ตามคาดก.ก.ส่ง‘วิโรจน์’ชิง

กกต.เตือนโค้งสุดท้ายเลือกตั้งซ่อมหลักสี่-จตุจักร อย่าทำผิดกฎหมาย ตั้งเป้าคนใช้สิทธิ์เกิน 65% "พนิต" ฟันธงผลเลือกตั้งซ่อม กทม. การต่อสู้เชิงสัญลักษณ์ระหว่าง "ฝ่ายประชาธิปไตย" กับ "ระบอบสืบทอดอำนาจ" ใครแพ้-ชนะ มีผลต่ออนาคตประเทศ "มาดามหลี" พาทีมคนรุ่นใหม่ลุยหาเสียงเคหะชุมชน งดปราศรัยใหญ่หวั่นโควิดระบาด แต่เพื่อไทยยัน 27 ม.ค. เปิดโปงทุกเรื่อง "ก้าวไกล" เปิดตัวแล้ว “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” ชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.

เมื่อวันอาทิตย์ นายสำราญ ตันพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร (ผอ.กกต.กทม.) ให้สัมภาษณ์ถึงช่วงโค้งสุดท้ายการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กรุงเทพมหานคร เขตเลือกตั้งที่ 9 หลักสี่-จตุจักร (เฉพาะแขวงลาดยาว แขวงจันทรเกษม แขวงเสนานิคม) แทนตำแหน่งที่ว่าง ว่าทาง กกต.กลางและ กกต.กทม.มีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามที่กฎหมายกำหนดไว้ โดยมี 5 องค์กรคุณภาพที่มีส่วนร่วม คือ 1.กกต. 2.ผู้ตรวจการเลือกตั้ง 3.หน่วยงานสนับสนุน 4.ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. และ 5.ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง

"สำหรับช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง ขณะนี้เหลือเพียงอีก 1 สัปดาห์ก็จะถึงวันเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม จึงอยากฝากข้อห่วงใยไปยังผู้สมัครรับเลือกตั้ง ผู้ช่วยผู้สมัคร ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง พึงระมัดระวังการดำเนินการใดๆ ที่อาจเข้าข่ายการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.2561 มาตรา 73 ทั้งการเสนอให้ สัญญาว่าจะให้ทรัพย์สิน การจัดเลี้ยง การจัดมหรสพ โดยเฉพาะการใช้ถ้อยคำที่อาจถูกตีความได้ว่าเป็นการใส่ร้ายป้ายสีด้วยความเท็จ"

นายสำราญกล่าวว่า ส่วนการหาเสียง กฎหมายกำหนดห้ามผู้ใดหาเสียงเลือกตั้งนับตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันก่อนวันเลือกตั้งหนึ่งวันจนสิ้นสุดวันเลือกตั้ง รวมทั้งการหาเสียงทางโซเชียลมีเดียก็เช่นเดียวกัน ต้องยุติทันที อย่างไรก็ตาม สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ อยากให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกมาใช้สิทธิให้มากกว่า 65% ขึ้นไป เมื่อเทียบกับของเดิมที่มีผู้ออกมาใช้สิทธิ์ 60.49% ส่วนตัวไม่อยากให้ต่ำกว่านั้น ประกอบกับขณะนี้กระแสความตื่นตัวในการเลือกตั้งมีมากกว่าทุกครั้ง จึงหวังว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะออกมาใช้สิทธิ์กัน

ที่เขตดอนเมือง กทม. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงโค้งสุดท้ายในการเลือกตั้งซ่อม กทม.ว่า ไม่มีความเห็น เพราะประชาธิปัตย์ไม่ได้ส่ง ด้วยเหตุผลอะไรนั้นเป็นที่ทราบกันแล้ว สำหรับผู้สมัครของพรรคได้เตรียมไว้แล้วในการเลือกตั้งทั่วไปคือ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ซึ่งแม้เราไม่ได้เลือกตั้งซ่อม แต่ได้ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง หลังเลือกตั้งซ่อมแล้วตนจะได้ลงพื้นที่กับว่าที่ผู้สมัครอีก เพียงแต่ยังไม่อยากลงพื้นที่ตอนนี้ เดี๋ยวจะกลายเป็นกระทบการเลือกตั้งซ่อมที่พรรคอื่นเขาแข่งกันอยู่

นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชป. โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเรื่อง "เลือกตั้งซ่อมหลักสี่-จตุจักร ทางเลือกประชาธิปไตย-สืบทอดอำนาจ" ว่า  เมื่อ 12 ปีที่แล้ว ปี 2553 ผมมีโอกาสลงสมัครเป็นตัวแทนพรรค ปชป.ในการเลือกตั้งซ่อมที่เขต 6 (เขตบึงกุ่ม คันนายาว หนองจอก และคลองสามวา) ซึ่งตอนนั้นพรรคเป็นฝ่ายรัฐบาล คู่แข่งของผมตอนนั้นคือคุณก่อแก้ว พิกุลทอง จากพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นแกนนำจากอีกฟากหนึ่งที่เผชิญหน้ากับรัฐบาลคุณอภิสิทธิ์อยู่ เป็นการสู้ศึกเลือกตั้งกันอย่างสุดตัว ผู้ใหญ่ในพรรคทั้ง 2 มาช่วยกันหาเสียง รวมถึงงัดกลเม็ด สร้างกลยุทธ์ทุกรูปแบบมาใช้ และในที่สุดผมก็ได้มีโอกาสมาเป็น ส.ส. เป็นการเลือกตั้งทางสัญลักษณ์ท่ามกลางแรงกดดันจากมวลชนที่ต่อต้านรัฐบาล ซึ่งผลที่ออกมาแสดงให้เห็นว่าประชาชนต้องการลงคะแนนเพื่อแสดงสัญลักษณ์ทางการเมืองมากกว่าเพราะความชอบในตัวผู้ลงรับสมัคร

เดิมพันระบอบประยุทธ์กับ ปชต.

"การเลือกตั้งซ่อมเขตหลักสี่วันที่ 30 ม.ค.นี้ มองว่าเป็นการเลือกตั้งเชิงสัญลักษณ์เช่นเดียวกัน เป็นการเผชิญหน้าระหว่างตัวแทน “ระบอบประยุทธ์” กับ “ระบอบประชาธิปไตย” จะมีประชาชนจำนวนกี่คนที่โหวตพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล และจะมีกี่คนที่โหวตพรรคพลังประชารัฐและพรรคกล้า ซึ่งเป็นการสะท้อนนัยทางการเมืองระดับประเทศ และแนวโน้มการเลือกตั้งในครั้งหน้าการเลือกตั้งซ่อมสิ่งที่น่าสนใจมากกว่าใครจะชนะ คือฝ่ายประชาธิปไตย และฝ่ายที่ “เลือกการสืบทอดอำนาจ” จะได้รับคะแนนเสียงมากน้อยแค่ไหน เพราะว่าสุดท้ายแล้วเสียงของประชาชนจะเป็นผู้กำหนดการเมืองระดับชาติ ขึ้นอยู่กับพี่น้องประชาชน" นายพนิตระบุ

วันเดียวกัน เวลา 10.30 น. นางสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตหลักสี่-จตุจักร เบอร์ 7 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และนายจักรพันธ์ พรนิมิตร หัวหน้าภาค กทม. ลงพื้นที่บริเวณชุมชนเคหะทุ่งสองห้อง เพื่อเดินทักทายกับประชาชนอย่างใกล้ชิด โดยมีกลุ่มคนรุ่นใหม่มาช่วยหาเสียงด้วย โดยนางสรัลรัศมิ์ให้สัมภาษณ์ว่า จะไม่มีการตั้งเวทีปราศรัยใหญ่แน่นอน แต่จะมีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคที่จะเดินทางมาในพื้นที่ โดยจะพูดคุยกับประชาชนอย่างใกล้ชิด เพื่อนำปัญหาที่สะท้อนจากประชาชนไปแก้ไขให้

เมื่อถามว่า หากไม่จัดเวทีปราศรัยใหญ่ ประชาชนจะทราบแนวทางนโยบายของพรรค พปชร.ได้อย่างไร นางสรัลรัศมิ์กล่าวว่า พรรค พปชร.ไม่ใช่พรรคใหม่ ทำงานบริหารประเทศมากกว่า 3 ปีแล้ว ประชาชนจึงทราบแนวทางนโยบายและการบริหารพรรคมาโดยตลอดอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องจัดเวทีปราศรัย ส่วนเหตุผลที่ไม่จัดเวทีปราศรัย ก็เนื่องจากเป็นช่วงการแพร่ระบาดของโควิด ในพื้นที่เขตหลักสี่ก็เริ่มมีตัวเลขผู้ติดเชื้อขยับมากขึ้นแล้ว เราเป็นห่วงประชาชน จึงไม่อยากให้เกิดเป็นคลัสเตอร์ ไม่เกี่ยวข้องจากกรณีการปราศรัยในการเลือกตั้งซ่อมที่ภาคใต้

เมื่อถามต่อว่า ในการหาเสียงวันนี้มีกลยุทธ์ใหม่หรือไม่ นางสรัลรัศมิ์กล่าวว่า วันนี้มีน้องๆ คนรุ่นใหม่ที่ลงมาช่วยรณรงค์หาเสียงในพื้นที่ โดยอยากจะลงมารับฟังปัญหาของชุมชน

ด้านนายจักรพันธ์กล่าวว่า เท่าที่ตนได้ลงมาร่วมลงพื้นที่ ทุกครั้งก็จะเห็นว่าได้รับเสียงตอบรับจากชาวบ้านเป็นอย่างดีจากนโยบายของรัฐบาล และการดูแลพื้นที่เป็นอย่างดีของผู้สมัคร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการให้สัมภาษณ์ได้มีประชาชนคนหนึ่งกล่าวชื่นชมนายสิระ เจนจาคะ และนางสรัลรัศมิ์ทั้งน้ำตา พร้อมเข้าสวมกอด โดยระบุว่า ในช่วงสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา คนในชุมชนได้รับการช่วยเหลือดูแลจากนายสิระและนางสรัลรัศมิ์เป็นอย่างดี และขอให้นางสรัลรัศมิ์ช่วยเหลือดูแลพวกตนต่อไป

ทางด้านนายสุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 9 พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ตลาดเคหะทุ่งสองห้อง ชุมชนเคหะทุ่งสองห้อง เพื่อพบปะพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่ที่มาจับจ่ายตลาดสดในช่วงเช้าวันหยุดสุดสัปดาห์ โดยมีประชาชนมาให้กำลังใจจำนวนมาก

 นพ.ชลน่านกล่าวว่า การเลือกตั้งในครั้งนี้ถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก   การลงพื้นที่หาเสียงในช่วงสัปดาห์โค้งสุดท้าย จะดำเนินการทุกวันอย่างต่อเนื่อง มี ส.ส.และเครือข่ายร่วมลงพื้นที่ทุกวัน โดยเฉพาะการปราศรัยใหญ่วันที่  28 ม.ค. ที่สวนสุขภาพเคหะทุ่งสองห้อง ตั้งแต่เวลา 17.00 น.เป็นต้นไป พรรคเพื่อไทยจะเปิดเผยทุกเรื่อง ทุกด้าน รวมถึงวิสัยทัศน์ของนายสุรชาติอย่างหมดเปลือก มั่นใจว่าประชาชนจะให้การตอบรับเป็นอย่างดี

นายสุรชาติกล่าวว่า มีความมั่นใจในพี่น้องประชาชน จากการที่ตนอยู่กับคนในพื้นที่มาโดยตลอด 17 ปี ยังคงมีกระแสการตอบรับที่ดีขึ้นทุกวันตลอดการลงพื้นที่ในช่วงที่ผ่านมา และเป็นไปโดยธรรมชาติ ยืนยันว่าทุกวันเป็นวันของประชาชน แม้ว่าจะมีตำแหน่งหรือไม่ก็ตาม 

ก.ก.เปิดตัว"วิโรจน์"ชิงผู้ว่าฯกทม.

นายพรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ทีมงานด้านสิ่งแวดล้อมของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ในนามอิสระ และอดีตผู้ร่วมก่อตั้งองค์กร New Dem หรือกลุ่มคนรุ่นใหม่พรรค ปชป. โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “ของดี…เมืองเราก็มีได้” - “ลานกีฬาพัฒน์ 2” ว่าได้มีโอกาสมาลงพื้นที่เขตราชเทวี (ซึ่งขับรถผ่านอยู่บ่อยๆ แต่ก็ไม่ค่อยได้มีโอกาสมาเดินรับฟังปัญหาพื้นที่) และได้ไปดู “ลานกีฬาพัฒน์ 2” ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ใต้ทางพิเศษศรีรัช ช่วงแยกอุรุพงษ์ ซึ่งเป็นการร่วมมือระหว่างสำนักราชเลขาธิการ สสส. สถาบันอาศรมศิลป์ และ กทม. เป็นโครงการที่ผมประทับใจมาก เพราะมีครบสิ่งที่ต้องการในพื้นที่สาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นสนามกีฬาต่างๆ จากคอร์ดแบตมินตั้น ปิงปอง ฟุตซอล หรือลู่วิ่งที่มีระบุระยะ และเครื่องออกกำลังกาย มากกว่านั้นยังมีห้องสมุดที่ประชาชนเข้าไปยืมหนังสือได้

นายพรพรหมระบุว่า เชื่อว่าโครงการดีๆ อย่างนี้มีอยู่ทั่วกรุงเทพฯ แต่อาจจะยังไม่ได้มีการประชาสัมพันธ์ที่ทั่วถึง นอกเหนือจากการโปรโมตผ่านออนไลน์แล้ว ควรจะต้องมีการจัดกิจกรรมเรื่อยๆมีมินิคอนเสิร์ต นิทรรศการต่างๆ เพื่อดึงคนหลากหลาย เข้ามามีส่วนร่วม โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ (ที่ส่วนใหญ่ยังคง เลือกที่จะไป hang out กันที่ห้างมากกว่าที่พื้นที่สาธารณะ) ประเด็นนี้มีความสำคัญมาก เพราะเมื่อประชาชนเห็นโครงการเหล่านี้ก็จะได้เห็นว่า “ของดี…เมืองของเราก็มีได้” ไม่ใช่ว่าของดีๆจะมีได้แค่เฉพาะในเมืองในยุโรปหรืออเมริกาเท่านั้น และจะมี Mindset ว่า “ถ้าพื้นที่ใต้ทางด่วนนี้ทำได้ และทำไมที่อื่นจะทำไม่ได้”

เมื่อเวลา 18.00 น. ที่ซอยรามคำแหง 42 พรรคก้าวไกลจัดกิจกรรมเปิดตัวแคนดิเดตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ก่อนเริ่มงานได้มีการเปิดวีทีอาร์ เพื่อสะท้อนปัญหาในกรุงเทพฯ เน้นย้ำว่า ถึงเวลาเลือกผู้ว่าฯ ที่พร้อมชน เพื่อคนกรุงเทพฯ โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ขึ้นกล่าวบนเวทีตอนหนึ่งว่า เราต่อสู้ในเรื่องการกระจายอำนาจมาโดยตลอด ที่ผ่านยังไม่เห็นผู้ว่าฯ กทม. ที่พร้อมจะชนทุกปัญหา 7-8 ปีที่ผ่านมาคน กทม.ไม่มีโอกาสเลือกผู้ว่าฯ ของตัวเอง ปีนี้เป็นปีสร้างความหวังและการเปลี่ยนแปลงให้กับคนกรุงเทพมหานครที่อึดอัด ที่เป็นแรงเฉื่อยของเมือง ต้องการผู้ว่าฯ ที่ต้องการชนปัญหา ไม่ซุกปัญหาไว้ใต้พรม

 “ปีนี้เป็นปีที่วิเศษที่จะมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. แคนดิเดตผู้ว่าฯ กทม. จึงจำเป็นต้องเป็นคนที่พิเศษ คือผู้ว่าฯ กทม. ที่เชื่อได้สนิทใจ คือผู้ว่าฯ กทม.ที่จะไม่คลอนแคลนไปไหนเมื่อเจอปัญหา จะเป็นผู้ว่าฯ กทม. ที่พร้อมประสานงานทุกภาคส่วน ถ้าประสานงานไม่ได้ก็พร้อมที่จะชนโดยนำผลประโยชน์ของคนกรุงเทพฯ เป็นตัวตั้งในการทำงาน ตลอดปีที่ผ่านมา ได้พูดคุยกับคนหลายอาชีพหลายช่วงอายุ แค่ยังไม่มีคนที่เป็นดีเอ็นเอของความเป็นพรรคก้าวไกล และคนที่ผมจะเชื่อมั่นสนิทใจว่าจะเอาผลประโยชน์ของคนกรุงเทพฯ เป็นที่ตั้ง  วันนี้ตัดสินใจครั้งสำคัญที่จะเอาเสาหลักของ ส.ส. ที่เคียงบ่าเคียงไหล่มาตั้งแต่พรรคอนคตใหม่ มาถึงพรรคก้าวไกล มาปักลงใจกลางกรุงเทพฯ เพื่อทำงานให้กับประชาชน โดยจะเสนอนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เป็นแคนดิเดตผู้สมัครชิงผู้ว่าฯ กทม.ของพรรคก้าวไกล” นายพิธากล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง