บิ๊กต่อแจงบ้านลอนดอน รมว.ดีอีดีดรับพ่อนายกฯ

ป.ป.ช.เปิดขุมทรัพย์ “บิ๊กต่อ” หลังพ้นเก้าอี้ ผบ.ตร. ทรัพย์สิน 209 ล้าน มีบ้านพร้อมที่ดินที่อังกฤษ 2 หลัง 60 ล้าน ไม่พบเงินกู้ยืม 20 ล้าน  รัฐมนตรีดีอีสนองนายใหญ่ฉับไว ร่วมกัมพูชาสางแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ดัน พ.ร.ก.รีดเงินแบงก์หวังคุ้มครองเงินฝากผู้เสียหายให้ได้ปีหน้า

เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2567 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง โดยที่น่าสนใจคือ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล กรณีพ้นจากตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม  2567 โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ พร้อมด้วยนางนิภาพรรณ สุขวิมล คู่สมรส แจ้งว่ามีทรัพย์สินทั้งสิ้น  209,868,973 บาท หนี้สิน 1,032,904 บาท

โดยในส่วนของทรัพย์สินแบ่งเป็นของ   พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ 17,530,697 บาท ส่วนใหญ่เป็นทรัพย์สินในส่วนของเงินฝาก 10,687,281 บาท  รองลงมาเป็นทรัพย์สินอื่น 4,858,103 บาท เงินลงทุน 965,600 บาท ยานพาหนะ 719,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 300,712 บาท

ขณะที่ ทรัพย์สินของคู่สมรส 189,382,013 บาท ส่วนใหญ่เป็นทรัพย์สินในส่วนของโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งเป็นบ้านพักอาศัยและห้องชุด 13 รายการ ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด  นอกจากนั้นยังมีบ้านพักอาศัยในสหราชอาณาจักรอีก 2 รายการ มูลค่าบ้านพักและห้องชุดทั้งหมด รวมกว่า 80,397,506 บาท ส่วนที่ดิน 20 แปลง ในพื้นที่ จ.นนทบุรี มุกดาหาร นครนายก นครราชสีมา

นอกจากนั้นยังมีที่ดินในสหราชอาณาจักรอีก 2 แปลง รวมมูลค่าที่ดินทั้งในและต่างประเทศทั้งสิ้น  61,722,115 บาท เงินลงทุน 31,695,986 บาท สิทธิและสัมปทาน 6,224,441 บาท เงินฝาก 3,396,963 บาท ทรัพย์สินอื่น 2,448,500 บาท เงินให้กู้ยืม 2,086,500 บาท ยานพาหนะ 1,310,000 บาท และเงินสด 100,000 บาท ส่วนหนี้สิน 1,032,904 บาท เป็นหนี้สินจากเงินเบิกเกินบัญชีของคู่สมรสทั้งหมด นอกจากนั้นยังมีทรัพย์สินของบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะอีก 2,956,263 บาท

ทั้งนี้ สำหรับทรัพย์สินที่น่าสนใจคือ บ้านพักและที่ดินในสหราชอาณาจักร โดยแจ้งว่าเป็นบ้านพักอาศัย ตึกสองชั้น ในย่าน Lower Upnor Rochester มูลค่า 10,000,000 บาท แจ้งว่าได้มาวันที่ 27 ต.ค.2559 และอีกหลังเป็นบ้านพักอาศัย ตึกสองชั้น ในย่าน Cathles Road Lond มูลค่า 50,000,000 บาท แจ้งว่าได้มาวันที่ 7 มี.ค.2566 ซึ่งคาดว่าเป็นทรัพย์สินส่วนเดียวกับที่มีปัญหาเรื่องการแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช.ก่อนหน้านี้

ยังมีทรัพย์สินอื่นที่น่าสนใจ อาทิ อาวุธปืนของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ แจ้งว่ามีทั้งหมด 37 รายการ มูลค่ารวม 3,874,700 บาท สร้อยคอทองคำ 5 รายการ มูลค่า 720,403 บาท นอกจากนั้นยังมีกระเป๋าของคู่สมรส 4 รายการ มูลค่า 1,395,500 บาท แหวน 6 รายการ มูลค่า 949,000 บาท

นอกจากนั้นที่น่าสนใจพบว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ แจ้งว่ามีรายได้ต่อปี 5,175,360 บาท แบ่งเป็นเงินเดือน 936,360 บาท เงินประจำตำแหน่ง 252,000 บาท เงินค่าตอบแทน 252,000 บาท นอกจากนั้นยังมีรายได้จากการขายรถจักรยานยนต์ 500,000 บาท รายได้จากการขายทรัพย์สินอื่น (ปืน) 2,791,000 บาท และยังมีเงินประจำตำแหน่งที่แจ้งเพิ่มเติมอีก 444,000 บาท ขณะที่คู่สมรสแจ้งว่าไม่มีรายได้

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบไม่พบรายการเงินกู้ยืม 20 ล้านบาท ที่เป็นการกู้เงินเพื่อไปทำธุรกิจ ตามที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า ป.ป.ช.ตรวจสอบแต่อย่างใด

ที่ทำเนียบรัฐบาล ตึกสันติไมตรี นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กล่าวบนเวทีปราศรัยถึงประเด็นการกำจัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน โดยระบุว่าหากไม่จัดการจะส่งกำลังไปจัดการเองว่า ตามจริงท่านพูดบนเวทีปราศรัย ซึ่งเป็นความปรารถนาดีที่นายทักษิณมองเห็นว่าเป็นปัญหาหนึ่งที่ต้องได้รับการแก้ไข แล้วต้นตอของปัญหาส่วนหนึ่งก็อยู่ต่างประเทศ หรือที่ปอยเปต แล้วก็เป็นที่ทราบกันดีว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ใช้สถานที่นั้นเป็นสถานที่ปฏิบัติการ ทุกคนทราบปัญหานี้ดี และต้องมีการแก้ไขปัญหา ทางกระทรวงดีอีไม่ได้นิ่งนอนใจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ดำเนินการในเรื่องนี้อยู่ ทั้งนี้ ได้มีการพูดคุยกับทางประเทศกัมพูชาตลอดอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมาทางตำรวจได้เคยมีการประสานงานกับทางประเทศกัมพูชาเข้าไปทลายแก๊งในประเทศกัมพูชาร่วมกัน ปัจจุบันมีเบาะแสที่จะสามารถทำให้เกิดการปฏิบัติการแบบเดิมอีกหรือไม่ นายประเสริฐตอบว่า มีการทำงานร่วมกันของระดับปฏิบัติการ ก็คือฝ่ายความมั่นคงของประเทศเราและฝ่ายของประเทศกัมพูชา รวมถึงมีการทำงานร่วมกันของฝ่ายนโยบาย และกระทรวงดีอีได้มีการพูดคุยกับทางประเทศกัมพูชาอยู่เช่นกัน โดยดูเวลาและโอกาสอันเหมาะสม คงที่จะต้องมีการดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง อยากให้เห็นผลในปี 2568 เพราะเรื่องนี้กัดกร่อนคนไทยกันมานานแล้ว และไปใช้สถานที่ตั้งในต่างประเทศ

เมื่อถามถึงกรณีอินเทอร์เน็ตมาจากฝั่งไทย เมื่อจับสัญญาณได้ทีก็ตัดเน็ตครั้งหนึ่ง ทางกระทรวงดีอีมีการตรวจสอบเบาะแสเพิ่มเติมหรือไม่ นายประเสริฐกล่าวว่า เราได้ประสานงานกับทางสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ  (กสทช.), ดีเอสไอ และกรมสอบสวนกลาง ปราบอยู่ตลอดตามแนวตะเข็บชายแดน ซึ่งขณะนี้มิจฉาชีพใช้ดาวเทียมวงโคจรต่ำอย่างสตาร์ลิงก์เข้าไปยิงสัญญาณอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นปัญหาที่ตามจับอยู่ ส่วนเรื่องที่มีการวางสายสัญญาณลอดไปนั้น  เราก็มีการตรวจสอบอยู่ตลอด เรียกได้ว่ามีการปฏิบัติงานอยู่ทุกเดือน

ซักว่ารัฐบาลมีมาตรการกดดันไปที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงก์ชาติ) เรื่องเกี่ยวกับการหน่วงเงินหรือไม่ นายประเสริฐกล่าวว่า มี เรื่องการหน่วงเงินนี้เป็นข้อเสนอที่หลายฝ่ายอยากให้เกิดขึ้น ตนจะนำเรื่องนี้ไปหารือกับแบงก์ชาติ ตอนนี้เราเสนอร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาอยู่ในหลายๆ  เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการดำเนินการธุรกรรมของสินทรัพย์ดิจิทัล เรื่องของการเพิ่มโทษ เรื่องของการเยียวยา และเรื่องสุดท้ายของ พ.ร.ก.คือ การมีความรับผิดชอบของธนาคารพาณิชย์ กับผู้ให้บริการเครือข่ายสัญญาณ ซึ่งก็จะต้องมีการลงในรายละเอียดต่อไป

ถามอีกว่า ต่อไปนี้หากมีผู้เสียหายธนาคารก็จะต้องมีส่วนเยียวยาอย่างเช่นประเทศสิงคโปร์ใช่หรือไม่ รมว.อีดีชี้แจงว่า ต้องดูว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นเกิดจากระบบธนาคารมีความไม่ปลอดภัย หรือเพราะประชาชนมีความประมาท อันนี้ต้องดูเหตุผลด้วย ปีหน้าเห็นการแก้ไขแน่นอน ซึ่งร่าง พ.ร.ก.นี้เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปแล้ว ซึ่งกำลังรอพิจารณาอยู่ โดยเข้าไปตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2567 ถ้ามีผลบังคับใช้ในเดือนมกราคม 2568 ก็คงจะดี เพราะเป็นเรื่องเร่งด่วน

เมื่อถามอีกว่า ใน พ.ร.ก.ได้มีการกำหนดวงเงินขั้นต่ำที่ธนาคารพาณิชย์และบริการเครือข่ายสัญญาณจะเข้ามามีส่วนร่วมหรือไม่ นายประเสริฐกล่าวว่า ไม่ได้มีเขียนไว้ อันนั้นจะเป็นปลีกย่อยในรายละเอียด เราเขียนในเรื่องของหลักการ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ธปท.จับตาแจกเงินเฟส2-3

“คลัง” ฟุ้งเศรษฐกิจไทยเดือน พ.ย.โตต่อเนื่อง อานิสงส์ส่งออก-ท่องเที่ยวหนุนเต็มพิกัด