มติสว.ไฟเขียวประชามติ2ชั้น

สว.ยกมือพรึ่บ 153 เสียง ผ่าน กม.ประชามติฉบับ กมธ.ร่วมฯ ยึดเสียงข้างมาก 2  ชั้น “อังคณา” เชื่อ สส.ยึดหลักเสียงข้างมากชั้นเดียวแม้จะรอ 6 เดือน “นันทนา” ซัดอย่าดัดจริต  สองมาตรฐาน ที่ผ่านมาทั้งการเลือกตั้งระดับชาติและท้องถิ่นก็ใช้เสียงข้างมากชั้นเดียว "นิกร" ชี้ร่าง กม.ประชามติมีรูรั่ว ลืมไปได้เลยจะมี รธน.ฉบับใหม่ปี 70 ส.ส.ร.ก็ไม่เกิด "ไอติม" โวยจะเกิดความไม่เป็นธรรมในการออกเสียง “ฝ่ายค้าน”   พร้อมโหวตสวน ไม่หวั่นยื้อ 180 วัน

ที่รัฐสภา เวลา 10.00 น. วันที่ 17 ธันวาคม  ในการประชุมวุฒิสภา ที่มี พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ  (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่…) พ.ศ.…. ที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ร่วมกัน พิจารณาเสร็จแล้ว ซึ่งมีมติเห็นชอบร่างแก้ไขของวุฒิสภา ที่แก้ไขด้วยเกณฑ์ผ่านประชามติเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้เกณฑ์ผ่าน  2 ชั้น คือต้องมีผู้มาใช้สิทธิ์ออกเสียงเป็นจำนวนเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ์ใช้เสียง และมีจำนวนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิ์ออกเสียงในเรื่องที่จัดทำประชามติ

นายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร สมาชิกวุฒิสภา   (สว.) อภิปรายว่า การออกเสียงประชามติข้างมากชั้นเดียวเป็นที่นิยมในหลายประเทศ เพราะมีไม่กี่ประเทศที่ใช้การออกเสียงประชามติ 2 ชั้นที่สร้างปัญหามากกว่าข้อดี และรูปแบบรัฐเป็นสหพันธรัฐ เพื่อไม่ให้รัฐใหญ่ใช้พวกมาลากไป แต่ประเทศไทยเป็นรัฐเดียว ควรใช้เสียงข้างมากชั้นเดียว

นางอังคณา นีละไพจิตร สว. อภิปรายว่า ที่ผ่านมาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญของประเทศไทยเรื่องประชามติ ล้วนเป็นการทำประชามติแบบเสียงข้างมากปกติทั้งสิ้น ประชาชนกำลังจับตาว่าวุฒิสภากำลังทำอะไร มติจะออกมาอย่างไร การแก้ไขเพื่อใช้เสียงข้างมาก 2 ชั้น ถึงแม้ สว.ส่วนใหญ่จะเห็นด้วยกับเสียงข้างมาก 2 ชั้น แต่เชื่อมั่นว่า สส.จะยืนยันหลักการแก้ไขให้เป็นเสียงข้างมากชั้นเดียว แม้จะรอระยะเวลาอีก 6 เดือนจึงจะสามารถประกาศใช้ และวุฒิสภาอาจจะถูกกล่าวหาว่าการยืนยันให้ใช้เสียงข้างมาก 2 ชั้น อาจจะเป็นเพียงความต้องการที่ทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญล่าช้า ที่ไม่เป็นประโยชน์กับประเทศไทย

น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. อภิปรายว่า  วุฒิสภาลงมติเห็นชอบด้วยเสียงข้างมาก 2 ชั้น ซึ่งไม่เกินคาดหมาย และทางสภาผู้แทนราษฎรลงมติยืนยันเป็นเสียงข้างมากชั้นเดียว ก็จะต้องใช้เวลาพักร่างกฎหมาย 180 วัน ซึ่งจะนานไปถึงกลางปี 2568 เป็นความบังเอิญอย่างร้ายกาจหรือเปล่า ที่หัวหน้าพรรคการเมืองพรรคหนึ่งให้สัมภาษณ์ว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่เร่งด่วน  หลังจากนั้นการลงติของวุฒิสภาก็ยืดเยื้อไป การลงมติเช่นนี้เป็นไปตามใบสั่งของใครหรือไม่

"รัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านประชามติมาด้วยเสียงข้างมากชั้นเดียว พอจะแก้ไขทำไมต้องใช้เสียงข้างมากสองชั้น และระบบการเลือกตั้งทั้งระดับชาติและท้องถิ่นเป็นระบบเสียงข้างมากชั้นเดียว ทำไมประชามติจึงต้องแปลกแยก ขอถามว่าประเทศไทยเคยใช้วิธีการเลือกด้วยเสียงข้างมากสองชั้นหรือไม่ และอยากจะบอกว่าอย่าดัดจริต อย่าสองมาตรฐาน เราเป็นราชอาณาจักร  ไม่ใช่สหพันธรัฐ" น.ส.นันทนากล่าว

นายนิกร จำนง เลขานุการคณะ กมธ.ร่วมกันฯ กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.ประชามติฉบับนี้มีรูรั่ว  มีช่องว่าง ในกรณีหากสภาพิจารณาแล้วมีข้อสรุปว่าจะแก้รัฐธรรมนูญจะใช้เพียงแค่เสียงข้างมากชั้นเดียว จะไม่ใช้หลักเกณฑ์เสียงข้างมากสองชั้น เช่นเดียวกันกรณีที่รัฐบาลหรือ ครม.เป็นฝ่ายเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะยึดเสียงข้างมากสองชั้น และตนยังมีคำถามว่า กรณีประชาชนเข้าชื่อ 5 หมื่นชื่อเสนอต่อสภาเพื่อแก้รัฐธรรมนูญ แล้วสภาส่งต่อไปยัง ครม. ถามว่าต้องใช้หลักเกณฑ์ใดในการออกเสียงประชามติ ต้องใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งหรือไม่

 “วิปรัฐบาลมีมติไม่เห็นชอบกับร่าง พ.ร.บ.ฉบับคณะ กมธ.ร่วมกัน ซึ่งแน่นอนว่า 180 วันรออยู่ โดยนับแต่วันมะรืนนี้ เมื่อครบ 180 วัน ก็จะมีการนำเสนอเพื่อให้สภายืนยัน จากนั้นรอ 3 วัน  และ 5 วันเพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายในส่วนของการออกกฎหมายลูก เข้าใจว่า กกต.น่าจะใช้เวลา 1 เดือน พอกฎหมายประกาศใช้ก็เชิญสำนักงบฯ มาพูดคุยว่าจะใช้เงินเท่าไหร่ เคาะมติ ครม. ต้องใช้เวลา 90-120 วัน โดยกระบวนการทั้งหมดประมาณ 10 เดือนครึ่ง คิดว่าเราจะได้ทำประชามติครั้งแรกในเดือน ม.ค.69 จากนั้นเดือน ก.พ. จึงจะเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ดังนั้น เรื่องที่ให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในปี 70 ลืมไปได้เลย เหมือนจะให้พระอาทิตย์ขึ้นทิศตะวันตก เกิดขึ้นไม่ได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ในเดือนเม.ย.69 คาดว่ามาตรา 256 จะเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภา หาก สว.ไม่ให้ผ่าน ซึ่งช่วงนั้นสภาปิด ก็ต้องรอวันที่ 3 ก.ค. เปิดสมัยประชุมสุดท้าย ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ทัน เท่ากับ ส.ส.ร.ก็ไม่ได้ ถามว่าท่านจะแบกรับไหวหรือไม่” นายนิกรกล่าว

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะ กมธ.ร่วมฯ ชี้แจงว่า หลักเกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้นในการทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ เสี่ยงเปิดช่องให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการทำประชามติ ทำให้ฝ่ายที่ไม่อยากให้ประชามติผ่านมีช่องทางใหม่เอาชนะการทำประชามติ แทนที่จะเชิญชวนให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์ลงคะแนนไม่เห็นด้วย ก็ไปรณรงค์ให้ประชาชนนอนอยู่กับบ้าน ก็สามารถคว่ำประชามติได้ ที่ตลกร้ายกว่านั้น เกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้น จะทำให้ประชาชนมาใช้สิทธิ์ออกเสียงน้อย เพราะไม่อยากให้ประชามติผ่าน ขัดกับหลักการเสียงข้างมาก 2 ชั้น ที่อยากให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์เยอะๆ การลงมติของ สว. หากต้องการยืนยันเสียงข้างมาก 2 ชั้น อย่าลงมติเพียงเพื่อต้องชะลอหรือขัดขวาง เพราะไม่อยากให้การแก้รัฐธรรมนูญสำเร็จ

ขณะที่ นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์  สว. ในฐานะ กมธ.ร่วมฯ ชี้แจงว่า จากการสำรวจความเห็นประชาชนของนิด้าโพลเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา  พบว่าเสียงส่วนใหญ่สนับสนุนหลักเกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้นในการทำประชามติ มีเสียงเห็นด้วย 51.4% สนับสนุนให้ต้องมีผู้มาใช้สิทธิ์เกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ์ออกเสียงในการทำประชามติ  และเสียงอีก 59.84% เห็นด้วยจะต้องมีเสียงเห็นชอบทำประชามติเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิ์ออกเสียง ขอยืนยันว่า สว.ไม่มีเกมการเมืองในการยื้อแก้รัฐธรรมนูญ สว.ทุกคนมีอิสระในการคิด เลือก ไม่ได้สังกัดพรรคการเมือง

"การระบุว่า หากกฎหมายประชามติต้องยื้อการบังคับใช้ออกไป 180 วัน อาจมีรัฐธรรมนูญใหม่ไม่ทันการเลือกตั้งปี 2570 นั้น ถามว่าใครเป็นผู้กำหนดว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นปี 2570 และถ้าใช้รัฐธรรมนูญใหม่ไม่ทันจริงๆ จะมีผลกระทบอะไรต่อประชาชน ตอนนี้ประชาชนเดือดร้อนเรื่องเศรษฐกิจ รัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจก่อน ส่วนการระบุว่าการใช้เสียงข้างมาก 2 ชั้นเป็นการรณรงค์ให้คนนอนหลับทับสิทธิ์นั้น ไม่เชื่อว่าจะมีการรณรงค์ให้ประชาชนนอนหลับทับสิทธิ์ ไม่มีใครกล้าพูดแบบนี้แน่ เพราะบ่งบอกความไม่เป็นประชาธิปไตย" นายพิสิษฐ์กล่าว 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ สว.อภิปรายแสดงความเห็นครบถ้วนแล้วได้ลงมติ ผลปรากฏว่า มติวุฒิสภา 153 เสียงเห็นด้วยกับกรรมาธิการร่วมฯ ต่อ 24 เสียง และงดออกเสียง 13 เสียง ทั้งนี้ในขั้นตอนต่อไปต้องรอให้สภาลงมติในรายงานของกรรมาธิการร่วมฯ ซึ่งสภาได้นัดลงมติวันที่ 18 ธ.ค.นี้ หาก สส.ลงมติแย้งกับ สว. จะเป็นผลให้ร่าง พ.ร.บ.ประชามติ (ฉบับแก้ไข) ต้องถูกยับยั้งไว้เป็นเวลา 180 วัน

ด้านนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล  สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ปชน.ได้หารือเป็นการภายในและเห็นว่าต้องยืนยันเนื้อหาของร่าง พ.ร.บ.ประชามติตามที่สภาเห็นชอบ ส่วนความเห็นที่ขัดแย้งจะทำให้ร่าง พ.ร.บ.ประชามติฉบับแก้ไขถูกยื้อไป 180 วันนั้นไม่เป็นไร เพราะ พ.ร.บ.ประชามติฉบับปัจจุบันยังสามารถใช้บังคับได้ หากจะใช้ออกเสียงประชามติแก้รัฐธรรมนูญด้วยจำนวนประชามติ 2 ครั้ง

นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า ในสัปดาห์นี้ ปชน.จะเข้าชื่อเพื่อเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256   และเพิ่มหมวดใหม่ให้มี ส.ส.ร.ทำหน้าที่จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อให้สามารถพิจารณาและบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระรัฐสภาได้ในช่วงเดือน ม.ค.2568 โดยไม่ต้องผ่านการทำประชามติก่อน

ที่พรรคเพื่อไทย มีการประชุม สส.พรรคเพื่อไทยประจำสัปดาห์ โดยหารือถึงร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติฯ ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาในวันที่ 18 ธ.ค. ซึ่งได้กำชับ  สส.ของพรรคให้เข้าร่วมประชุมเพื่อพร้อมลงมติโดยพร้อมเพรียง ห้ามลาห้ามขาดเป็นอันขาด ทั้งนี้ จากการเช็กเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลนั้น ส่วนใหญ่จะโหวตเห็นชอบตามหลักการเสียงข้างมากชั้นเดียว มีเพียงพรรคภูมิใจไทยเท่านั้นที่จะงดออกเสียง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง