สลดทิ้งท้าย67 ไฟไหม้-ฝ้าถล่ม เสียชีวิต8ราย

ปิดท้ายปีงูใหญ่ยังดุ สลดไฟไหม้ รร.ย่านบางลำพู คร่าชีวิตต่างชาติ 3 ราย กับเหตุแผ่นปูนชั้นลอยโรงงานถล่มทับคนงานดับ 5 ราย "อนุทิน" กำชับ ผวจ.ประสานท้องถิ่นตรวจเข้มที่พัก สถานที่ท่องเที่ยวปลอดภัย ป้องกันความสูญเสียซ้ำ พม.เร่งช่วยเหลือเยียวยา 2 คนไทยประสบเหตุ “เชจูแอร์"

เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2567 เอเอฟพีรายงานถึงสถานการณ์ล่าสุดของเหตุการณ์เครื่องบินสายการบินเชจูแอร์ ซึ่งบรรทุกผู้โดยสารรวมถึงลูกเรือ 181 คน จากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ ไปยังเกาหลีใต้  ประสบอุบัติเหตุตกในพื้นที่จังหวัดชอลลานัมโด มีการยืนยันจำนวนผู้เสียชีวิตแล้วทั้งหมด 179 ราย โดยมีผู้รอดชีวิตเพียง 2 คนที่ถูกช่วยออกมาจากซากเครื่องบินได้สำเร็จนั้น หน่วยดับเพลิงของประเทศกล่าวว่า จากผู้เสียชีวิตทั้งหมด 179 ราย มี 65 รายที่ได้รับการระบุตัวตนแล้ว และได้เริ่มดำเนินการค้นหาดีเอ็นเอในลำดับต่อไป  เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเชื่อว่า สาเหตุของเครื่องบินตกน่าจะมาจากการชนนก ซึ่งเป็นภัยพิบัติทางการบินครั้งร้ายแรงที่สุดบนแผ่นดินเกาหลีใต้ โดยผู้โดยสารกระเด็นออกจากเครื่องบินและเครื่องบินได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด

จู จ็องวัน รัฐมนตรีช่วยคมนาคมเกาหลีใต้ กล่าวในการแถลงข่าวว่า พบกล่องดำทั้งสองกล่องแล้ว ซึ่งได้แก่เครื่องบันทึกข้อมูลการบินและเครื่องบันทึกเสียงในห้องนักบิน ในกระบวนการขนย้ายซากออกจากพื้นที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่กู้ภัยใช้เครนสีเหลืองขนาดใหญ่ยกลำตัวเครื่องบินสีส้มและสีขาวที่ไหม้เกรียมขึ้นจากรันเวย์ที่เมืองมูอัน ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงโซลไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 288 กิโลเมตร ทั้งนี้ผู้โดยสารอายุน้อยสุดเป็นเด็กชายวัย 3 ขวบ และอายุมากสุดเป็นผู้สูงอายุวัย 78 ปี

สายการบินเชจูแอร์แสดงความเสียใจและขอโทษต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงยืนโค้งคำนับในงานแถลงข่าวที่กรุงโซล และให้คำมั่นว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้การช่วยเหลือทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ขณะที่บริษัทโบอิ้งระบุในแถลงการณ์ว่า ได้ติดต่อกับเชจูแอร์แล้วและพร้อมที่จะสนับสนุนอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ ทางการเกาหลีใต้ประกาศให้มีการไว้อาลัยทั่วประเทศเป็นเวลา 7 วัน โดยมีผลตั้งแต่วันอาทิตย์เป็นต้นไป โดยจะตั้งแท่นรำลึกไว้ตามจุดต่างๆทั่วประเทศ

ด้านนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เปิดเผยถึงกรณีที่มี 2 คนไทยเสียชีวิตในเหตุการณ์ว่า ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งกับทุกครอบครัวผู้เสียชีวิต รวมถึงครอบครัวพี่น้องคนไทยทั้ง 2 คน สำหรับความสูญเสียในเหตุการณ์ครั้งนี้ได้สั่งการให้ศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) กระทรวง พม.ส่งทีมปฏิบัติการหน่วยเคลื่อนที่เร็ว ศรส. จังหวัดอุดรธานี ลงพื้นที่ทันทีเมื่อวันที่ 29 ธ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อไปเยี่ยมครอบครัว น.ส.จงลักษณ์ ดวงมณี และ ศรส.จังหวัดเชียงราย ลงพื้นที่เยี่ยมครอบครัว น.ส.สิริธร จะอื่อ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและวางแผนให้ความช่วยเหลือตามภารกิจกระทรวง พม.โดยเร็วที่สุด

สำหรับเหตุการณ์เพลิงไหม้ภายในโรงแรมย่านถนนตานี แขวงตลาดยอด เขตพระนคร กรุงเทพฯ เมื่อคืนวันที่ 29 ธ.ค.ที่ผ่านมา พบผู้เสียชีวิตเป็นชาวต่างชาติ 3 ราย  และมีผู้บาดเจ็บจำนวนหนึ่งนั้น นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจสอบช่วงเช้าของวันที่ 30 ธ.ค. พร้อมกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ชัดว่าสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากอะไร อยู่ระหว่างการตรวจสอบของพิสูจน์หลักฐาน แต่จากข้อมูลเบื้องต้นพบต้นเพลิงมาจากภายในห้อง 511 บริเวณชั้น 5 และมีผู้อยู่อาศัยทั้งหมด 75 คน จาก 48 ห้อง 

ส่วนผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บเบื้องต้น เจ้าหน้าที่พิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลได้ข้อมูลบางส่วนว่ามีสัญชาติใด โดยมีตัวแทนจากสถานทูตเข้ามาประสานข้อมูลเพื่อติดต่อให้ญาติมารับร่าง พร้อมทั้งจะต้องชดเชยเยียวยาให้ผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บตามกฎหมาย ซึ่งจะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ นอกจากนี้ วิศวกรโครงสร้างอาคารได้เข้าไปสำรวจความปลอดภัยของโครงสร้างภายหลังเกิดเพลิงไหม้ โดยจากการตรวจสอบภายในห้องต้นเพลิง พบจุดที่ถูกไฟไหม้มากที่สุดคือบริเวณเตียงนอน ส่วนในห้องมีปูนหลุดออกมา และเห็นเหล็กเสริมบางจุด ฝาผนังแตกร้าว ไม่พบไฟลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ตรวจสอบโดยรวมโครงสร้างอาคารยังแข็งแรงใช้งานได้ปกติ

ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ได้กำชับให้ตรวจสอบโรงแรมย่านนี้ทั้งหมด ว่าได้มาตรฐานการก่อสร้างตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ เช่น ช่องทางหนีไฟ ระบบการควบคุมเพลิง  เพื่อสร้างความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ส่วนอาคารเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ปิดชั่วคราวเพื่อทำการตรวจสอบ โดยโรงแรมได้ให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาพักย้ายไปพักในโรงแรมอีกแห่งหนึ่ง

วันเดียวกัน ยังเกิดเหตุสลดที่ จ.ปราจีนบุรี โดยเมื่อเวลา 10.00 น. เกิดเหตุอาคารโรงงานแห่งหนึ่งในเขตอุตสาหกรรม 304 ม.10 ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ขณะทำการต่อเติมชั้นลอยและเกิดความผิดพลาด พื้นปูนชั้นลอยหล่นลงมาขณะมีคนงานกำลังทำงานอยู่ 18 คน ต่อมาสามารถช่วยเหลือออกมาได้หลายคน แต่ยังมีคนงานถูกแผ่นปูนทับติดอยู่ในซากยืนยัน 5 คน โดยมีรายงานยืนยันว่า คนงานที่ติดอยู่ในซากปูนเสียชีวิตทั้งหมด 5 ราย

ทั้งนี้ ชั้นลอยของอาคารสูงประมาณ 2.50 เมตร  กว้างประมาณ 20x20 เมตร น้ำหนักประมาณ 100 ตัน ชุดโครงสร้างทั้งหมดเป็นเหล็กไอบีม แล้วใช้แผ่นปูนเททับแผ่นพื้นอีกทีหนึ่ง ขณะกำลังจะเคลื่อนย้ายไปอีกจุดหนึ่งได้เกิดพังถล่มลงมา คนงานที่ทำงานอยู่ได้รับบาดเจ็บ  ช่วยเหลือออกมาได้บางส่วน และที่ยังติดอยู่ใต้ซากปูน 5 คน

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทย  และโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กำชับไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ให้ประสานงานกับหน่วยงานท้องถิ่นอย่างใกล้ชิดเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยของโรงแรมที่พัก ตลอดจนสถานที่ท่องเที่ยว สถานบันเทิงต่างๆ เนื่องจากขณะนี้อยู่ในช่วงของเทศกาลปีใหม่ ที่ประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศเดินทางมาท่องเที่ยว มีการรวมตัวของคนจำนวนมาก ต้องดูแลให้โรงแรมที่พัก สถานที่ท่องเที่ยวอยู่ในสภาพที่มีความพร้อม ปลอดภัย ทั้งในส่วนของโครงสร้างตัวอาคาร ทางเข้า-ออก ระบบไฟฟ้า แผนการรับมือเมื่อเกิดเหตุต่างๆ เพื่อป้องกันการเกิดเหตุซ้ำจนนำไปสู่ความสูญเสีย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง