10 วันอันตราย ผ่านสองวันสังเวยแล้ว 93 ศพ สาเหตุหลักขับรถเร็ว ด้าน ศปถ. ประสานจังหวัดคุมเข้มสร้างความปลอดภัยถนนสายหลัก สายรอง กวดขันป้องปรามพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุ กรมคุมประพฤติใช้ กม.เข้มข้น ติดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว (EM) ผู้กระทำผิด 4 ราย หลังเมาแล้วขับ เฝ้าติดตามตลอด 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 4 เดือน
เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.67 ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2568 นายชาครีย์ บำรุงวงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานแถลงผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2568 ว่า ประชาชนส่วนใหญ่เดินทางถึงที่หมายแล้ว ในขณะที่บางส่วนยังอยู่ระหว่างการเดินทาง ซึ่งยังคงมีจำนวนมาก ทั้งในส่วนของรถโดยสารประจำทางและรถยนต์ส่วนบุคคล ซึ่งจากข้อมูลพบว่า เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.67 มีประชาชนเดินทางออกจากกรุงเทพมหานครเป็นจำนวนมากถึง 1,100,000 เที่ยว และมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นระหว่างทาง โดยมีสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุเกิดจากการขับรถเร็วเกินกำหนด
จึงได้เน้นย้ำจังหวัดบูรณาการทุกภาคส่วนเพิ่มมาตรการตรวจสอบความพร้อมของคนขับรถ โดยเฉพาะรถโดยสารสาธารณะและความพร้อมของยานพาหนะในทุกจุดที่มีการรับ-ส่งประชาชน กรณีเกิดอุบัติเหตุให้สืบสวนพฤติกรรมก่อนเกิดเหตุ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในเชิงป้องกัน ตลอดจนบังคับใช้กฎหมายควบคุมความเร็วในการขับรถอย่างเข้มข้น รวมถึงให้ความสำคัญกับการดูแลความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนทั้งถนนสายหลัก สายรอง และถนนใน อบต.และหมู่บ้าน เน้นการเฝ้าระวังจุดเสี่ยงอุบัติเหตุ ทั้งจุดตัดทางรถไฟ ทางลักผ่าน ทางแยก ทางร่วม และเข้มงวดการจอดรถบนไหล่ทางที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ อีกทั้งเพิ่มความถี่ในการเรียกตรวจความพร้อมของผู้ขับขี่ในเส้นทางตรงที่มีระยะทางยาว เพื่อป้องกันการง่วงหลับใน ตลอดจนกำชับจุดตรวจ ด่านตรวจ ด่านชุมชน บังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด
นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานการประชุมคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดทั้งปี กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยจึงได้กำชับจังหวัดบูรณาการทุกภาคส่วน ทั้งฝ่ายพลเรือน ตำรวจ ทหาร และภาคประชาชน ดำเนินงานลดอุบัติเหตุทางถนนให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่และสถานการณ์อุบัติเหตุ เน้นการดูแลจุดเสี่ยงที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง โดยให้จังหวัดเพิ่มความเข้มข้นการเรียกตรวจของ “ด่านชุมชน” และ “ด่านครอบครัว” เพื่อเฝ้าระวัง ตรวจตรา ป้องปราม และตักเตือนผู้ขับขี่ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงไม่ให้ออกจากพื้นที่ชุมชน หมู่บ้าน ทั้งการดื่มแล้วขับ ขับรถเร็ว ไม่ใช้อุปกรณ์นิรภัย รถจักรยานยนต์ที่มีสภาพไม่ปลอดภัย การขับขี่ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้อื่น และตรวจความพร้อมสภาพร่างกายของผู้ขับขี่ ทั้งนี้ ในบางพื้นที่เริ่มมีการเฉลิมฉลองแล้ว จึงได้กำชับจังหวัดเพิ่มความเข้มข้นการดูแลเส้นทางโดยรอบพื้นที่จัดงานเฉลิมฉลอง และดูแลบริเวณสถานที่จัดงานให้มีความปลอดภัย
สำหรับข้อมูลอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ประจำวันที่ 28 ธ.ค.2567 ซึ่งเป็นวันที่สองของการรณรงค์ “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” เกิดอุบัติเหตุ 269 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 257 คน ผู้เสียชีวิต 38 ราย สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 38.29 ,ทัศนวิสัยไม่ดี ร้อยละ 21.56, ตัดหน้ากระชั้นชิด ร้อยละ 19.33 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 85.40 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง ร้อยละ 86.25, ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 44.98, ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 28.25 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เวลา 18.01-19.00 น. ร้อยละ 11.90 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 40-49 ปี ร้อยละ 15.93 จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,770 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 50,835 คน โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา และเชียงราย (จังหวัดละ 13 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ เชียงราย (13 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ พังงา และหนองบัวลำภู (จังหวัดละ 3 ราย)
สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 2 วันของการรณรงค์ (27-28 ธ.ค.2567) เกิดอุบัติเหตุรวม 592 ครั้ง ผู้บาดเจ็บรวม 575 คน ผู้เสียชีวิต รวม 93 ราย จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 51 จังหวัด จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา (27 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา (24 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (5 ราย)
ด้าน พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมคุมประพฤติ เปิดเผยข้อมูลสถานการณ์คดีที่ศาลสั่งคุมความประพฤติในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 โดยวันที่ 28 ธ.ค.2567 ซึ่งเป็นวันที่สองของ 10 วันอันตราย ระหว่างวันที่ 27 ธ.ค.2567-5 ม.ค.2568 มีคดีรวมทั้งสิ้น 1,305 คดี เป็นคดีขับรถขณะเมาสุรา 1,255 คดี คดีขับรถประมาท 2 คดี คดีขับเสพ 48 คดี เชียงใหม่ เป็นจังหวัดที่มีคดีเข้าสู่งานคุมประพฤติมากที่สุด โดยเฉพาะขับรถขณะเมาสุรา กว่า 288 คดี ตามมาด้วย สมุทรปราการ 146 คดี และนนทบุรี 127 คดี ยอดสะสม 2 วัน (27-28 ธ.ค.2567) มีคดีเข้าสู่งานคุมประพฤติกว่า 1,685 คดี แบ่งเป็น ขับรถขณะเมาสุรา 1,599 คดี (94.89%), ขับเสพ 82 คดี (4.87%), ขับรถประมาท 4 คดี (0.24%)
นอกจากนี้ กรมคุมประพฤติบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น จริงจัง ติดอุปกรณ์ติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ (EM) กับผู้กระทำผิดในคดีขับรถขณะเมาสุรา ซึ่งศาลมีคำสั่งจำนวน 4 ราย กำหนดระยะเวลาการติดอุปกรณ์อีเอ็ม 4 เดือน พร้อมเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมงผ่านศูนย์ควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว (EMCC) และพนักงานคุมประพฤติ
นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า จากการติดตามตรวจสอบการเดินรถโดยสารสาธารณะและรถบรรทุก ด้วยระบบ GPS Tracking ผ่านศูนย์บริหารจัดการเดินรถด้วยระบบ GPS จำนวน 60,432 คัน พบการใช้ความเร็วเกินกฎหมายกำหนด จำนวน 181 คัน ผลตรวจสอบการใช้ความเร็วรถโดยสารและรถบรรทุกด้วยกล้องเลเซอร์บนถนนสายหลักและสายรอง จำนวน 2,187 คัน พบการใช้ความเร็วเกินกฎหมายกำหนด 9 คัน กรมการขนส่งทางบกจะประสานผู้ประกอบการขนส่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อระงับการใช้ความเร็ว ควบคู่กับมาตรการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด สำหรับการร้องเรียนเกี่ยวกับรถโดยสารสาธารณะผ่านศูนย์ 1584 ได้รับเรื่องร้องเรียนแล้วจำนวน 63 เรื่อง โดยเรื่องที่มีการร้องเรียนมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ขับรถประมาท/น่าหวาดเสียว, ผู้ประจำรถแสดงกิริยาวาจาไม่สุภาพ/แต่งกายไม่เรียบร้อย และไม่หยุดรับ-ส่งผู้โดยสารที่ป้ายหยุดรถ กรมการขนส่งทางบกจะเร่งติดตามผู้กระทำผิดมาสอบสวนและดำเนินการลงโทษตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ พบปัญหาจากการใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ แจ้งสายด่วน 1584
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า มีผู้โดยสารเดินทางโดยรถไฟทั่วประเทศแล้วจำนวนทั้งสิ้น 101,763 คน แบ่งเป็น ผู้โดยสารขาเข้า 45,761 คน ขาออก 56,002 คน สำหรับเส้นทางที่มีผู้โดยสารเดินทางหนาแน่นที่สุดคือ สายใต้ มีผู้โดยสารเดินทางจำนวน 34,217 คน รองลงมาคือ สายตะวันออกเฉียงเหนือ 28,409 คน, สายเหนือ 19,067 คน, สายตะวันออก 12,299 คน, สายมหาชัย 6,083 คน และสายแม่กลอง 1,688 คน ซึ่งภาพรวมการโดยสาร จำนวนขบวนรถและตู้โดยสารเพียงพอ ไม่พบว่ามีผู้โดยสารตกค้าง การจำหน่ายตั๋วยังเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั้งนี้ การรถไฟฯ จัดขบวนรถเสริมพิเศษ 2 ขบวนในเส้นทางสายเหนือและสายใต้ เพื่อรองรับการเดินทางของผู้โดยสารให้เพียงพอ พร้อมทั้งอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชนตลอดการเดินทาง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รัฐบาลเตือนเช็กอาการ 6 โรคหลังไปเที่ยวปีใหม่
รองโฆษกรัฐบาลขอ ปชช.เดินทางท่องเที่ยว ปลอดภัย ไร้โรค ไร้ภัย แนะหมั่นสังเกตอาการ หลังเดินทางกลับ หากมีอาการผิดปกติ รีบพบแพทย์
5 วันอันตรายสังเวยแล้ว 215 ชีวิต 'กทม.-นนทบุรี' ครองแชมป์
ศปถ.กำชับด่านตรวจ จุดตรวจ จุดสกัด จุดบริการ รองรับการเดินทางกลับของประชาชน บังคับใช้กฎหมายกับผู้ขับขี่ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง - ดูแลความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนอย่างต่อเนื่อง
‘หมูเด้ง’เหตุการณ์ที่สุดปี67
สวนดุสิตโพลจัดอันดับ "หมูเด้ง" เหตุการณ์แห่งปี "อิ๊งค์" ที่สุดนักการเมืองหญิง
ลุยสอบนายกฯตัวจริง
"นายกรัฐมนตรี" อวยพรปีใหม่ 2568 ขอให้ปชช.มีความสุข ปราศจากอุปสรรค และเป็นปีแห่งโอกาสของทุกคน
มีสติรู้คิดไม่ประมาท ‘ในหลวง’พระราชทานพรปีใหม่คนไทย
"ในหลวง" พระราชทานพรปีใหม่ ให้คนไทยตั้งอยู่ในความไม่ประมาท
ยังไม่พ้นปีเก่าดับ143ศพ เชียงใหม่แชมป์คดีเมาขับ
เข้าสู่วันที่ 3 รณรงค์ขับขี่ปลอดภัย ตายพุ่งก่อนฉลองปีใหม่ 143 ศพ