นายกฯ กำชับ ศปช.เร่งบรรเทาน้ำท่วมใต้ 4 จังหวัดยังหนัก คาด 2 วันคลี่คลาย ยันลงพื้นที่แน่ช่วงฟื้นฟู “ผบ.ทบ.” สั่งทหารช่างเคลื่อนกำลังจากปัตตานีช่วยสุราษฎร์ฯ-ชุมพร "สมศักดิ์" เผยทีมสาธารณสุขเข้าดูแลกลุ่มเปราะบาง พร้อมส่งยาจำเป็น 2.5 หมื่นชุด “พิพัฒน์” คิกออฟเปิดศูนย์ซ่อมสร้างสุข เยียวยาผู้ประสบอุทกภัย ชุมพรเริ่มคลี่คลายสายเอเชีย 41 เปิดสัญจรได้แล้ว
ที่ท่าอากาศยาน 2 กองบิน 6 ดอนเมือง เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์และการช่วยเหลือประชาชนจากอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ว่า อุทกภัยพื้นที่ภาคใต้รอบนี้ทราบล่วงหน้าว่าจะมีการท่วมอีก ฉะนั้นการเตรียมการจากทุกหน่วยค่อนข้างพร้อมพอสมควร ซึ่งได้มีการอพยพคนไปก่อนหน้านี้แล้ว คาดว่าไม่เกิน 2 วันน่าจะคลี่คลาย ซึ่งมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ดูแลอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่า เท่าที่ทราบได้รับรายงานยังมีปัญหาอะไรอีกหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตอนนี้ไม่มีแล้ว อย่างกระทรวงสาธารณสุขได้มีการส่งยาไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องอาหารมีครบ รอเพียงให้น้ำไป และมวลน้ำไม่ได้ลงไปกระทบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งตอนนี้มี 4 จังหวัดที่สถานการณ์ยังหนักอยู่
เมื่อถามว่า เรื่องเยียวยาต้องรอให้พื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เรียบร้อยก่อนใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เดี๋ยวดูทั้งหมดว่าจะเยียวยาแค่ไหนอย่างไร แต่ตอนนี้ที่อนุมัติงบประมาณไป อย่างไรได้อยู่แล้ว ส่วนการลงพื้นที่ภาคใต้นั้น จะลงช่วงฟื้นฟูแน่นอน เพราะกระทบหลายจังหวัด และช่วงนี้ตนต้องเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ในภารกิจต่างๆ ซึ่งได้มีรัฐมนตรีหลายคนลงไปในพื้นที่ภาคใต้และแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว การสั่งการอย่างเครื่องสูบน้ำนำลงไปในพื้นที่อย่างเพียงพอ
ส่วนกรณี สส.หลายคนอยากให้แก้ไขปัญหาในระยะยาวนั้น นายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้ได้มีการแถลงในนโยบายรัฐบาลแล้ว จะดำเนินการศึกษาให้จบ
ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักงานนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) เปิดเผยว่า ก่อนการเดินทางไปประชุมผู้นำไทย-มาเลเซีย ที่เมืองปูตราจายา ประเทศมาเลเซีย นายกฯ ได้ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ กับ ศปช. โดยเฉพาะเหตุการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดชุมพร นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และระนอง ได้รับทราบรายงานการปฏิบัติอย่างทันท่วงทีในการเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบตามแผนที่ ศปช.วางเอาไว้ โดยเฉพาะจังหวัดระนองที่มีน้ำป่าไหลหลาก ศปช.รายงานว่าได้เร่งอพยพประชาชนมาในพื้นที่ปลอดภัยแล้ว และได้จัดชุดอุปโภคบริโภค ยารักษาโรค รวมถึงอุปกรณ์สำหรับดูแลผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และคนต้องการความดูแลเป็นพิเศษ โดย ศปช.ส่วนหน้าขอให้ประชาชนในพื้นที่ติดตามการแจ้งเตือนภัย คำสั่งอพยพ และปฏิบัติตามประกาศของทางการ รวมทั้งติดตามข่าวสารและคำเตือนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่
ทั้งนี้ นายกฯ ได้กำชับฝ่ายบริหารที่อำนวยการในการแก้ไขสถานการณ์อุทกภัย โดยเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบทุกพื้นที่ ขอให้สวมอุปกรณ์ป้องกัน เช่น เสื้อชูชีพ และเตรียมอุปกรณ์ตรวจสอบกระแสไฟรั่ว เพื่อช่วยตรวจสอบให้กับประชาชนและการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยให้มีความปลอดภัย พร้อมทั้งประเมินสุขภาพก่อนปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้สามารถช่วยเหลือประชาชนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ขณะที่ ศปช.ส่วนหน้า ได้จัดทีมปฏิบัติการจากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 11 สุราษฎร์ธานี นำกำลังพร้อมอุปกรณ์ เครื่องจักรกลสาธารณภัยกระจายความช่วยเหลือลงพื้นที่ พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำผลักดันน้ำออกจากพื้นที่ และแจกจ่ายอาหารให้กับประชาชน แจ้งทางเลี่ยงการสัญจร แจ้งเตือน SMS ผ่านเครือข่ายมือถือ
นายจิรายุกล่าวว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมา ศปช.ได้รายงานต่อนายกฯ ว่า ยังมีพื้นที่ที่ยังต้องเฝ้าระวังเสี่ยงน้ำท่วมจนถึงวันที่ 20 ธ.ค.นี้ ได้แก่ จ.ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี ยะลา ปัตตานี นราธิวาส จากนั้น ศปช.ส่วนหน้าภาคเหนือที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้รายงานว่า ตามที่พยากรณ์อากาศว่าภาคเหนือจะมีฝนตกในพื้นที่ ในช่วงระหว่างวันที่ 15-17 ธ.ค. ในพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา และน่าน จะมีฝนเล็กน้อยประมาณ 20% ซึ่งเป็นภาวะฝนปกติ และไม่มีความน่ากังวลเรื่องอุทกภัย
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ได้กำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านสาธารณสุข ให้ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบเหตุอุทกภัย โดยเฉพาะการเข้าช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ผู้ป่วยติดเตียง รวมถึงการเตรียมพร้อมด้านยารักษาโรค ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมทีมไว้ทั้งหมด แบ่งเป็นทีมชุดปฏิบัติการแพทย์ฉุกเฉิน 5 ทีม, ทีม MINIMERT 53 ทีม, ทีมเฝ้าระวังสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็ว 33 ทีม, ทีมช่วยเหลือเยียวยาทางด้านจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต 124 ทีม และทีมอนามัยสิ่งแวดล้อมรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน 29 ทีม ส่วนยาและเวชภัณฑ์ต่างๆ เตรียมไว้แจกจ่ายช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งหมด 25,209 นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำให้สาธารณสุขลงพื้นที่เฝ้าระวัง การเกิดโรคช่วงน้ำท่วมด้วย
วันเดียวกัน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมผู้บริหารกระทรวง ลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดศูนย์ซ่อมสร้างสุข ซ่อมฟรี ฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัยหลังน้ำลด เพื่อให้บริการซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้าและรถจักรยานยนต์ที่เสียหายจากเหตุอุทกภัย ใน 19 อำเภอของจังหวัดนครศรีธรรมราชตลอดเดือน ธ.ค.นี้ นอกจากนี้ ยังมีมาตรการให้ความช่วยเหลืออื่นๆ เช่น ลูกจ้างผู้ประกันตนที่สถานประกอบกิจการถูกน้ำท่วม สามารถยื่นขอรับสิทธิประโยชน์กรณีว่างงานจากเหตุสุดวิสัย เป็นต้น
พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า หลังจากที่ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานจิตอาสาพระราชทานกองทัพบก ได้มอบหมายให้กรมการทหารช่างส่งกำลังพล เครื่องมือ และยุทโธปกรณ์ เสริมภารกิจศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่ 4 ในการช่วยเหลือประชาชนจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตั้งแต่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา ล่าสุด วันที่ 15 ธ.ค. ผู้บัญชาการทหารบกได้สั่งการให้กรมการทหารช่างจัดชุดทหารช่างจำนวน 2 ชุด พร้อมยุทโธปกรณ์ เคลื่อนย้ายเร่งด่วนจาก จ.ปัตตานี เข้าพื้นที่ประสบภัยใน จ.ชุมพรและ จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งสถานการณ์โดยรวมอยู่ในระดับวิกฤต ที่มีระดับน้ำท่วมสูงกว่า 1-2 เมตร มีน้ำป่าไหลหลากและดินสไลด์ในบางพื้นที่ เส้นทางคมนาคมหลายสายถูกตัดขาด บ้านเรือนประชาชน พื้นที่การเกษตรและปศุสัตว์ถูกน้ำท่วมเสียหาย
นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากภาคใต้ ระหว่างวันที่ 22 พ.ย.-15 ธ.ค.67 เกิดสถานการณ์อุทกภัย 11 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส รวม 98 อำเภอ 625 ตำบล 4,264 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 675,160 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 32 ราย ปัจจุบันยังมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 4 จังหวัด รวม 27 อำเภอ 137 ตำบล 814 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 43,595 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ได้แก่ ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช
ที่ จ.นครศรีธรรมราช เผชิญน้ำท่วมหนักจากฝนตกต่อเนื่องและน้ำป่าจากเทือกเขาหลวง มีพื้นที่ได้รับผลกระทบแล้ว 11 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองฯ, เชียรใหญ่, ชะอวด, เฉลิมพระเกียรติ, ปากพนัง, พระพรหม, สิชล, นบพิตำ, ท่าศาลา, ขนอม และช้างกลาง ทั้งนี้ ในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำจากอำเภอลานสกาและพรหมคีรี น้ำได้ไหลบ่าเข้าท่วมตามตรอกซอยต่างๆ ทำให้ประชาชนต้องเร่งขนย้ายทรัพย์สินขึ้นที่สูง ส่วนสถานการณ์ที่เทือกเขาหลวง อำเภอลานสกา พบว่าฝนเริ่มหยุดตกเป็นช่วงๆ คาดว่าจะช่วยให้การระบายน้ำมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทางเทศบาลยืนยันมีแผนช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.00 น. พบว่าระดับน้ำคลองเขาแก้ว หมู่ 4 ต.เขาแก้ว อ.ลานสกา มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง น้ำที่ไหลมีสีแดงขุ่น เสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ปลายน้ำ น้ำจากคลองเขาแก้วกำลังไหลเข้าสู่คลองเสาธง ในเขต ต.ขุนทะเล อ.ลานสกา โดยเจ้าหน้าที่ได้แจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว เตรียมพร้อมรับมือหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน ขอความร่วมมือจากประชาชนงดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับแหล่งน้ำในพื้นที่เสี่ยง และติดตามประกาศจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน
ที่ จ.ชุมพร ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้คลายวิกฤตลงแล้วหลังฝนตกหนักน้ำท่วม พื้นที่ทั้ง 8 อำเภอ ถนนสายหลัก สายรอง หลายจุดถูกตัดขาด ต้องไปใช้ถนนเส้นทางเลี่ยงไปทางฝั่งทะเลอันดามัน ด้าน จ.ระนอง ซึ่งเป็นสั้นทางอ้อมกว่า 200 กิโลเมตร โดยเมื่อเวลา 15.30 น. ถนนสายหลักเอเชีย 41 เส้นทางผ่านภาคใต้ฝังอ่าวไทย รถทุกชนิดสามารถขับผ่านสัญจรไปมาได้ทั้งขาขึ้นและขาล่อง แต่ที่บริเวณบ้านหนองพรหม หน้าวัดพระธาตุสวี ตำบลสวี อ.สวี ซึ่งเป็นจุดน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร ได้ลดลงแล้ว แต่ยังมีท่วมขังข้างไหล่ และสองข้างถนนยังมีน้ำไหลหลากและท่วมสูงอยู่ จึงต้องลดความเร็วและขับช้าๆ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงชุมพร และตำรวจท้องที่คอยอำนวยความสะดวก ตามจุดเสี่ยงต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้เดินทาง ขณะที่เส้นทางรถไฟยังไม่เปิดให้บริการตลอดสายใต้ ยกเว้นรถไฟสปรินเตอร์ไปกลับสถานีกรุงเทพฯ-สถานีชุมพร และสถานีหาดใหญ่-สถานีหลังสวน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ลุยมาเฟียปราจีนฯ ไร้เงาคนสนิทโกทร
นายกฯ อิ๊งค์พร้อมนั่งหัวโต๊ะทีมเฉพาะกิจปราบมาเฟียตามบัญชาพ่อ
พท.ฝัน‘หน่อย’ ชิงอบจ.โคราช ในนามเพื่อไทย
“อนุทิน” ตอกย้ำ “ภูมิใจไทย” ไม่ลงเล่นสนามท้องถิ่น เด็กเพื่อไทยยังหวัง
ตีปี๊บโลกยกย่องนายกฯ ‘แพทองธาร’ไปมาเลย์
“รมต.น้ำ” แห่ตีปี๊บ “ฟอร์บส์” จัดอันดับ “แพทองธาร” ติดอันดับ 29
อิ๊งค์แก้ต่างแทนพ่อ อ้างพูดให้พรรคร่วมช่วยกัน/อนุทินชี้ดรามาจบแล้ว
“อิ๊งค์” แจง "พ่อนายกฯ" พูดถึงพรรคร่วมในภาพกว้าง ต้องช่วยกัน
นายกฯเตรียมเยือนมาเลเซียครั้งแรก
นายกฯเตรียมเยือนมาเลเซียครั้งแรก ร่วมการประชุมหารือประจำปี (Annual Consultation) ครั้งที่ 7
‘แพทองธาร’ ติดอันดับ 29 สตรีทรงอิทธิพล นิตยสาร Forbes
”จิราพร“ ยินดี “แพทองธาร” ติดอันดับ 29 สตรีทรงอิทธิพล นิตยสาร Forbes