ม็อบไม่ไว้ใจบุกปปช. กลุ่มต้านทักษิณบี้ชั้น14 กกต.ใกล้ปิดคดียุบพรรค

“ทวี” บอกเป็นเรื่องดี ป.ป.ช.ตั้งองค์คณะไต่สวนป่วยทิพย์ เชื่อจะได้ดับข้อครหาเสียที  ไม่ใช่เอาสะใจเหมือนรายงาน กสม. มั่นใจ 12  รายซื่อสัตย์สุจริตทำตามกฎหมาย “รังสิมันต์” ชี้มี 4 ประเด็นต้องชี้ขาดหากหลักฐานครบ เผยชั้น 14 ทำเครดิตรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยเสื่อมทรุด  “บิ๊กอ้วน” ได้ทีอวยนายใหญ่ บอก “อันวาร์” เห็นคุณค่าทักษิณคนรักชาติจึงตั้งเป็นที่ปรึกษา   “ปชป.” โผล่ยันพ่อนายกฯ ขู่เช็กบิลไม่ใช่ รมต.พรรคแน่

เมื่อวันอังคารที่ 17 ธันวาคม 2567 มีความต่อเนื่องหลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเอกฉันท์แต่งตั้งองค์คณะไต่สวนข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ 12 ราย ที่ส่งตัวนายทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องขังจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ และให้นายทักษิณอยู่รักษาที่ รพ.ตำรวจจนครบ 180 วัน ทั้งที่ไม่เจ็บป่วยจริง

โดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า เชื่อมั่นทั้ง 12 คนที่ถูกระบุชื่อได้ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบตามหลักวิชาชีพที่เป็นสากลทุกประการ และถือเป็นเรื่องที่ดีที่ ป.ป.ช.รับเรื่องไว้ไต่สวน เพราะเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของสังคม และถือเป็นเรื่องที่ดีที่ประเด็นนี้จะเข้าสู่กระบวนการที่ชอบด้วยกฎหมาย          

ถามว่ากรมราชทัณฑ์เตรียมข้อมูลไว้พร้อมแล้วใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ทุกคนมั่นใจ  เพราะกฎหมายเขียนเอาไว้ก่อนบุคคลจะมาที่เรือนจำ และประการสำคัญคือกระบวนการเรื่องป่วย ทั้งแพทย์และบุคลากรมีความมั่นใจ หากได้ดูเวชระเบียนหรือหลักฐานซึ่งเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ถือเป็นเรื่องที่ดี ไม่เช่นนั้นจะเอาไปพูดในสถานที่ต่างๆ หากใครมีพยานหลักฐานควรนำไปมอบให้กับ ป.ป.ช.

“เชื่อมั่นในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทุกคน เขามีประวัติและผลงานเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต และการทำงานตรงไปตรงมา อย่ามองว่ากรมราชทัณฑ์จะเข้าข้างใคร กรมราชทัณฑ์ไม่เคยอคติกับใคร เราต้องบริหารงานตามกฎหมาย อาจไม่มีดุลยพินิจด้วยซ้ำไป เพราะกฎหมายเขียนไว้” พ.ต.อ.ทวีกล่าว

เมื่อถามถึงความพร้อมส่วนตัวที่อาจทำให้หลุดออกจากเก้าอี้ได้ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ไม่ได้กังวลเลย เพราะเรายึดมั่นในข้อเท็จจริงและหลักกฎหมาย ซึ่งนายทักษิณถูกควบคุมตามกฎหมาย เพียงแต่ไม่สะใจกับคนบางกลุ่ม เช่น รายงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ที่เคยกล่าวอ้าง ซึ่งไม่เคยสอบบุคคลที่เกี่ยวข้องเลย เป็นเพียงการเรียกบุคคลแล้วเอาความคิดเห็น เขาควรเอาประจักษ์พยาน ผู้รู้ผู้เห็นจริงและอยู่ในเหตุการณ์ และยืนยันว่าโรคที่ปรากฏเกินกว่าศักยภาพของโรงพยาบาลราชทัณฑ์

ถามอีกว่า หากประเด็นของนายทักษิณเคลียร์หมดแล้ว ถ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ กลับมาจะง่ายขึ้นใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ต้องเป็นไปตามกฎหมาย คือเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งหากใครเห็นว่ากฎหมายนี้ไม่ดีหรือต้องแก้ไข สามารถเสนอแนะได้ ซึ่งเรารับฟัง

ด้านนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน  (ปชน.) กล่าวในเรื่องนี้ หวังว่า ป.ป.ช.จะมีคำตอบต่อสังคมโดยเร็ว  เพราะอากัปกิริยาและการให้ความร่วมมือของหน่วยงานรัฐในหลายอย่างค่อนข้างชัดเจนว่ากรณีชั้น 14 ไม่ปกติแน่ๆ เพราะเรื่องไหนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชันภายในส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ก็จะให้ความร่วมมือ แต่เรื่องชั้น 14 จะพบว่าเอกสารและข้อมูลหลายอย่างมีความยาก เพราะฉะนั้นเรื่องนี้มีบางอย่างที่ถูกปิดซ่อนอยู่

 “ต้องยอมรับว่า ป.ป.ช.มีอำนาจมากกว่า กมธ.ต่างๆ เยอะ ถ้าสมมติมีความชัดเจนตรงนี้ก็คงสร้างความกระจ่างได้ ผมที่ติดตามเรื่องนี้ก็รอดูว่าจะมีความคืบหน้าอย่างไร ผมยืนยันว่าบรรดาข้าราชการทั้งหลายที่เป็นข้าราชการน้ำดี ต้องปฏิบัติหน้าที่ตรงไปตรงมา ใครก็ตามที่มีข้อมูลข้อเท็จจริงเรื่องนี้ สามารถส่งมาที่ผมได้ เรายินดีทำหน้าที่ต่อไป และข้อมูลไหนที่เป็นประโยชน์ต่อ ป.ป.ช. ผมก็ยินดีมอบข้อมูลเหล่านี้ให้” นายรังสิมันต์กล่าว

เมื่อถามว่า การที่ ป.ป.ช.นำขึ้นมาพิจารณาช่วงนี้มีนัยอะไรหรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า ต้องยอมรับว่ากรณีนายทักษิณมีคนร้องเรียนและข้อวิพากษ์วิจารณ์มากขึ้นเรื่อยๆ และข้อมูลทางการแพทย์ก็มากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน ซึ่งถ้าเรื่องของนายทักษิณไม่มีความกระจ่างอะไร ยังดำมืดอยู่แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ หน่วยงานที่ถูกตั้งคำถามหน่วยงานแรกคือหน่วยงานที่มีอำนาจตรวจสอบ

นายรังสิมันต์ยังกล่าวถึงการใช้เวลาตรวจสอบของ ป.ป.ช.ว่า ป.ป.ช.มีกรอบเวลาตามอำนาจหน้าที่ แต่หากเรื่องนี้กระจ่างแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ระยะเวลาเต็มกรอบเวลา หากมีหลักฐานทั้งหมด เพราะประเด็นที่ต้องวินิจฉัยคือ 1.นายทักษิณป่วยจริงหรือไม่ 2.ที่ถูกส่งไปรักษาตัวยังโรงพยาบาลกระบวนการชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ 3.อยู่โรงพยาบาลจนครบ 180 วันชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และ 4.เมื่ออยู่จนครบได้รับการพักโทษการประเมินต่างๆ เป็นไปตามหลักเกณฑ์หรือไม่

อวยทักษิณรักชาติ

 “ความไม่สง่างามกรณีนายทักษิณ ทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาล เครดิตทางการเมืองก็ถูกทำลายไป คุณทักษิณแย่งคุณอุ๊งอิ๊งเป็นนายกฯ คุณทักษิณแสดงบทบาทความเป็นนายกฯ จนราวกับว่าคุณอุ๊งอิ๊งเป็นอะไร ผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้เมื่อผนวกรวมกันกับกรณีเรื่องชั้น 14 เครดิตของรัฐบาลหายไปเยอะ ทำให้รัฐบาลที่จะผลักดันในวาระต่างๆ ที่ต้องอาศัยความน่าเชื่อถือยิ่งแย่ลงตามลำดับ วิกฤตทางการเมืองที่จะมีเกิดขึ้นต่อไปในคราวนี้มันอาจมีองค์ประกอบอื่น แต่องค์ประกอบไม่น้อยก่อโดยพรรคเพื่อไทยเอง”  นายรังสิมันต์กล่าว

ขณะเดียวกัน ยังมีความต่อเนื่องกรณีดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย  แต่งตั้งนายทักษิณเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวตำแหน่งประธานอาเซียน โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวว่า เป็นเรื่องส่วนตัวของนายอันวาร์ และเป็นเรื่องส่วนตัวของนายทักษิณเช่นเดียวกัน เพราะนายทักษิณอยู่ในลักษณะเป็นคนสำคัญระดับโลก และยังเป็นที่ปรึกษาให้อีกหลายประเทศ

“การที่นายทักษิณซึ่งเป็นคนไทยที่มีความรักชาติ การไปเป็นที่ปรึกษานายอันวาร์ ก็อาจมีส่วนช่วยทำให้การพัฒนาระหว่าง 2 ประเทศประสบความสำเร็จดีขึ้น โดยเฉพาะปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผมคิดว่าคงเป็นประโยชน์” นายภูมิธรรมกล่าว

เมื่อถามว่า ในส่วนของรัฐบาลไทยจะให้นายทักษิณเป็นที่ปรึกษาหรือไม่อย่างไร นายภูมิธรรมกล่าวว่า นายทักษิณก็แสดงความเห็นต่อสาธารณะอยู่แล้ว นายทักษิณเป็นที่ปรึกษาได้มากน้อยขนาดไหน ขึ้นอยู่กับกฎเกณฑ์ทางกฎหมายที่จะอนุญาต ถ้าหากว่านายทักษิณเป็นที่ปรึกษาได้ และไม่ติดปัญหาทางกฎหมาย เราก็อยากรับฟังอยู่แล้ว เพราะเป็นคนมีความสามารถแก้ไขปัญหา การรับฟังก็คงเป็นประโยชน์ต่อการทำงานของประเทศ

พ.ต.อ.ทวีกล่าวประเด็นนี้ว่า การแต่งตั้งให้นายทักษิณเป็นที่ปรึกษา ไม่น่าเกี่ยวกับเหตุการณ์ในภาคใต้ แต่เป็นเพราะนายอันวาร์เห็นคุณค่าและศักยภาพ ซึ่งเชื่อว่าเป็นเรื่องดีที่รัฐบาลมาเลเซียให้ความสำคัญ

เมื่อถามถึงกรณีกลุ่มบีอาร์เอ็นยื่นข้อเสนอให้รัฐบาลตั้งคณะเจรจาพูดคุยเพื่อสันติภาพ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า เขาอยากให้มีการพูดคุย ซึ่งเป็นเรื่องนโยบาย เราก็ทำอยู่ แต่คงไม่ไปอยู่ใต้ใคร ซึ่งรัฐบาลก็มีทิศทาง โดยการแก้ปัญหาความขัดแย้ง ต้องแก้ด้วยรัฐศาสตร์และการกระจายอำนาจ ซึ่งการพูดคุยก็เป็นกิจกรรมหนึ่ง สุดท้ายอยู่ที่การบริหารและการคุ้มครองประชาชน

ปชป.มั่นใจแม้วไม่เขี่ย

วันเดียวกัน ยังคงมีผลต่อเนื่องจากกรณีนายทักษิณไปกล่าวในงานสัมมนาพรรคเพื่อไทย ที่ตำหนิพรรคร่วมรัฐบาลในการโดดประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยภายหลังการประชุม ครม.  น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เดินลงมาจากตึกบัญชาการ 1 พร้อมนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย โดยพูดคุยอย่างเป็นกันเอง ซึ่งผู้สื่อข่าวถามว่า เดินลงมาพร้อมกันเป็นการโชว์มิตรภาพหรือเปล่า  นายอนุทินได้หยอกสื่อด้วยการทำท่าง้างมือ  ขณะที่นายกฯ กล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า เป็นประเด็นตลอด

นายอนุทินยังกล่าวถึงการประชุม ครม.สัปดาห์ที่ผ่านมา และวันนี้รัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทยมาครบหรือไม่ ว่าก็มาปกติ ยกเว้นใครที่ติดภารกิจ ตอนที่แจ้งว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นการประชุม ครม.วันพุธ ซึ่งได้นัดแพทย์ไว้ที่ รพ.รามาธิบดี ก็อยากหล่อบ้าง เพราะคนบอกว่าเรายังไม่หล่อ ซึ่งคงไม่ต้องชี้แจงเป็นการส่วนตัวกับนายทักษิณ ข่าวก็ออกมาหมดแล้ว

  “มีไม่กี่คนที่ผมไม่กล้าต่อล้อต่อเถียงและให้ความเคารพตลอด ไม่ว่าท่านพูดอย่างไรก็ตาม  ผมมีข้อยกเว้นของผม เพราะผมรักของผม  เหมือนใครที่เรารัก เราเคารพมากๆ ดุด่าว่ากล่าว  อย่างผมดุคนรถทุกวันจนตายไป ก็ยังคิดถึงเขาอยู่เลย เพราะไม่มีคนให้ดุ มันไม่เคยเถียงผม มันก็รักผม” นายอนุทินระบุ

ส่วนนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวในฐานะที่เป็นหนึ่งใน รมต.ที่ไม่ร่วมประชุมว่า ไม่ทราบว่าท่านหมายถึงใคร แต่วันนั้นมีอาการป่วย  จนถึงวันนี้เสียงก็ยังไม่ดี ยืนยันว่าไม่มีอะไร ทำงานเต็มที่ และมั่นใจว่านายทักษิณไม่ได้หมายถึงรัฐมนตรีจากพรรค ปชป.

นายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.สาธารณสุข ในฐานะเลขาธิการพรรค ปชป. กล่าวว่า ไม่ได้เข้าร่วมประชุม ครม.เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากติดภารกิจเดินทางไปเปิดงานการประชุมวิชาการระดับชาติด้านหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า และได้ฟังนายทักษิณพูดแล้ว ยืนยันว่าไม่ได้หมายถึงพรรคประชาธิปัตย์แน่นอน 100%

ยังคงมีความเคลื่อนไหวทางการเมืองต่างๆ โดยนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคกล้าธรรม (กธ.) กล่าวถึงความชัดเจนของ 20 สส.กลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา สมัครเป็นสมาชิกพรรคว่า เมื่อกระบวนการทางกฎหมายเรียบร้อยก็คงกรอกใบสมัคร ซึ่งได้เตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว คาดว่าน่าจะเรียบร้อยภายในสัปดาห์นี้

เมื่อถามว่า หลังจากนั้นจะปรับโครงสร้างพรรคหรือไม่ นางนฤมลกล่าวว่า ยังคุยกันคร่าวๆ แต่ยังไม่ได้สรุปลงตัวว่าจะเป็นอย่างไร ส่วน ร.อ.ธรรมนัส จะมีบทบาทในพรรค กธ.แน่นอนใช่หรือไม่นั้น อย่างที่คุยกัน ก็แน่นอนอยู่แล้ว ยังไงเราก็ทีมงานเดียวกัน ที่มาอยู่ด้วยกันก็เป็นเพื่อน สส.กันมาทั้งหมด ไม่มีปัญหาอะไร

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ที่ระบุว่ามี 20 สส.บวก 4 แล้ว จะมีมาเพิ่มเติมอีกหรือไม่ นางนฤมลกล่าวว่า ติดตามตอนต่อไป ส่วนจะเปิดตัวภายในสัปดาห์นี้เลยหรือไม่นั้น ถ้าเรียบร้อยก็น่าจะได้

รทสช.ปัดย้ายพรรค

นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวในเรื่องนี้ว่า เท่าที่ได้รับรายงานคือสมาชิกที่ถูกขับออกจากพรรคได้ไปสมัครพรรคใหม่แล้ว และได้รับการประสานงานว่าจะมายื่นหนังสือว่าเข้าไปอยู่สังกัดพรรคใหม่วันนี้ ซึ่งเป็นสิทธิของเขา เมื่อเขาไปสมัครพรรคใหม่ และพรรคใหม่ได้ยื่นมา สำนักงานนายทะเบียนก็จะตรวจสอบและส่งเรื่องว่ามี สส.ที่เป็นสมาชิกพรรคการเมือง ซึ่งถูกขับไปอยู่สมาชิกพรรคใหม่และส่งหนังสือไปที่สภา ส่วนการตรวจความถูกต้อง ต้องรอจากพรรคต้นสังกัดว่าถูกต้องหรือไม่ ถ้าถูกต้องก็สมบูรณ์ตั้งแต่วันที่ถูกขับ  ต้องรอดูเอกสาร ตอนนี้อธิบายได้แต่ขั้นตอนและข้อกฎหมายเท่านั้น

นายจิรวุฒิ สิงห์โตทอง สส.ชลบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกระแสข่าวใน TikTok ที่ระบุว่า 25 สส.มีแนวโน้มที่จะย้ายไปสังกัดพรรคโอกาสใหม่ ว่าไม่ทราบเจตนาของคนที่เอาไปพูดหวังผลอะไร ส่วนตัวก็แปลกใจ และเชื่อว่าคนที่ให้ข่าวคงไม่หวังดีกับพรรค ยืนยันได้ว่าทั้ง 36 สส.ยังรักสามัคคีกันเหมือนพี่น้อง ไม่เคยคิดที่จะออกจากพรรคแน่นอน

 “เห็นข่าวใน TikTok ก็ยังงงว่าเอามาจากไหน โทร.ถาม สส.หลายๆ ท่านที่อยู่ในพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็งงกันหมด เราเกิดมาจากตรงนี้ โตมาด้วยกัน สู้มาด้วยกัน” นายจิรวุฒิระบุ

ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงจุดยืนพรรคกรณีเอ็มโอยู 44 ว่า “ยกเลิก ยกเลิก ยกเลิก ยกเลิกทั้งหมด” และเมื่อถามถึงการเดินหน้าทางการเมืองต่อภายหลังขับ 20 สส.กลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส แต่ พล.อ.ประวิตรยังตอบถึงคำถามแรกด้วยคำเดิมว่า “ยกเลิก ยกเลิก”  แต่เมื่อถามย้ำว่า การขับ สส.กลุ่ม ร.อ.ธรรมนัสออก ตรงนี้มีเงื่อนไขหรือข้อตกลงอะไรหรือไม่ พล.อ.ประวิตรไม่ตอบคำถาม แล้วขึ้นรถก่อนจะลดกระจกลงยิ้มให้ผู้สื่อข่าว              

นายอัคร ทองใจสด สส.เพชรบูรณ์ พรรค พปชร. ในฐานะรองโฆษกพรรค แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารประจำสัปดาห์ กรณีฝ่ายค้านร่วมรับประทานอาหารเย็นในวันพุธที่ 18 ธ.ค.ว่า พรรคมีมติส่ง 4 สส.เป็นตัวแทนเข้าร่วม ได้แก่ นายฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ รองหัวหน้าพรรค, นายกระแสร์ ตระกูลพรพงศ์ กรรมการบริหารพรรค, นายปริญญา ฤกษ์หร่าย สส.กำแพงเพชร และนายอัคร ทองใจสด รองโฆษกพรรค ซึ่ง พล.อ.ประวิตรไม่ได้เน้นย้ำอะไรเป็นพิเศษ

ฟุ้งหัวหินพ่นพิษ

ส่วนนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาเรื่องร้องเรียนกรณียุบพรรคการเมืองว่า มีเรื่องร้องเรียนเข้าสู่สำนักงาน กกต.กว่า 100 เรื่อง แต่นายทะเบียนพรรคการเมืองสั่งยุติไปแล้ว เนื่องจากไม่มีหลักฐานเพียงพอ ยังเหลือราวๆ 4-8 เรื่องที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ บางเรื่องอยู่ระหว่างการดำเนินการใกล้ขั้นสุดท้ายแล้วที่จะมีการรวบรวมความเห็นเสนอให้นายทะเบียนพิจารณาว่าจะต้องพิจารณาว่ายุติเรื่อง หรือส่งเรื่องให้ กกต. พิจารณาต่อไป

เมื่อถามถึงกรณีคำร้องนายทักษิณครอบงำพรรคเพื่อไทย นายอิทธิพรกล่าวว่า มีการร้องมาเมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมาราวๆ 4 คำร้อง ความคืบหน้าเท่าที่ทราบคือ คณะกรรมการรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงพยานหลักฐานได้เรียกผู้ร้องทั้ง 4 คนมาให้ถ้อยคำแล้ว และมีหนังสือไปยังสื่อต่างๆ ที่ผู้ร้องกล่าวอ้างถึงให้มาให้ข้อเท็จจริงด้วย รวมถึงมีหนังสือถึงหัวหน้าพรรคให้เข้ามาชี้แจงในประเด็นที่ถูกกล่าวหาเรียบร้อยแล้ว สำหรับกรณีล่าสุดที่นายทักษิณกล่าวในการสัมมนาที่หัวหินนั้น ตามที่เป็นข่าวที่ปรากฏต่อสาธารณะ ทางหน่วยงานหรือคณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริงมีหน้าที่รวบรวมข้อเท็จจริงเอามาประกอบการพิจารณาว่าเรื่องนี้จะมีความเห็นว่าอย่างไร

ขณะที่ นายสนธิญา สวัสดี นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ยื่นหนังสือต่อ  กกต. เพื่อขอให้พิจารณาวินิจฉัยกรณีที่พรรคเพื่อไทยจัดสัมมนาที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 13-14 ธ.ค. รวมถึงคำพูดของนายทักษิณ ในช่วงปาฐกถาในเวทีสัมมนาพรรคเพื่อไทยในหลายประเด็น

นายสนธิญากล่าวว่า พรรค พท.จัดประชุมสัมมนาได้ใช้งบประมาณของ กกต. ที่เป็นงบอุดหนุนพรรคการเมืองเป็นจำนวนเท่าไหร่ อีกทั้งการที่นายทักษิณไปเป็นวิทยากร ฝ่ายไหนเป็นผู้เบิกจ่ายค่าจ้างให้กับนายทักษิณ กกต.จ่ายหรือพรรค พท.เป็นผู้จ่าย หรือนายทักษิณไม่รับค่าจ้าง นอกจากนี้ยังขอให้ตรวจสอบคำพูดของนายทักษิณ ที่ได้ระบุในช่วงที่ไปปาฐกถาในเรื่องพรรคร่วมรัฐบาล การที่นายทักษิณพูดนั้นใช้สิทธิ์อะไร รวมถึงประเด็นที่ได้ระบุว่าให้พรรคเพื่อไทยฟ้องนักร้องเรียน พรรคเพื่อไทยก็มีฝ่ายกฎหมายอยู่แล้ว

“นายทักษิณถูกตัดสิทธิทางการเมือง เป็นผู้ต้องหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 รวมถึงถูกจำคุก และถูกยึดทรัพย์ ซึ่งนายทักษิณไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค และเป็นกรรมการบริหารพรรค เป็นคนนอก เป็นแค่พ่อของนายกฯ ซึ่งรัฐธรรมนูญไม่ได้ระบุว่าพ่อนายกฯ คุยได้ทุกเรื่อง จึงมาร้องให้ กกต.พิจารณาวินิจฉัยคำพูดของนายทักษิณ และถ้า กกต.เห็นว่ากระทำการขัดต่อกฎหมาย ก็พร้อมแจ้งความดำเนินคดีต่อนายทักษิณและพรรคเพื่อไทย” นายสนธิญากล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กาสิโนด่วนจี๋3เม.ย. ปธ.สภาสนองบรรจุวาระ นักวิชาการ-ม็อบฮือต้าน

“อิ๊งค์” บอกต้องคุยกันก่อนส่งร่างเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เข้าสภา “ชูศักดิ์”  วอนอย่ามองเร่งรัด อ้างเป็นเรื่องที่แถลงต่อสภาไว้ไม่ได้ทำโดยพลการ รับ สว.อาจไม่เห็นด้วย