‘อิ๊งค์’ควงสามี ให้กำลังใจคนใต้ 20ธันวาน้ำแห้ง

“นายกฯ อิ๊งค์” ควงสามีลงพื้นที่  “นครศรีธรรมราช-สุราษฎร์ธานี” ประชุมผู้ว่าฯ 5  จ.แก้น้ำท่วม พร้อมส่งกำลังใจเป็นภาษาใต้ "สู้ๆ"  เชื่อไม่เกิน 20 ธ.ค.น้ำแห้ง กำชับอย่าลืมลงทะเบียนรับเงินเยียวยา 9 พันบาท “มท.หนู”  หวาน ยันช่วยเหลือ ปชช.ไม่มีชะลอ “สุริยะ" มั่นใจเส้นทางลงใต้-รถไฟ ใช้ทันปีใหม่

เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม เวลา 12.00 น. ที่ฝูงเครื่องบิน กองการบินศูนย์การเคลื่อนย้ายกองทัพบก ดอนเมือง กรุงเทพฯ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมนายปิฎก สุขสวัสดิ์ คู่สมรส ออกเดินทางลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและสุราษฎร์ธานี เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วม โดยในส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย    และคณะกระทรวงมหาดไทย อาทิ น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย, นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย, นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ให้การต้อนรับ

เมื่อมาถึงศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช  นายกฯ เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์อุทกภัยและสั่งการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ภาคใต้ ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี, จังหวัดชุมพร, จังหวัดพัทลุง และจังหวัดนราธิวาส เข้าร่วมประชุมผ่านระบบออนไลน์ เนื่องจากต้องอยู่ดูแลพื้นที่

น.ส.แพทองธารกล่าวว่า วันนี้มีโอกาสมาจังหวัดนครศรีธรรมราช และทราบว่าผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดจะต้องอยู่ในพื้นที่ของตัวเอง ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องดูแลพื้นที่ให้ดี ที่ผ่านมารัฐบาลได้ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมอย่างใกล้ชิด และได้รับรายงานโดยตรงจากหน่วยงานที่รับผิดชอบทุกหน่วย เพราะฉะนั้นถือว่าเหตุการณ์น้ำท่วมภาคใต้ทุกคนสามารถจัดการได้อย่างรวดเร็วมากๆ  รัฐบาลได้ลงพื้นที่ทันทีตอนที่เกิดน้ำท่วมในช่วงแรก ถือว่าเป็นความช่วยเหลือที่เข้าถึงประชาชนได้อย่างรวดเร็ว และได้รับรายงานอีกประมาณไม่เกินวันที่ 20 ธ.ค. น้ำน่าจะแห้งทั้งหมด เพราะวันนี้มีฝนตกแค่ในช่วงเช้า ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ ทั้งนี้ ได้รับรายงานว่าปัจจัย 4 ในการช่วยเหลือประชาชนเพียงพอ และสิ่งที่มีความสำคัญตั้งแต่ตอนที่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมทางภาคเหนือและภาคอีสาน รัฐบาลให้ความสำคัญกับชีวิตของประชาชนเป็นสิ่งแรก ที่เราจะต้องรักษาและดูแลเรื่องนี้ให้ดี

 “ขอให้กำลังใจทุกคน เหตุการณ์ใกล้จะผ่านไปแล้ว และการเยียวยาถึงมือพี่น้องประชาชนแล้ว 80 กว่าเปอร์เซ็นต์ ถือว่าเร็วและดีมากๆ  กว่าตอนที่เราอนุมัติงบเยียวยาในภาคเหนือ ที่ขณะนี้เยียวยาไปได้แล้ว 99 เปอร์เซ็นต์ เหลืออีก 1 เปอร์เซ็นต์ที่ยังต้องยืนยันตัวตน” นายกฯ กล่าว

จากนั้นนายอนุทินกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้อนุมัติงบประมาณฉุกเฉินในการช่วยเหลือประชาชนด้วยความรวดเร็ว และลงไปในพื้นที่ ถือเป็นขวัญและกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติงาน และการที่ได้ลงพื้นที่ประชาชนอดทนและเข้าใจ รวมถึงซาบซึ้งที่รัฐบาลได้เร่งจัดการแก้ไข ตนคิดว่าไม่ใช่เรื่องอื่นมากไปกว่าการที่นายกฯ ได้เทกแอ็คชัน จนกระทั่งสถานการณ์ได้เลื่อนลงมาจากภาคเหนือ ภาคอีสานและภาคใต้ ซึ่งในภาคใต้จะประสบปัญหาเรื่องการไหลหลากของน้ำ รวมไปถึงดินโคลนถล่ม หากน้ำระบายได้สถานการณ์น้ำจะกลับคืนสู่ปกติโดยเร็วที่สุด แต่สิ่งสำคัญที่สุด นายกฯ ไม่ได้ชะลอเรื่องการช่วยเหลือประชาชน  โดยได้ติดตามสถานการณ์ระหว่างเยือนมาเลเซีย  ตนในฐานะผู้บัญชาการสถานการณ์ขอขอบคุณนายกฯ

ต่อมาเวลา 15.15 น. ที่บริเวณซอยพัฒนาการคูขวาง 10 (ถ.ท่าโพธิ์) อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยและมอบถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ โดยนั่งเรือท้องแบนไปมอบถุงยังชีพและแพมเพิร์สสำหรับเด็กเล็กให้แก่ประชาชนที่ติดอยู่ในชุมชนท่าโพธิ์กว่า 3,000 คน ที่น้ำยังท่วมขังสูงถึงระดับอกนานกว่า 3 วัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงหนึ่งที่นายกฯ นั่งเรือท้องแบนแจกถุงยังชีพ มีชาวบ้านบอกว่า “ดีใจที่นายกฯ มาถึงหน้าบ้าน และขอให้นายกฯ สู้ๆ ไปกับพวกเรา” ก่อนที่นายกฯ จะหันไปถามชาวบ้านที่เดินออกมารอรับถุงยังชีพว่า “ให้กำลังใจภาษาใต้พูดว่าอย่างไร” ซึ่งนายกฯ ได้พยายามพูดออกสำเนียงเป็นภาษาใต้ว่า “ให้กำลังใจนะ”    พร้อมชูหมัดเป็นสัญลักษณ์พูดว่า “สู้ๆ” และกำชับประชาชนอย่าลืมไปลงชื่อลงทะเบียนที่เทศบาลเพื่อรับเงินเยียวยา 9,000 บาท หากใครไม่ลงชื่อไม่ได้รับเงิน  

จากนั้นเวลา 17.00 น. นายกฯ เดินทางลงพื้นที่ยังอำเภอท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ด้วยรถ ปภ.สีส้ม ทรานส์ฟอร์เมอร์ ทะเบียน 7 กบ.-5091 กรุงเทพมหานคร เพื่อติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ที่ว่าการอำเภอท่าฉาง และมอบถุงยังชีพให้ประชาชนก่อนเดินทางกลับกรุงเทพ

ด้านนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม  เปิดเผยถึงเส้นทางคมนาคมในพื้นที่ภาคใต้ช่วงน้ำท่วมโดยเฉพาะเส้นทางรถไฟว่า ได้รับรายงานจากผู้ว่าฯ การรถไฟฯ ว่าจะสามารถดำเนินการจัดการเดินรถไฟได้ตามปกติ ซึ่งในช่วงที่ใกล้เทศกาลปีใหม่ คาดว่าจะทำให้เส้นทางกลับมาให้ประชาชนใช้ได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง