภาพมาพัฒนาประเทศจะดีกว่า เพราะช่วงที่นายทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ดังนั้นหากใช้ศักยภาพของนายทักษิณได้เต็มที่ เชื่อว่าประเทศไทยจะฟื้นจากวิกฤตที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
นายวรชัยกล่าวถึงกระแสข่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ อาจจะเดินทางกลับประเทศไทยว่า คนไทยทุกคนมีสิทธิกลับประเทศ การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะกลับประเทศแล้วเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งไม่ใช่วิธีพิเศษใดๆ นั้น จะไม่สามารถกลับมาไม่เลยหรือ คนที่ออกมาโจมตีในประเด็นดังกล่าวเป็นความพยายามทำให้เกิดความขัดแย้งรอบใหม่
"การโจมตีที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ น.ส.ยิ่งลักษณ์หรือนายทักษิณ ทั้งหมดเกิดจากคนกลุ่มเดิมที่เป็นคู่ขัดแย้งกับอดีตนายกฯ ทั้งสองท่าน และคนเหล่านี้ไม่ได้คิดถึงผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองเลย หากคนเหล่านี้มีความคิดที่ดีในการทำให้ชาติบ้านเมืองได้พัฒนา ควรต่อสู้กันตามกระบวนการประชาธิปไตย ในสนามเลือกตั้งและรัฐสภา อย่าใช้วิธีปลุกปั่นเพื่อสร้างความขัดแย้งแล้วเรียกรถถังออกมาเหมือนในอดีตอีก" นายวรชัยกล่าว
นายวรชัยกล่าวอีกว่า เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ประเทศ ทั้งด้านสังคมและเศรษฐกิจ เราก็จะเห็นได้ชัดว่าพี่น้องประชาชนต้องการให้รัฐบาลได้ทำงาน ผลักดันนโยบายในการแก้ไขปัญหามากกว่าที่จะไปใส่ใจกับการปลุกปั่นจุดกระแสเพื่อสร้างความขัดแย้ง อีกทั้งประชาชนมีบทเรียนมาแล้วจากในอดีต จึงเชื่อว่าประชาชนจะไม่ใส่ใจกลุ่มคนที่พยายามปลุกปั่น เพราะทุกฝ่ายมองว่าประเทศชาติจะต้องเดินไปข้างหน้าได้แล้ว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘อ้วน’ ยันปล่อย 4 คนไทยเร็วๆนี้
ครบรอบวันชาติเมียนมา 4 ลูกเรือประมงไทยรอเก้อ ยังไม่ได้รับการปล่อยตัว แต่อภัยโทษ 151 คนไทยถูกหลอกทำงานคอลเซ็นเตอร์
8 วัน ดับ 363 ศพ กทม.แชมป์ตาย บังคับใช้กม.เข้ม
8 วันอันตราย ตายแล้ว 363 ราย บาดเจ็บ 2,090 คน กทม.เสียชีวิตสูงสุด ศปถ.กำชับทุกภาคส่วนบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น ตั้งจุดตรวจ จุดสกัด จุดพักรถ
ไม่กลัวทุนผูกขาด! ‘พีระพันธ์ุ’ ลุยลดราคาพลังงานซัดขบวนการใส่ร้าย
“พีระพันธุ์” สุดทน โพสต์ร่ายผลงานปี 2567 พร้อมยกแผนปี 2568 โชว์ บอกทำงานสายตัวแทบขาดแต่ถูกกลุ่มเสียประโยชน์ปั้นข่าวใส่ร้าย เสี้ยมพรรคเพื่อไทย-นายกฯ
แม้วเดินสายโชว์บารมี อิ๊งค์ปราศรัยนครพนม
"ทักษิณ" ลุยหาเสียงผู้สมัครนายก อบจ. จ่อขึ้นเวทีเชียงราย 3 เวที "เทิง-เชียงของ-แม่จัน" ปราศรัยช่วย "สลักจฤฎดิ์-เมียยงยุทธ" ก่อนเดินสายลำปาง-นครพนม-บึงกาฬ-หนองคาย-มหาสารคาม-ศรีสะเกษ
‘แพทองธาร’ เข้าพบ ‘สุรยุทธ์’
นายกฯ เผย สมเด็จพระสังฆราชประทานพรให้แข็งแรง ดูแลบ้านเมืองให้สงบ พร้อมเข้าขอพรปีใหม่ประธานองคมนตรี สักการะพระแก้วมรกต-ศาลหลักเมือง
นายกฯรวยหมื่นล้าน อิ๊งค์แจงบัญชีทรัพย์สิน ใช้จ่ายส่วนตัวปีละ45ล.
“ป.ป.ช.” เปิดทรัพย์สิน “นายกฯ อิ๊งค์” รวยมโหฬารกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท แบกหนี้กู้เงินญาติพี่น้อง 4.4 พันล้าน สะสมนาฬิกา 75 เรือน มูลค่า 162 ล้านบาท มีกระเป๋า 217 ใบ