‘แม้ว-หนู’จูบปากตีกอล์ฟ ‘แก้วสรร’ให้ลุ้นกลางปี68

ชื่นมื่น! “ทักษิณ” ควง "อนุทิน” ตีกอล์ฟ สยบรอยร้าวรัฐบาล "วิสุทธิ์" แนะต่อไปคุยให้จบในวิปรัฐบาล ก่อนชงกฎหมายเข้าสภา "พ่อนายกฯ" หนาว! "แก้วสรร" ฟันธงไม่เกินกลางปีหน้า ศาลฎีกานักการเมืองเริ่มไต่สวนชั้น 14 แน่ หลัง  ป.ป.ช.ได้ข้อสรุปกล่าวโทษ พร้อมกางระเบียบราชทัณฑ์ "ยิ่งลักษณ์" หมดสิทธิ์คุมขังบ้านจันทร์ส่องหล้า "นิด้าโพล" ชี้ปัญหาปากท้องทำคนไทยเหนื่อยหน่ายที่สุดของปีนี้  

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี, นายอนุทิน  ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย  ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย, นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ และนายคงกระพัน อินทรแจ้ง  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมตีกอล์ฟที่สนามกอล์ฟ Stone Hill club จ.ปทุมธานี

หลังเกิดกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยระหองระแหงกันในการร่วมรัฐบาล โดยนายทักษิณกล่าวระหว่างการสัมมมาพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. โจมตีพรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่เข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในการออกพระราชกำหนดภาษีส่วนเพิ่ม ว่าเป็น “อีแอบ” รวมถึงต่อมาพรรคเพื่อไทยออกแคมเปญ 180 วัน รอได้เพื่อรัฐธรรมนูญประชาชน อย่าเชื่อ “อีแอบ” ล็อกสองชั้น รัฐบาลต้องลงเรือลำเดียวกัน ภายหลังพรรคภูมิใจไทยโหวตสวนในร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประชามติ โดยยืนหลักเกณฑ์เสียงข้างมากสองชั้น

ที่ด่านถาวรบูเก๊ะตา อ.แว้ง จ.นราธิวาส พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เดินทางไปติดตามความคืบหน้าและรับฟังปัญหาในการเปิดด่าน เนื่องจากปัจจุบันแม้มีการสร้างอาคารด่านศุลกากรบูเก๊ะตา ตามโครงการระยะที่ 1 ถึง 3 เสร็จแล้ว โดยใช้งบประมาณราว 260 ล้านบาท แต่ยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้อย่างอย่างสมบูรณ์  เพราะสภาพภูมิประเทศบริเวณใกล้เคียงยังคงมีพื้นที่สุ่มเสี่ยงที่จะเกิดการเล็ดลอดหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และเป็นอุปสรรคต่อการทำพิธีการด้านศุลกากร ทั้งนี้ ศอ.บต.ต้องการให้รัฐบาลช่วยผลักดันและเจรจาให้ฝ่ายมาเลเซียปรับปรุงพัฒนาเส้นทางคมนาคมทางด้านฝั่งมาเลเซียเพื่อรองรับการเดินทางเชื่อมต่อจากฝั่งไทย ซึ่งรับปากว่าจะนำประเด็นดังกล่าวไปรายงานต่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต่อไป

พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า การที่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้แต่งตั้งนายทักษิณเป็นที่ปรึกษานั้น จะยิ่งเอื้อต่อบรรยากาศของการเจรจาระหว่างไทยกับมาเลเซีย ในการแสวงหาทางออกร่วมกันเกี่ยวกับปัญหาการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย รวมทั้งการยกระดับความร่วมมือตามแนวชายแดน การพัฒนาการค้าและการลงทุนข้ามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย ตลอดจนการแก้ปัญหาก่ออาชญากรรมข้ามชาติ

วันเดียวกัน นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ และประธาน สส.พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงการพิจารณากฎหมายในสภาสมัยประชุมนี้ว่า จะพิจารณากฎหมายที่จำเป็นเร่งด่วนก่อให้เกิดประโยชน์ต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ได้มากที่สุด ซึ่งน่าจะทำได้มากขึ้นประมาณ 20 ฉบับ เช่น ร่าง พ.ร.บ.ประมง, พ.ร.บ.ตั๋วร่วม ที่จะเข้ามาขับเคลื่อนนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย

"มั่นใจว่าสมัยประชุมนี้เราจะทำได้อย่างเต็มที่  เรื่องกฎหมายผมไม่ได้กังวล แต่กังวลเรื่องเดียวคือการให้ สส.ร่วมประชุมสภาในวันพุธ พฤหัสบดี ขอให้ประชาชนอย่าเชิญ สส.ไปร่วมกิจกรรมในวันดังกล่าว นอกจากงานที่จำเป็นจริงๆ เช่น งานที่ต้องแต่งตัวขาวดำ ผมอยากให้ สส.ให้ความสำคัญกับสภา เพราะหน้าที่หลักของ สส.คือต้องตรากฎหมาย หากจะเดินสายออกงานหาเสียงในพื้นที่มันไม่ใช่ตอนนี้ ประชาชนเลือกให้มาทำงานในสภาแล้ว" นายวิสุทธิ์ระบุ

วิปรบ.คุยให้จบก่อนชงกม.

เมื่อถามถึงการเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของพรรคเพื่อไทย นายวิสุทธิ์กล่าวว่า ขณะนี้มีกฎหมายนิรโทษกรรมค้างในสภา 4 ฉบับ ของพรรคเพื่อไทย อยู่ระหว่างการตรวจความเรียบร้อย คิดว่าน่าจะเสร็จสิ้นหลังเดือน ม.ค.2568 ส่วนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประชามติ ที่พรรคร่วมรัฐบาลมีความเห็นแตกต่างกัน จะทำให้เกิดปัญหาการทำงานหลังจากนี้หรือไม่นั้น สิ่งสำคัญการเสนอกฎหมายอะไรของพรรคการเมือง ต้องคุยกับวิปรัฐบาลให้จบก่อน แล้วให้ทุกพรรคนำเรื่องที่คุยกับในวิปรัฐบาลไปหารือในพรรคของตนเอง จะไม่ต่างคนต่างเสนอ เพราะถ้าเสนอแล้วมีคนไม่เห็นด้วยประชาชนจะมองว่าพรรคร่วมขัดแย้งกัน ต้องคุยกันก่อนว่ามีมติอย่างไร หลังจากนี้การเสนอกฎหมายอะไรในนามพรรคการเมืองต้องปรึกษาในวิปรัฐบาลก่อน ถ้าขัดกันไม่ต้องเสนอจะเสียเวลา แนวทางนี้น่าจะเป็นทางออกที่ดีในการทำงานร่วมกัน

นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ อดีตรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ออกบทความเรื่อง "หลักคิดทางกฎหมายเรื่องอำนาจบริหารโทษของราชทัณฑ์"  โดยระบุว่า เรื่องที่ 1 "จำคุกที่บ้าน" โดยหากเดือน เม.ย.68 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ กลับไทย เข้าเรือนจำแล้ว กรมราชทัณฑ์จะให้ไปจำคุกที่บ้านจันทร์ส่องหล้าไม่ได้ เนื่องจากเรื่อง “คุมขังนอกเรือนจำ” ต้องมีระเบียบกำหนดเป้าหมายทางทัณฑวิทยาก่อน เช่น ถ้าต้องการคุมขังฟื้นฟูคนติดยา ระเบียบเรื่องนี้กำหนดต่อไปว่า เป็นค่ายทหาร  หรือวัด หรือบ้าน ที่เข้าเงื่อนไขอย่างนั้นอย่างนี้ จากนั้นจึงมีประกาศราชทัณฑ์กำหนดที่คุมขังคนติดยาเป็นแห่งๆ ไป เช่น ค่ายราบ 11 หรือวัดพระบาทน้ำพุ หรือหากชินวัตรใจบุญ อุทิศบ้านจันทร์ส่องหล้าเข้าโครงการก็ทำได้ เมื่อประกาศให้เป็นที่คุมขังนอกเรือนจำแล้ว ถ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ติดคุกฐานเสพยา สามารถถูกส่งตัวมารักษาที่จันทร์ส่องหล้า ร่วมกับผู้ติดยาอื่นๆ ได้  

"ที่บอกว่าติดคุกที่บ้าน เข้าใจกันผิดๆ ทั้งนั้น ขืนทำกันไปเจ้าหน้าที่ก็ติดคุกแน่นอน หรือถ้าหน้าด้าน ออกระเบียบผิดไปจากระบบกฎหมายนี้ ก็ใช้บังคับไม่ได้เช่นกัน ปัญหาระเบียบถูกกฎหมายหรือไม่นี้ คณะกรรมาธิการสภาควรเร่งเรียกระเบียบนี้มาไต่สวนได้แล้ว" นายแก้วสรรระบุ

เรื่องที่ 2 "ทักษิณติดคุกแล้ว" เห็นนายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกฯ บอกว่าเมื่อครั้งเป็นรักษารัฐมนตรียุติธรรม ได้สั่งการและลงไปดูสถานที่คุมขังจนเรียบร้อย แล้วเห็นกับตาว่านายทักษิณเดินเข้าห้องธุรการแรกรับนักโทษ จากนั้นมีลูกหาบออกมารับลูกว่าทักษิณติดคุกแล้ว ออกหมายขังจับตัวไปขังใหม่อีกไม่ได้ พ.ต.อ.ทวีออกมาขยายต่อไปอีกว่า เวลาที่อยู่โรงพยาบาลตำรวจชั้น 14 นั้น ต้องนับเป็นวันถูกขังแล้วด้วย เขารับกันเป็นลูกระนาดอย่างนี้ ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เป็นเรื่องบิดเบือนกฎหมายชัดๆ คดีนี้ไม่ได้มีปัญหาตรงที่นายทักษิณติดคุกแล้วหรือไม่ ถ้าติดแล้วจะติดกี่ชั่วโมง กี่วัน ไม่ใช่ประเด็น ปัญหามันอยู่ที่การส่งตัวไปรักษานอกเรือนจำ คือที่ชั้น 14 โรงพยาบาล  (รพ.) ตำรวจนั้น เป็นการส่งตัวที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ถ้าถูกต้องคือป่วยฉุกเฉินอันตรายถึงชีวิตจริง อย่างนี้ก็ต้องถือว่า 180 วัน เป็นเวลาที่ถูกคุมขังตามหมายขังแล้ว แต่ถ้าไม่ป่วยจริง แท้จริงเป็นความทุจริตช่วยเหลือนายให้ไปนอนชั้น 14 สบายๆ เหมือนกับนอนโรงแรมเท่านั้น ถ้าเป็นอย่างนี้ผิดแน่นอน ใครจะบิดเบือนเป็นอื่นไปไม่ได้

เรื่องที่ 3 “ศาล ในคดีชั้น 14" มีสองศาล คดีเจ้าหน้าที่ทุจริตนั้น จากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไปอัยการ แล้วไปศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ จบด้วยการลงโทษเจ้าหน้าที่ อีกคดีหนึ่งจะไปศาลที่ออกหมายขัง คือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง คดีที่ออกหมายขังไว้ให้จำคุกทักษิณ 1 ปี เมื่อการอยู่ รพ.ตำรวจนั้นไม่ถูกต้อง ไม่ป่วยจริง ต้องนำพฤติการณ์นี้ไปให้ศาลไต่สวน แล้วสั่งออกหมายขังใหม่ ให้นำตัวไปขังเสียใหม่ให้ถูกต้อง

กลางปี 68 ศาลไต่สวนชั้น 14

สำหรับคดีขังใหม่นี้ ไม่ต้องรอผลยุติคดีทุจริต  เป็นคนละเรื่องกัน เมื่อไม่ชอบด้วยกฎหมายต้องทำให้ชอบ คือให้ศาลไต่สวนเอามาขังใหม่ได้เลย ส่วนคดีทุจริตเป็นเรื่อง “ความมิชอบด้วยกฎหมาย+ความชั่วในใจที่ทุจริตมุ่งช่วยเหลือกัน” โดยสมการทางคดีอย่างนี้ แม้ใครจะเกี่ยวข้อง แต่ถ้าไม่รู้เห็นเป็นใจด้วย เช่น ผบ.เรือนจำ ที่สั่งอนุญาตให้นักโทษไปอยู่โรงพยาบาลตำรวจโดยไม่ถูกต้องเพราะนักโทษไม่ป่วยจริงก็ตาม แต่ในที่สุดถ้า ป.ป.ช.ตรวจสอบแล้วพบว่าเขาถูกหมอแหกตา อย่างนี้เขาต้องหลุดคดีไป เพราะไม่มีความชั่วในใจ คือไม่ได้ทุจริตมุ่งช่วยเหลือนักโทษด้วยนั่นเอง

ส่วนที่ลูกหาบพูดกันระงมไปหมดว่า คดีชั้น 14 ยุติเด็ดขาดแล้ว เพราะศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องเรื่องนี้แล้วนั้น เรื่องล้มล้างทำลายรัฐธรรมนูญนั้นไกลลิบเกินกว่าจะสรุปเช่นนั้นได้ ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับฟ้องถูกต้องแล้ว ใครจะฉวยโอกาสเอามาอ้างกันมั่วไปหมดอย่างนี้ไม่ได้

เรื่องที่ 4 "อำนาจศาลที่จะออกหมายขังใหม่" หลักในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ตามมาตรา 246 ระบุว่า การทุเลาการลงโทษเพราะนักโทษเจ็บป่วยอันตรายถึงชีวิต ต้องรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล ให้ทำโดยราชทัณฑ์ หรือฝ่ายนักโทษยื่นคำร้องต่อศาล หรือศาลเห็นเอง พอศาลสั่งแล้ว การนับโทษจะสะดุดหยุดลงทันที ภายหน้าหากหายป่วยฟื้นกลับรอดชีวิตมาได้ ต้องกลับเข้าเรือนจำแล้วนับโทษต่อไปอีก มาตรานี้นี่เองที่ยืนยันว่าศาลมีอำนาจตรวจสอบการขังตามหมายขังของตนได้ ไม่ใช่ว่าพิพากษาจำคุกไปแล้วราชทัณฑ์จะทำอะไรไปตามอำเภอใจก็ได้

นายแก้วสรรกล่าวว่า เรื่องทักษิณไม่ถูกคุมขังตามหมายนี้ เมื่อเป็นหมายศาล ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ ออกเองกับมือ เริ่มไต่สวนได้เอง หรือหากเกรงว่าจะถูกครหาว่าเป็นฝักฝ่ายทางการเมือง จะรอให้มีผู้ร้องพร้อมการชี้ช่องที่น่าเชื่อถือก่อนก็ได้  ซึ่งวันนี้ ป.ป.ช.มีมติว่าคดีมีมูลแล้ว ต้องใช้เวลามีมติเรียกเอกสารหลักฐาน (พร้อมโทษอาญาหากขัดขืน) อีกไม่เกิน 2 เดือน เท่านี้น่าจะพอสรุปเป็นคำกล่าวโทษเฉพาะบุคคล ส่งให้เขาแก้ตัวได้ ถึงเวลานั้นศาลน่าจะหมายเรียกพยานหลักฐานจาก ป.ป.ช.มาเริ่มไต่สวนได้ หรือถ้าผลการตรวจสอบเวชระเบียนของแพทยสภา ออกมาพอดีว่าหมอที่เกี่ยวข้องตรวจรักษาอาการทักษิณโดยบิดเบือน เช่นนี้ยิ่งมีน้ำหนักให้ศาลรวบรวมมาลงมือไต่สวนได้อีกมาก ทั้งหมดนี้เชื่อได้ว่าไม่เกินกลางปีหน้า เราน่าจะเห็นการใช้อำนาจไต่สวนนี้ของศาลได้แล้ว

"ถามว่าเราจะสะสางกันอย่างไร ให้การใช้อำนาจราชทัณฑ์ ทั้งอภัยโทษ ทุเลาโทษ คุมขังนอกเรือนจำ และพักโทษ มีความโปร่งใสและน่าเชื่อถือกว่าที่เป็นอยู่ ต้องตอบว่าต้องทบทวนทั้งหมด ให้กรอบอำนาจชัดเจนกว่านี้ ให้ศาลตรวจสอบได้มากกว่านี้ งานสำคัญงานนี้ ทั้ง ป.ป.ช. คณะกรรมาธิการสภา และที่สำคัญคือคณะนิติศาสตร์ ต้องรู้จักเป็นเดือดเป็นร้อนค้นคว้า และนำเสนอแทนประชาชนมากกว่านี้ บ้านเมืองเราถึงจะมีอนาคตข้างหน้าได้" นายแก้วสรรระบุ

ทักษิณเจ้าของรัฐบาลตัวจริง

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช  โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ "ทักษิณ คือ  เจ้าของรัฐบาลตัวจริง" โดยระบุว่า นายทักษิณ คือ  เจ้าของรัฐบาลตัวจริง ถ้าใครได้ติดตามความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ในการรับเชิญเป็นวิทยากร กล่าวบรรยายพิเศษหัวข้อ "อนาคตอีสาน โอกาสประเทศไทย" ในงานสัมมนา "ISAN NEXT: พลิกเศรษฐกิจไทย ฝ่าวิกฤตโลก" ที่หอประชุมราชภัฏรังสฤษฏ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมาแล้ว จะทราบว่ามีเนื้อหาในการบรรยาย พอสรุปได้ดังนี้คือ 1.การสร้างซอฟต์พาวเวอร์ หรือสินค้าโอท็อปของภาคอีสาน 2.ปัญหายาเสพติด จัดทำแอปพลิเคชันที่จะรับข้อมูลจากประชาชน เพื่อให้มีการปราบปรามอย่างจริงจัง 3.เสนอให้แปลงการออกพันธบัตรรัฐบาลให้มาสู่ระบบเศรษฐกิจ โดยออกพันธบัตรอายุสั้นขายคนทั่วไปในรูปของเหรียญ ซึ่งประชาชนสามารถที่จะนำไปใช้หรือไม่ใช้ก็ได้ และต้องทำให้จีดีพีโตได้ 4-5% จากที่เป็นอยู่ 2%

ซึ่งเชื่อว่าวิสัยทัศน์ของนายทักษิณ เกี่ยวกับการพัฒนาภาคอีสานในครั้งนี้ จะถูกรัฐบาลชุดนี้นำไปปฏิบัติอย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมาเห็นได้ชัดว่า นายทักษิณพูดอะไร รัฐบาลชุดนี้นำไปปฏิบัติทั้งหมด นับตั้งแต่การแสดงวิสัยทัศน์ของนายทักษิณ บนเวทีสัมมนาของเครือเนชั่น รัฐบาลนำไปเป็นนโยบายของรัฐบาล และได้แถลงต่อที่ประชุมรัฐสภาไปแล้ว รวมถึงนายทักษิณได้พูดเรื่องแจกเงินให้กับผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป คนละ 10,000 บาท บนเวทีปราศรัยจังหวัดอุดรธานี นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ออกมาขานรับทันทีในวันต่อมา และนำไปปฏิบัติเป็นนโยบายของรัฐบาลแล้ว

"แม้แต่การตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจปราบปรามผู้มีอิทธิพล ที่นายทักษิณประกาศให้นางสาวแพทองธารเป็นประธานนั่งหัวโต๊ะ รัฐบาลยังไม่ทันได้ตั้งกรรมการขึ้นมาเลย แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ลงพื้นที่ลุยปราบปรามทันที ตามคำดำริของนายทักษิณ ซึ่งมีความศักดิ์สิทธิ์มากกว่าคำสั่งรัฐบาลด้วยซ้ำไป เพราะฉะนั้นสิ่งที่นายทักษิณพูดทั้งหมดคือ แนวทางการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ จึงไม่ต้องสงสัยว่า ระหว่างนายทักษิณกับนางสาวแพทองธาร ใครคือนายกรัฐมนตรีตัวจริง จะบอกว่า "พ่อทำลูกซ่อม" ก็ไม่เป็นความจริง เพราะรัฐบาลชุดนี้ "พ่อคิด พ่อกำหนด พ่อกำกับ พ่อสั่งการ" นายเทพไทระบุ

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “เหนื่อยหน่ายกับอะไรบ้าง ในปี 2567 ที่ผ่านมา” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 16-18 ธ.ค.2567 รวมทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่าง โดยเมื่อถามประชาชนถึงความสุขในปี 2567 ที่ผ่านมา พบว่า ร้อยละ 39.92 ระบุว่าค่อนข้างมีความสุข รองลงมา ร้อยละ 32.52 ไม่ค่อยมีความสุข เพราะมีปัญหาทางการเงินที่เกิดจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น และรู้สึกเบื่อหน่ายกับความวุ่นวายของสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่มีความแน่นอน, ร้อยละ 18.17 มีความสุขมาก และร้อยละ 9.39 ไม่มีความสุขเลย เพราะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ส่งผลให้เกิดปัญหาหนี้สินสะสม ส่วนสิ่งที่ประชาชนเหนื่อยหน่ายในปี 2567 พบว่า ร้อยละ 52.14 ระบุว่าปัญหาเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อรายได้และชีวิตความเป็นอยู่ รองลงมา ร้อยละ 28.09 ปัญหาภัยไซเบอร์ เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เป็นต้น, ร้อยละ 27.86 ปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองทั้งในและนอกสภา, ร้อยละ 21.60 ปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด, ร้อยละ 14.89 ปัญหาราคาพลังงาน เป็นต้น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กดดันรางวัลเยอะ ‘แพทองธาร’ ดีใจนึกว่ามีแต่คนต่อว่าในโซเชียลมา 3 เดือน!

"อิ๊งค์" กดดันหนัก! บริหารประเทศ 3 เดือนได้รางวัลเพียบ ดีใจโพลสำรวจ ปชช.ให้เบอร์ 1 “นักการเมืองแห่งปี” นึกว่ามีแต่คนต่อว่าในโซเชียล "หมอวรงค์" เฉ่งยับ!

ชัดแล้วเลือกอบจ.68 รับสมัคร ‘23-27ธ.ค.’

กกต.ประกาศให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาและนายก อบจ. สมัคร 23-27 ธ.ค. เลือกตั้ง 1 ก.พ.ปีหน้า หลายจังหวัดตรวจสอบความพร้อม คาดวันแรกผู้สมัครทะลัก "อุ๊งอิ๊ง"