อย่าประมาทนักร้อง! ชวนเตือนหัวเชื้อล้มรัฐบาล/พท.เชื่อนายกฯอิ๊งค์ปลุกเรตติง

"สรวงศ์" ลั่นโพลก็คือโพล มอง "พท." เป็นรอง "ปชน." สิ่งที่ดีคือช่วยกระตุ้นให้ปรับตัวขึ้น "สมคิด" มั่นใจ "นายกฯ อิ๊งค์" ทำงานอีกระยะคะแนนนิยมจะดีขึ้น ชี้ "ทักษิณ" ช่วยหาเสียงทำพรรคกวาดเก้าอี้นายก อบจ.แน่ "สมศักดิ์" เชื่อปี 68 พรรคร่วมรัฐบาลไม่มีปัญหาสะดุดล้ม "ชวน" เตือน รบ.อย่าประมาทนักร้อง มีข้อมูลเด็ดจ้องล้มได้ แนะรักษาหลักบ้านเมืองอย่าเลือกปฏิบัติ "บัญญัติ” ร่ายกลอนสะท้อนการเมือง

เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2567 นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีผลสำรวจความคิดเห็นของนิด้าโพลที่คะแนนของพรรค พท.และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค พท. เป็นอันดับ 2 ขณะที่พรรคประชาชน (ปชน.) และนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรค ปชน.ขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ว่า โพลก็คือโพล โพลไม่ดีก็เป็นสิ่งที่ดีกับเราเพื่อที่เราจะได้กระตุ้นตัวเราเอง เมื่อเป็นเสียงของพี่น้องประชาชน เราก็พร้อมที่จะรับฟังและปรับตัวให้กระเตื้องขึ้นมา

ถามว่า ในปี 2568 พรรค พท.หรือรัฐบาลจะปรับเปลี่ยนการทำงานอะไรหรือไม่ นายสรวงศ์กล่าวว่า เรามีหน้าที่ในการทำผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ต่อประชาชน ทำทุกอย่างที่เคยพูดไว้ให้เป็นรูปธรรมให้ดีที่สุด เร็วที่สุด และทั่วถึงที่สุด

นายสรวงศ์กล่าวถึงความพร้อมในการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) ว่า ทุกเขตที่เราส่งผู้สมัครเราก็เต็มที่ เขตไหนที่มี สส.อยู่เขาก็ช่วยเต็มที่ เช่นเดียวกับเขตที่ไม่มี สส.อยู่ ผู้สมัครเราก็สู้เต็มที่

เมื่อถามถึงการวางตัวแกนนำที่จะลงช่วยผู้สมัครนายก อบจ.หาเสียงเป็นอย่างไรบ้าง เลขาฯ พรรค พท.กล่าวว่า คณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) แบ่งหน้าที่กันลงอยู่แล้ว ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ในฐานะหัวหน้าพรรคก็กำลังวางแผนที่จะลงพื้นที่อยู่ อีกทั้งผู้สมัครนายก อบจ.บางส่วนก็มีการเชิญนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้ไปช่วยลงพื้นที่หาเสียงด้วย

ซักว่า ยังมั่นใจในการส่งคนลงสมัครใช่หรือไม่ เลขาฯ พรรค พท.กล่าวว่า “มั่นใจสิ ไม่มั่นใจได้อย่างไร”

นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายการเมือง กล่าวถึงผลโพลเช่นกันว่า โพลก็เป็นเสียงสะท้อนส่วนหนึ่ง พรรค พท.เมื่อโพลออกมาทีมงานก็นำผลไปพิจารณา เพราะมีทั้งโพลนำและโพลตาม เราไม่วิตกอะไร ต้องมาดูว่าโพลเราบกพร่องตรงไหนก็แก้ตรงนั้น ถือเป็นกระจกสะท้อน ถือเป็นการทำงานปกติ ขณะเดียวกันพรรคฝ่ายค้านเมื่อโพลดีขึ้นเขาก็ต้องปรับ แต่ถึงอย่างไรคะแนนนิยมก่อนการเลือกตั้งครั้งต่อไปมันอยู่ที่ผลงานของรัฐบาลเป็นหลัก ทุกพรรคที่ร่วมรัฐบาลต้องตั้งใจในการทำงาน แล้วผลเลือกตั้งจะพิสูจน์กันเอง

"ผลสำรวจของนายกฯ ผมเชื่อว่านายกฯ รับทราบผลตรงนี้ และคงนำตรงนี้มาปรับการทำงานให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ได้มากขึ้น และจากการร่วมงานกับนายกฯ ทราบดีว่าท่านพร้อมปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์และพร้อมทำงานร่วมกับทุกฝ่าย รับฟังเสียงของประชาชนทุกฝ่าย เชื่อว่าเมื่อนายกฯ ได้ทำงานต่อไปสักระยะ คะแนนนิยมจะดีขึ้นตามมา" นายสมคิดกล่าว

ถามถึงกรณีนายทักษิณจะเดินสายหาเสียงนายก อบจ.พื้นที่อีสาน นายสมคิดกล่าวว่า การเป็นผู้ช่วยหาเสียงสามารถทำได้ นายทักษิณมีแฟนคลับเดิมจำนวนมาก ก็เป็นธรรมดาที่ผู้สมัครนายก อบจ.ของพรรค พท.อยากให้ไปช่วยหาเสียง

"ผลการเลือกตั้งพรรคมั่นใจว่าแต่ละจังหวัดเราจะชนะได้ เพราะกระแสในภาคอีสานจะเลือกพรรค พท. ยกตัวอย่างอุบลราชธานีที่หลายท่านมองว่าเราจะแพ้ แต่เราก็ชนะอย่างท่วมท้น ส่วนหนึ่งก็มาจากการที่นายทักษิณลงไปพูดจากับประชาชน และเชื่อว่าพื้นที่อุบลราชธานีเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับการเลือกตั้ง อบจ.ของคนที่ลงในนามพรรค พท." นายสมคิดกล่าว

มั่นใจ รบ.อิ๊งค์ไม่มีสะดุดล้ม

ขณะที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข มองทิศทางการเมืองในปี 2568 ว่า ขณะนี้รัฐบาลขับเคลื่อนงานมาแล้วประมาณ 1 ปีครึ่ง ซึ่งยังเหลืออายุรัฐบาลอีกประมาณ 2 ปีครึ่ง จึงมองว่าคำวิพากษ์วิจารณ์จะเริ่มมีมากขึ้น เพราะเป็นเรื่องปกติ เมื่ออายุรัฐบาลเริ่มน้อยลง ฝ่ายตรงข้ามก็จะโจมตีรัฐบาลมากขึ้น ดังนั้นในส่วนของรัฐบาลการทำงานก็ต้องเข้มข้นขึ้น และผลงานของทุกกระทรวงก็จะเริ่มออกมาชัดเจนในปีหน้า ขณะที่ประเด็นความขัดข้องทางกฎหมาย ตนก็มองว่าจะเริ่มคลี่คลาย โดยหลายประเด็นที่มีการร้องเรียนก็ถูกตีตกไปด้วยคำตอบขององค์กรอิสระ จึงทำให้ประเด็นโจมตีจากกลุ่มที่ไม่พอใจรัฐบาลจะเริ่มน้อยลงไป

ถามว่า หากมีการลงถนนจะเป็นจุดเปลี่ยนการเมืองปี 68 หรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ข้อความที่ห่วงใย ได้จบลงในปี 67 ไปแล้ว และจะเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น แต่รัฐบาลก็ต้องทำงานหนัก เพื่อชดเชยสิ่งที่ถูกโจมตี โดยภาพรวมรัฐบาล ตนเชื่อมั่นว่า น.ส.แพทองธารจะเดินไปได้ด้วยความเรียบร้อย

"อีก 2 ปีครึ่ง พรรค พท.จะกลับมายิ่งใหญ่ โดยเฉพาะแนวทางใหม่จะปรากฏต่อสายตาประชาชน ส่วนเรื่องครบเทอมหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็น เพราะบางครั้งเมื่อรัฐบาลเห็นสภาพเศรษฐกิจดีก็อาจปรับเปลี่ยนโฉมการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องอนาคต แต่วันนี้ผมยืนยันได้ว่ารัฐบาลยังไม่มีปัญหาที่จะทำให้สะดุดล้ม” นายสมศักดิ์กล่าว

ซักถึงความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาล นายสมศักดิ์กล่าวว่า ดูจากบุคลากรพรรค พท.ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ก็ดูเหมือนเรื่องห่วงใยจะจบลงไปหมดแล้ว เพราะต่างฝ่ายไม่ได้มีปัญหาขั้นแตกหัก ดังนั้นสิ่งที่ทุกคนกลัวคือความแตกหักจะมาถึงเร็ว ก็จะให้เกียรติซึ่งกันและกัน

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและประธานพรรคชาติพัฒนา กล่าวถึงภาพรวมการเมืองในปี 2568 ว่า รัฐบาล น.ส.แพทองธารต่างจากรัฐบาลนายเศรษฐา เพราะมีการปรับโครงสร้างรัฐบาลใหม่ เสียงของรัฐบาลมีความเข้มแข็งและมีเสถียรภาพมากขึ้น หากดูบรรยากาศของพรรคร่วมรัฐบาลในขณะนี้ แม้จะมีความเห็นต่างในบางเรื่อง แต่ไม่ใช่บรรยากาศของความขัดแย้งหรือแตกต่างกันอย่างรุนแรง ดังนั้นปี 2568 ยังมั่นใจในการบริหารงานของรัฐบาล

"เสียงนอกสภา ข้อเรียกร้องต่างๆ หรือบรรยากาศในการทำงาน หรือการสร้างการยอมรับจากประชาชน ก็เป็นเรื่องของผลงานที่ต้องอาศัยการชี้แจงทำความเข้าใจ รัฐบาลต้องบริหารทั้งเสถียรภาพในสภาและนอกสภา เพื่อดูแลสถานการณ์ต่างๆ ของประเทศให้เรียบร้อย ปี 2568 ไม่น่ามีอะไร รัฐบาลสามารถบริหารประเทศไปได้ เพราะเสถียรภาพยังดูดี" นายสุวัจน์กล่าว

ถามว่า จะมีปัญหาปะทุหรือไม่เพราะมีนายทักษิณเข้ามาด้วย นายสุวัจน์กล่าวว่า เดือน พ.ค.68 นี้ก็จะครบครึ่งเทอมแล้ว หนังครึ่งหลังจะเร็วกว่าครึ่งแรก อาจจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เราต้องไม่ประมาท ต้องมอนิเตอร์สถานการณ์ต่างๆ ให้ดี

เมื่อถามว่า มองว่าอายุรัฐบาลจะไม่สั้นเหมือนที่หลายฝ่ายออกมาวิเคราะห์กันใช่หรือไม่ นายสุวัจน์กล่าวว่า อย่างที่บอกการเมืองต้องเข้าใจว่า ตามฟอร์มเสถียรภาพไม่ใช่ปัญหา แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ อุบัติเหตุก็เกิดขึ้นได้ ต้องไม่ประมาท

ซักว่า ก่อนหน้านี้นายทักษิณชวนไปอยู่พรรคเพื่อไทยตัดสินใจอย่างไร นายสุวัจน์กล่าวว่า เรื่องสำคัญทางการเมือง ตนก็ไม่ใช่คนเดียวที่จะตอบได้ กรรมการบริหารต้องพูดคุยกัน ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม เรื่องนี้ยังคุยกัน แต่เราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ความสัมพันธ์กับพรรคเพื่อไทยก็ราบรื่นด้วยดี บรรยากาศดี ไม่มีอะไร ถ้าจะมีตอนนั้นค่อยคุยกัน

เตือนอย่าประมาทนักร้อง

ด้าน นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และอดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองในปี 2568 ว่า ความมั่นคงของการเมืองยังคงเป็นปกติ ในภาพของตัวเลข สส.ในสภาที่มีทั้งหมด 493 คน ฝ่ายรัฐบาลที่มีเสียงข้างมากถึง 322 คน ดูแล้วไม่มีปัญหาอะไร ไม่มีวี่แววของการเปลี่ยนแปลงเสียงข้างมาก พรรคการเมืองที่ร่วมรัฐบาลอยู่ทั้งหมดไม่มีทีท่าจะถอนตัวร่วมรัฐบาล ถึงแม้จะมีกระทบกระทั่งกันบ้าง

นายชวนกล่าวว่า สำหรับพรรคร่วมฝ่ายค้าน 173 เสียง ไม่ได้มีอันตรายที่จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงเรื่องตัวเลข รวมถึงการทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะการที่จะไปตรวจสอบคนอื่น ตัวเองต้องไม่มีแผล บางพรรคที่ออกมาเป็นฝ่ายค้านก็ไม่สามารถตรวจสอบรัฐบาลได้เต็มที่ เพราะตัวเองก็มีสิ่งที่ผูกขาอยู่ นอกจากนี้ที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ออกมาระบุว่า สส.ชุดนี้ยังไม่มีสภาล่ม แต่ไม่ได้บอกเหตุผล ตนก็จะบอกว่าสภาต่อไปนี้จะไม่ล่ม เพราะสมาชิกถูกควบคุมโดยเงื่อนไข ตนได้คุยกับสมาชิกบางคนแบบส่วนตัว ก็บอกไปว่า ครั้งนี้สภาไม่ล่มเลย เป็นสิ่งที่ดีมาก ถือว่ามีความขยัน เขาตอบมาว่า เหมือนเดิม เพียงแต่มีกฎเกณฑ์มาบังคับ ถ้าใครไม่มาลงมติจะถูกปรับเงินที่พรรคการเมืองให้มาต่างหากจำนวน 2 หมื่นบาท

ถามถึงประเด็นที่จะทำให้เขย่ารัฐบาลได้ เช่น กรณีข้อพิพาทเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ นายชวนกล่าวว่า เป็นเรื่องการบริหารของรัฐบาล ที่แต่ละพรรคการเมือง หรือแต่ละรัฐมนตรี จะมีปัญหาหรือไม่ อาจทำให้เกิดความกระทบกระเทือนต่อภาพของรัฐบาล แต่จะรุนแรงถึงขั้นไหนยากที่จะบอกได้ แต่เชื่อว่าภายใต้สถานการณ์ขณะนี้ สภาเองก็ตรวจสอบรัฐบาลได้ภายในขอบเขตเท่านั้นเอง จะไปหวังตรวจสอบถึงขั้นหานักการเมืองทุจริต โกงกิน แบ่งเปอร์เซ็นต์ เป็นเรื่องยาก

"เราไม่ค่อยได้ยินการพูดเรื่องนี้เหมือนสมัยก่อน แต่หากสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ฝ่ายที่ตรวจสอบภายนอก อาทิ สื่อมวลชน ปัจจุบันก็เจอปัญหาธุรกิจการเมืองเข้ามาลุกลาม เพราะฉะนั้นคนร้องต้องกล้า เหมือนกรณี 40 สว.ร้องเกี่ยวกับคุณสมบัตินายเศรษฐา อดีตนายกฯ จนทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างมาก ดังนั้นรัฐบาลอย่าประมาทบรรดานักร้องเรียน เพราะบางครั้งนักการเมืองก็มีข้อมูลน้อยกว่านักร้องเรียน แต่ถ้าร้องเท็จก็เสียหาย เรื่องที่ร้องต้องมีมูล ปัญหาอยู่ที่ว่าเรื่องจะรุนแรงขนาดไหน" นายชวนกล่าว

อดีตประธานสภาฯ กล่าวว่า รัฐบาลต้องเผชิญการถูกร้องเรียน หรือการถูกติดตามตรวจสอบแน่นอน แต่เหนือสิ่งอื่นใดรัฐบาลต้องรักษาหลักของบ้านเมืองที่เป็นหัวใจของประชาธิปไตย หลักกฎหมาย หลักความชอบธรรม ถูกต้อง ไม่เหลื่อมล้ำ เสมอภาค ไม่เลือกปฏิบัติ ถือเป็นเรื่องสำคัญที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ และนโยบายรัฐบาล ตอนสมัยท่านเศรษฐาน่าเสียดายที่รัฐบาลขณะนั้นเลือกเอาพวกมากกว่าหลักนิติธรรมจากกรณีชั้น 14

"การเมืองปัจจุบันมีนักวิ่งเต้นเข้ามาเป็นใหญ่เป็นโตมาก คนเหล่านี้วิ่งทุกเรื่อง วิ่งขบวนการยุติธรรมอะไรต่างๆ ความหวังอยู่ที่องค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญจะกล้าตัดสินอะไรตรงไปตรงมาหรือไม่ ถ้ารู้ว่ามันผิด ผมหวังว่าองค์กรเหล่านี้จะเป็นหลักให้บ้านเมือง ผิดว่าไปตามผิดแล้วจะมีคนดี เห็นได้จากกรณีของนายเศรษฐาทำให้รัฐบาลปัจจุบันระมัดระวังในการแต่งตั้งรัฐมนตรี นี่คือผลที่เกิดขึ้น หากองค์กรดังกล่าวกล้าตัดสินในสิ่งที่ไม่ถูกต้องแบบเด็ดขาด สิ่งที่ทำไม่ถูกต้องก็จะหายไปและไม่มีใครกล้าทำต่อ" อดีตประธานสภาฯ กล่าว

ถามถึงฉายาพรรค "ประชาธิเป๋" ที่สื่อทำเนียบรัฐบาลตั้งให้พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนกล่าวว่า ก็มีทั้งคนเป๋ และคนไม่เป๋ ตนไม่มีอะไรส่วนตัวกับใคร แต่เป็นหนี้บุญคุณชาวบ้าน พรรคเพื่อไทยไม่ได้ สส.ภาคใต้แม้แต่คนเดียว เพราะตนเป็นคนลงไปต่อสู้รณรงค์ให้คนใต้ไม่เลือกพรรคที่เลือกปฏิบัติกับเรา เพราะพรรคนี้สมัยก่อนผู้นำพรรคเคยประกาศพัฒนาเฉพาะจังหวัดที่เลือกเขา จังหวัดที่ไม่เลือกไว้ทีหลัง ก็คือภาคใต้ นักการเมืองภาคใต้ต้องรู้จักเจ็บร้อนแทนชาวบ้าน

เมื่อถามว่ามีการมองการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรค ปชป.อาจจะสูญพันธุ์ นายชวนกล่าวว่า ตนยังคิดว่าเมื่อคนที่เขาคิดว่าล้มเหลวจากครั้งที่แล้วมาเป็นหัวหน้าพรรค เขาจะรู้จุดอ่อน ก็อาจทำได้ดีกว่าเดิมก็ได้ เพราะก็ไม่ใช่คนใหม่ ยังเป็นคนที่ทำให้พรรคได้ 25 เสียงในรอบล่าสุด แต่ยังยืนยันในการทำการเมืองสุจริต ให้ตนต้องซื้อเสียงบาทเดียวแล้วได้เป็น ตนไม่เอา อยู่มา 50 ปี ภูมิใจที่เป็นปากเสียงแทนชาวบ้าน ไม่ได้เข้ามาเพื่อผลประโยชน์

ส่วน นายบัญญัติ บรรทัดฐาน สส.แบบบัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรค ปชป. ได้แต่งกลอนร้อยกรองสะท้อนภาพการเมืองไทย เพื่อส่งความสุข (ส.ค.ส.) ต้อนรับปีใหม่ 2568 ให้แก่พี่น้องประชาชน มีใจความตอนหนึ่งว่า เหลื่อมล้ำจำต้องแก้ ปล่อยไว้แย่จักรุมเร้า สังคมไม่เทียมเท่า สุขสงบได้ไม่ค่อยมี ยุติธรรมเหลื่อมล้ำเกิน ไม่บังเอิญใช่ไหมนี่ เลือกปฏิบัติยังมากมี ทุกวันนี้เห็นตำตา อำนาจรัฐไม่แก้ไข กลับเป็นใจปล่อยลอยหน้า สังคมก้าวออกมา พร้อมเรียกหายุติธรรม การเมืองถอยหลังไกล สังคมไทยจึงระส่ำ ใช้ทุนเป็นตัวนำอำนาจมา หาทุนคืนทุจริตคอร์รัปชัน จึงเห็นกันจนดาษดื่น หากคิดจะฟื้นคืน สังคมไทยให้ไปดี รังเกียจความเลวร้าย ที่ทำให้ไทยวันนี้ตกต่ำลงทุกที การเมืองดีจะฟื้นคืน เรื่องใหญ่ปีใหม่นี้ ยังมากมี สุดใจฝืน บทเรียนเคยกล้ำกลืน ต้องตื่นรู้ให้เท่าทัน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง