ชวนบี้แก้ปมท้องถิ่นชิงลาออก

“แสวง” ลงพื้นที่ปราจีนบุรี ส่องรับสมัครนายก อบจ.วันสุดท้าย เผยภาพรวมปกติดี รับเริ่มตรวจสอบปม 20 ล้านบาท สจ.โต้งแล้ว “ชวน” ร่วม “บัญญัติ-จุรินทร์” ร่อนหนังสือถึงผู้ตรวจการแผ่นดิน จี้แก้ปัญหาปมผู้บริหารท้องถิ่นแห่ไขก๊อกก่อนหมดวาระ คาดนายกเล็กจะซ้ำรอย แนะ กกต.รีบอุดรอยรั่วัญญัติ-จุรินทร์"วจสอบปม 20 ล้านบาทปม สจ.โต้งแล้ว  อบจ.

เมื่อวันศุกร์ที่ 27 ธ.ค.2567 ถือเป็นวันสุดท้ายที่ได้เปิดรับสมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) 47 จังหวัด และสมาชิก อบจ. 76 จังหวัด โดยนายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พร้อมคณะลงพื้นที่สังเกตการณ์การรับสมัครรับเลือกตั้งในจังหวัดปราจีนบุรี

โดยนายแสวงกล่าวว่า การสมัครนายก อบจ.และสมาชิก อบจ.ทั้งประเทศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จ.ปราจีนบุรี ด้วยเช่นกัน โดย ผอ.กกต.จังหวัดก็พบว่าเรียบร้อยตั้งแต่วันแรก ส่วนประเด็น สจ.โต้งเสียชีวิต โดยมีการพูดถึงเงิน 20 ล้านบาทที่ใช้ในการเลือกตั้งด้วยนั้น สำนักงาน กกต.เริ่มตรวจสอบแล้ว แต่ตอนนี้กำลังดูแลอยู่ ยังไม่อยากบอกว่าคืบหน้าถึงไหน แต่เราได้ดูแลอยู่

เมื่อถามว่า หากตรวจสอบแล้วพบว่าเงิน 20 ล้านบาทมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง จะโดนใบแดงหรือไม่ นายแสวงระบุว่า ยังไม่อยากพูดไปถึงตรงนั้น เพียงแต่ว่าอะไรที่บอกว่าผิดกฎหมาย ถ้าข้อเท็จจริงผิด อย่างไรก็ผิดอยู่แล้ว ต้องดูว่าเมื่อได้ข้อเท็จจริงแล้วเอากฎหมายมาจับ มันเป็นอย่างไร ในกฎหมายก็บอกไว้แล้วว่าจัดเตรียมเพื่อจะให้ เพียงแต่ว่าเมื่อสอบไปแล้วมันได้แค่ไหน

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า บ้านใหญ่โกทรมาลงสมัครรับเลือกตั้งเมื่อวานนี้ แต่คุณสมบัติไม่ผ่าน นายแสวงกล่าวว่า ไม่ทราบว่าโกไหน ทุกคนคือผู้สมัครเหมือนกันหมด ไม่อยากให้ นาย ก. นาย ข. ยศใหญ่หรืออะไรก็แล้วแต่ ทุกคนมาอยู่ในกติกาเดียวกัน ถ้าคุณสมบัติไม่ผ่านก็สมัครไม่ได้

นายแสวงระบุว่า ทุกการเลือกตั้งจะมีข่าวในลักษณะที่เข้มข้นในทุกพื้นที่แตกต่างกันออกไป ในการดูแลการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เราร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฝ่ายปกครองท้องถิ่นและหน่วยงานอื่น ทั้งภาครัฐและเอกชน เรามีชุดทำงานร่วมกันในการที่จะบริหารสถานการณ์ให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความสุจริต เที่ยงธรรม สร้างบรรยากาศแห่งความสบายใจ ไม่ใช่ให้รู้สึกตึงเครียด

“มันเข้มข้นได้ แต่ต้องไม่ตึงเครียด ทั้งคนทำงาน ต้องรู้สึกสบายใจ รวมทั้งผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ตลอดจนช่วงในการหาเสียงต้องเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่ใช่ว่าข่าวออกไปว่าบางพื้นที่ คนรู้สึกไม่ปลอดภัย ผมรู้สึกว่าแบบนี้มันไม่ควรเกิดขึ้น ผมคิดว่านักการเมืองเองก็ตาม ก็คงไม่อยากให้เกิดแบบนี้ เมื่อท่านอาสามาทำงานให้บ้านเมือง ผมว่าท่านเป็นคนดี ที่คงไม่อยากจะทำแบบนั้น” นายแสวงกล่าว

ด้านความเคลื่อนไหวในต่างจังหวัด ที่อาคารสำนักงาน อบจ.บุรีรัมย์ ซึ่งเปิดรับสมัครวันสุดท้ายเป็นไปด้วยความเงียบเหงา โดยมีเพียงนายประเสริฐ เลิศยะโส อดีต สส.บุรีรัมย์ เดินทางมายื่นใบสมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.บุรีรัมย์ ได้หมายเลข 5 ในนามกลุ่มอิสระ ซึ่งภายหลังการยื่นใบสมัครแล้ว ต้องชำระเงินค่าสมัคร นายประเสริฐได้ลากกระเป๋าเดินทางเข้าไปในห้องเพื่อชำระเงิน พร้อมกับเปิดกระเป๋าเดินทางที่ภายในมีเงิน ทั้งธนบัตรใบละ 1,000 บาท จำนวน 26,000 บาท ธนบัตรใบละ 100 และใบละ 20 บาท จำนวน 200 บาท และเงินเหรียญ 1 บาท 2 บาท 5 บาท และ 10 บาท นับได้จำนวน 3,800 บาท รวมทั้งสิ้น 30,000 บาท เป็นค่าสมัครนายก อบจ.บุรีรัมย์ ครั้งนี้ สร้างความสนใจให้กับสื่อมวลชน และเจ้าหน้าที่รับสมัครต้องตรวจนับเหรียญจนครบจำนวน

สำหรับการเปิดรับสมัครรับเลือกตั้ง อบจ.บุรีรัมย์ ตั้งแต่วันที่ 23-27 ธ.ค. พบว่ามีผู้สนใจเดินทางมายื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง อบจ.บุรีรัมย์ รวมทั้งสิ้น 187 คน โดยเป็นผู้สมัครนายก อบจ.บุรีรัมย์ 5 คน และผู้สมัคร ส. อบจ.ทั้ง 42 เขตเลือกตั้งใน 23 อำเภอ จำนวน 182 คน

วันเดียวกัน นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ว่า ตนเองพร้อมด้วยนายบัญญัติ บรรทัดฐาน และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชป. ได้ทำหนังสือถึงประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เรื่องการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภา อบจ.และนายก อบจ.ที่มีบางจังหวัดนายก อบจ.ลาออกก่อนครบวาระ ทำให้ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ และต้องจัดการเลือกตั้งเฉพาะตำแหน่ง ส.อบจ.ในบางจังหวัดที่อยู่ครบวาระอีกครั้ง ซึ่งทำให้ อบจ.จังหวัดเดียวกันต้องจัดการเลือกตั้งถึง 2 ครั้งในระยะเวลาที่ไม่ห่างกัน ทำให้สูญเสียงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งเป็นภาษีของประชาชน และยังส่งผลกระทบต่อความเชื่อถือศรัทธาของประชาชนต่อระบบการเมือง การปกครอง เพิ่มภาระการคลังของประเทศ และประชาชนโดยไม่จำเป็น จึงขอให้มีการพิจารณา และศึกษาแนวทางเพื่อปรับปรุงกฎหมาย และเสนอต่อหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องต่อไป

นายชวนกล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.ได้ทำหนังสือถึงนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.เรื่องการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี ที่จะครบวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปี ในวันที่ 28 มี.ค.2568 โดยระบุว่า ตามมาตรา 11 ของ พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562 กำหนดให้จัดการเลือกตั้งภายใน 45 วัน นับแต่วันที่สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่นดำรงตำแห่งครบวาระ แต่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ในหลายเทศบาลนายกเทศมนตรีได้ลาออกจากตำแหน่ง และเชื่อว่าจะมีการทยอยลาออกจากตำแหน่งก่อนครบวาระ เหมือนกรณีนายก อบจ.ที่ผ่านมาที่ผู้บริหารลาออก ทำให้มีการจัดการเลือกตั้งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเดียวกันซ้ำ 2 รอบในระยะเวลาใกล้เคียงกัน ส่งผลให้ต้องสูญเสียงบประมาณแผ่นดิน ที่มาจากภาษีอากรของประชาชนโดยไม่จำเป็น และไม่เกิดประโยชน์แต่อย่างใด

นายชวนกล่าวอีกว่า มาตรา 22 วรรคสองของ พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2560 ที่บัญญัติให้ กกต.มีหน้าที่และอำนาจในการควบคุมกำกับดูแลการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม หรือเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายให้ถือเป็นหน้าที่ และอำนาจของคณะกรรมการที่จะต้องดำเนินการสอดส่องและสอบสวน หรือไต่สวน เพื่อป้องกันและขจัดการกระทำ หรือการงดเว้นการกระทำใดอันจะก่อให้เกิดความไม่สุจริต หรือเที่ยงธรรมในการเลือกตั้งได้ ไม่ว่าจะเป็นเวลาในระหว่างประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งหรือไม่ก็ตาม ดังนั้นเพื่อปกป้องประโยชน์ของส่วนรวมและประชาชน จึงขอให้ประธาน กกต.ได้รับทราบและพิจารณาดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง อันจะทำให้เกิดความตระหนักทั้งผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และต่อประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในผลเสียหายที่จะเกิดจากการลาออกก่อนครบวาระการดำรงตำแหน่ง แม้การลาออกก่อนครบวาระจะเป็นสิทธิ์ที่สามารถกระทำได้ตามกฎหมายก็ตาม รวมทั้งให้สำนักงาน กกต.ได้พิจารณาศึกษาเพื่อหาแนวทางการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวในอนาคต.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ธปท.จับตาแจกเงินเฟส2-3

“คลัง” ฟุ้งเศรษฐกิจไทยเดือน พ.ย.โตต่อเนื่อง อานิสงส์ส่งออก-ท่องเที่ยวหนุนเต็มพิกัด