อิ๊งค์แก้ต่างแทนพ่อ อ้างพูดให้พรรคร่วมช่วยกัน/อนุทินชี้ดรามาจบแล้ว

“อิ๊งค์” แจง "พ่อนายกฯ" พูดถึงพรรคร่วมในภาพกว้าง ต้องช่วยกัน ไม่ได้ส่งสัญญาณถึงใคร เชื่อไร้ปัญหา ย้อนฝ่ายค้านชมกันบ้างก็ได้  "อนุสรณ์” ซัด “โรม” ประเมินตัวเองก่อนวิจารณ์คนอื่นแบบฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด ป้อง “แพทองธาร” มีภาวะผู้นำบริหารประเทศด้วยตัวเองได้   “อนุทิน” แจงดรามาจบแล้ว ไม่หยุมหยิม อะไรอยู่ในนโยบายต้องสนับสนุน แต่หากไม่อยู่ต้องคุยกันและต้องไม่ผิด กม. ไม่เป็นผลร้ายต่อประเทศชาติ    ประชาชน หากไม่เป็นอย่างนั้นเราก็โน "นฤมล" รอกระบวนการ กม.รับ สส.พปชร.เข้ากล้าธรรม รับแม้เสียงเพิ่มแต่ไม่ต่อรองเก้าอี้ "ณัฐพงษ์" นัด "พรรคร่วมฝ่ายค้าน" ดินเนอร์พุธนี้ จับตา "ลุงป้อม" ร่วมวงหรือไม่

เมื่อวันอาทิตย์ ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร  อดีตนายกรัฐมนตรี พูดถึงพรรคร่วมรัฐบาลบางคนทำตัวเป็นอีแอบ ไม่ร่วมพิจารณากฎหมายภาษีว่า   คิดว่าท่านน่าจะพูดจากประสบการณ์ต่างๆ ที่ทำงาน ที่มีพรรคร่วมอยู่ด้วยกัน ร่วมมือซึ่งกันและกัน   ซึ่งรัฐบาลนี้ก็เป็นอย่างนั้นอยู่ พรรคร่วมทุกท่านและตนเองสามารถรบกวนได้ สามารถยกหูหาขอความช่วยเหลือได้ทุกเมื่อกับหัวหน้าพรรคร่วมทุกพรรค และคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร วันนั้นมีหลายท่านติดภารกิจ จึงคิดว่าท่านทักษิณพูดในทำนองที่ว่าถ้ามีเรื่องอะไรร่วมก็ต้องช่วยกัน ซัพพอร์ตซึ่งกันและกัน แนวคิดในวงกว้างแบบนั้นมากกว่า

ผู้สื่อข่าวถามว่า ไม่ได้ส่งสัญญาณอะไรถึงใครเป็นพิเศษใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า “ไม่นะคะ ไม่รู้สึกว่าส่งถึงใคร เพราะหลายๆ ท่านก็ทราบว่าลา”  เมื่อถามว่า หรือนายทักษิณได้ยินอะไรมาแล้วเป็นห่วงหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ไม่ทราบเหมือนกัน จริงๆ คิดว่าไม่น่าจะมีอะไร  ท่านน่าจะพูดจากประสบการณ์ของท่านนั่นแหละว่าพรรคร่วมต้องเหนียวแน่น แบบนั้นมากกว่า

เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านออกมาพูดว่ารัฐบาลไม่มีเสถียรภาพและสั่นคลอน น.ส.แพทองธารหัวเราะพร้อมกล่าวว่า "ฝ่ายค้านชมกันบ้างก็ได้ จะได้เกิดบรรยากาศดีๆ ขึ้นในประเทศค่ะ"  

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.)  ระบุถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ยิ่งแอ็กชันยิ่งกลบรัศมีนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ว่าก่อนที่นายรังสิมันต์จะประเมินว่านายกฯ แพทองธารมีความเป็นผู้นำเพียงพอหรือไม่ ควรประเมินตัวเองก่อนว่ามีวุฒิภาวะทางการเมืองเพียงพอที่จะทำงานทางการเมืองในฐานะ สส.หรือไม่ การแสดงความคิดเห็นโดยไม่มีข้อมูล ขาดการไตร่ตรอง และไม่แยกแยะประเด็นสำคัญ เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่ สิ่งที่อดีตนายกฯ ทักษิณปาฐกถาในงานสัมมนาสมาชิกพรรคเพื่อไทย เป็นการถ่ายทอดประสบการณ์และมุมมองในฐานะอดีตนายกฯ ผู้มีผลงานจับต้องได้มากที่สุด  เป็นนักวิเคราะห์ที่มีประสบการณ์ทางการเมืองยาวนาน ไม่ใช่การแทรกแซงหรือกลบรัศมีนายกฯ แพทองธารแต่อย่างใด

นายอนุสรณ์กล่าวว่า การปาฐกถาของอดีตนายกฯ ทักษิณเป็นประโยชน์ต่อผู้ฟัง เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น สร้างความเข้าใจในนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล เช่น การลดค่าไฟฟ้า โครงการบ้านเพื่อคนไทย รถไฟฟ้าราคา 20 บาทตลอดสาย  ลดหนี้สาธารณะ ดัน GDP ให้ถึง 5% ศึกษา "สเตเบิลคอยน์" ดึงเม็ดเงินเข้าระบบ ซึ่งรัฐบาลได้แถลงไปแล้ว และเป็นเรื่องที่ประชาชนจับต้องได้ มีผลงานที่เป็นรูปธรรมมากมาย หากนายรังสิมันต์ไม่เห็นประโยชน์ในสิ่งที่ท่านอดีตนายกฯ ทักษิณพูด ก็ไม่เป็นไร แต่ไม่ควรประเมินแทนประชาชนว่าจะไม่ได้ประโยชน์ เพราะประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินเอง  เชื่อมั่นว่าสภาวะความเป็นผู้นำของ น.ส.แพทองธารมีมากพอที่จะบริหารจัดการปัญหาประเทศได้ด้วยตัวเองแน่นอน

 “สิ่งที่นายรังสิมันต์ควรตั้งคำถามกับตัวเองก่อนคือ นายรังสิมันต์มีวุฒิภาวะเพียงพอในการทำงานทางการเมืองหรือไม่ ประเภทนอนฟังเครื่องไฟ แอบฟังข้างบ้านคุยกัน แล้วจินตนาการไปเรื่อยในสิ่งที่ธุระไม่ใช่ วิพากษ์วิจารณ์แบบฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด ประชาชนไม่ได้ประโยชน์” นายอนุสรณ์กล่าว

ไม่หนุนนโยบายผิด กม.ทำร้ายชาติ

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายทักษิณระบุในงานสัมมนาพรรคเพื่อไทยว่าไม่ชอบอีแอบ จากกรณีที่มีรัฐมนตรีบางคนไม่ร่วมประชุม ครม.ในการพิจารณากฎหมายสำคัญว่า เป็นการพูดถึงคนที่ไม่เข้าร่วมประชุม ซึ่งตนบอกแล้วว่าได้เข้าประชุม และมีการติดต่อประสานงานอยู่ตลอดเวลา ขออย่าไปใส่ใจเรื่องพวกนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ฝ่ายค้านออกมาวิจารณ์ถึงเสถียรภาพของรัฐบาล นายอนุทินกล่าวว่า “ไม่มี ไม่มีหรอก” เมื่อถามว่ามีความจำเป็นต้องเคลียร์ใจกับนายกฯ หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่ต้อง เมื่อเช้ายังได้โทร.รายงานนายกฯ เพื่อขอแนวทางหลังจากที่จับกุมพวกลักลอบเข้าเมืองจากประเทศเมียนมาจำนวน 68 คน ว่าจะดำเนินการอย่างไร ทำงานอย่างเป็นทีม เมื่อกระทรวงมหาดไทยจับก็มีประเด็นที่ไปเกี่ยวกับกรณีที่เมียนมาจับ 4 ลูกเรือไทย จึงต้องโทร.รายงานนายกฯ แสดงให้เห็นว่าเป็นการทำงานที่ให้เกียรติกัน และแสวงหาความร่วมมือ เพื่อให้การทำงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน การทำงานต้องเดินไปข้างหน้า

เมื่อถามว่า การส่งสัญญาณของนายทักษิณ หมายถึงใคร นายอนุทินส่ายหน้าพร้อมกล่าวว่า  “ไม่ใช่หมายถึงผมแน่ๆ ก็แล้วกัน แต่หมายถึงใครก็ต้องไปถามท่านดู เพราะท่านเป็นผู้พูด และท่านไม่ได้เอ่ยชื่อใคร แต่เรารู้ว่าไม่ใช่เรา เพราะท่านหมายถึงคนที่ไม่ได้ไปร่วมประชุม ครม. แต่ผมไปมันก็จบ ผู้สื่อข่าวก็เห็น คนที่ยืนถัดจากนายกฯ ก็คือผมในการแถลงข่าวหลังการประชุม ครม. ขอย้ำว่าอย่าไปใส่ใจ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ หยุมหยิม"  

เมื่อถามว่า การออกมาพูดเช่นนี้ของนายทักษิณ เป็นการแทรกแซงการทำงานของรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่ทราบว่านายทักษิณพูดในฐานะอะไร แต่เรื่องนี้ผ่านไปแล้ว และไม่มีอะไรต่อเนื่องออกมา และไม่มีใครออกมายอมรับว่าเป็นตัวเอง และในวันอังคารที่ 17 ธ.ค.ก็จะประชุม ครม.นัดต่อไป ทุกอย่างก็จบ ที่ผ่านมาต้องดูว่ามีอะไรที่เกิดความติดขัดเพราะพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ ก็ไม่มี และโดยหลักการก็ถูกต้องแล้วที่ต้องสนับสนุนซึ่งกันและกัน พรรคไหนเสนออะไร พรรคร่วมรัฐบาลก็สนับสนุนเช่นเดียวกัน พรรคร่วมรัฐบาลเสนออะไรพรรคแกนนำก็สนับสนุน ทุกอย่างคือความต้องการทั้ง 2 ฝั่ง

"ทุกคนทำอยู่แล้ว ตราบใดที่อยู่ในกรอบของรัฐธรรมนูญและไม่ผิดกฎหมาย เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติจะไม่ทำได้อย่างไร เราพูดชัดเจน อะไรที่อยู่ในนโยบายเรารับทราบและต้องสนับสนุน ตอนนายกฯ แถลงนโยบายต่อสภา เรารับฟังหมดแล้ว และสนับสนุน ส่วนอะไรที่ไม่ได้อยู่ในนโยบาย ถ้าจะทำต้องมาพูดคุยกัน เพราะมีหลายเรื่องที่ไม่ได้อยู่ในนโยบายก็มาพูดคุยและสนับสนุนกัน โดยอยู่ในกรอบที่ไม่ผิดกฎหมาย อย่าทำร้ายและเป็นผลร้ายกับประเทศและประชาชน ถ้าเป็นตามกรอบนี้เราก็ตกลง ถ้าไม่เป็นอย่างนั้นเราก็ No ย้ำว่าเราสนับสนุนซึ่งกันและกัน พรรคเพื่อไทยเสนออะไร พรรคร่วมทั้งพรรคภูมิใจไทย พรรคกล้าธรรม พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคชาติไทยพัฒนาก็สนับสนุน หากพรรคร่วมเสนออะไรและพรรคแกนนำสนับสนุน เท่านี้ก็ไปได้ตลอดอยู่แล้ว"  นายอนุทินกล่าวเมื่อถามว่าพรรคร่วมได้สนับสนุนนโยบายของพรรคแกนนำอยู่แล้วหรือไม่ 

ทั้งนี้ หลังสัมภาษณ์เสร็จ นายอนุทินได้หันมาถามกับผู้สื่อข่าวว่า "วันนี้หล่อหรือยัง"

กล้าธรรมไม่ต่อรองเก้าอี้เพิ่ม

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคกล้าธรรม กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการรับ สส.ที่ออกมาจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เข้าสู่พรรคกล้าธรรมว่า เรื่องนี้มีความพร้อมอยู่แล้ว และมีการคุยกันแล้ว เพียงแต่รอกระบวนการทางกฎหมายเสร็จสิ้นก่อน ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับทราบ และสิ้นสุดสมาชิกภาพโดยถูกต้องตามกฎหมาย ค่อยเข้ามาที่พรรคกล้าธรรม ซึ่งแนวทางหลังเข้าสู่พรรคแล้ว ก็ทำงานเพื่อประชาชนเหมือนเดิม และพรรคเราในฐานะที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ก็สนับสนุนทุกๆ นโยบายที่เราทำงานร่วมกันกับรัฐบาล ซึ่งมีการหารือระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลและนายกฯ ตลอด

ผู้สื่อข่าวถามว่า สรุปตัวเลข สส.ที่จะเข้ามา  นางนฤมลกล่าวว่า 24 คน เมื่อถามอีกว่าจะทำให้อำนาจการต่อรองเพิ่มมากขึ้นหรือไม่ นางนฤมลกล่าวว่า เราไม่ต่ออะไรหรอก แค่นี้ก็เป็นความร่วมมือกันเพื่อทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนมากอยู่แล้ว เมื่อถามย้ำว่า ถ้ามีการปรับ ครม. จะมีการขอเก้าอี้เพิ่มหรือไม่ นางนฤมลกล่าวว่า ไม่มี ยังไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลย ตอนนี้ขอทำงานที่ได้รับมอบหมาย และก่อให้เกิดผลงานที่เป็นรูปธรรม คือการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรและปัญหาหนี้สิน

เมื่อถามว่า กรณีการขับไล่ สส.จำนวนกว่า 20 คนของ พปชร.ออกนั้น เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับกรณีของไร่ภูนับดาวหรือไม่ นางนฤมลกล่าวว่า ไม่ได้เกี่ยวเนื่องกัน ขอชี้แจงด้วยความสัตย์จริงว่า ไม่ได้มีการต่อรองใดๆ ไม่มีดีลใดๆ ทั้งสิ้น ในส่วนของกระทรวงเกษตรฯ มีคณะทำงานที่ทำการสอบสวนผู้ที่ครอบครองเอกสารสิทธิต่างๆ ถูกผิดอย่างไรดำเนินการไปตามกฎหมายอยู่แล้ว แต่ส่วนที่เกินไปจากเรื่องของเอกสารสิทธิ จะไม่ใช่เรื่องของกระทรวงเกษตรฯ เราก็ไม่เกี่ยวแล้ว แต่เป็นเรื่องของหน่วยงานอื่น

เมื่อถามถึงกรณีที่นายทักษิณพูดในการสัมมนาถึงการทำงานของพรรคร่วม ทางพรรคกล้าธรรมจะสนับสนุนรัฐบาลหรือไม่ นางนฤมลกล่าวว่า สนับสนุนเต็มที่อยู่แล้ว เรามีการหารือกันอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า มีคำพูดออกมาติติงพรรคร่วมรัฐบาลบางคนที่หนีการประชุมทำตัวเป็นอีแอบ ในการพิจารณา พ.ร.ก.เกี่ยวกับมาตรการทางภาษีระหว่างประเทศ นางนฤมลกล่าวว่า เนื่องจากตนไม่ใช่ผู้พูด และไม่ใช่ผู้ที่ถูกพาดพิง จึงไม่มีความเห็นใดๆ ขอไม่ก้าวล่วง เมื่อถามย้ำว่า แต่นายอัครา พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ เป็นผู้ที่ลาประชุม ครม.ในวันดังกล่าว นางนฤมลกล่าวว่า เนื่องจากนายอัคราป่วยจริงๆ และได้แจ้งต่อนางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม อีกทั้งวันนั้นมีกระทู้ปลาหมอคางดำ และตัวท่านปวดหลัง กระดูกสันที่หลังเคลื่อน จึงมาไม่ไหว

เมื่อถามว่า พรรคร่วมรัฐบาลจะต้องมีการเคลียร์ใจกันเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่ นางนฤมลกล่าวว่า ไม่มีความเห็น และคงไม่มีอะไร

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “ทักษิณ” ไล่ “พรรคร่วม” การที่นายทักษิณออกมาพูดจาแบบไม่ให้ราคา ไม่ให้ความสำคัญพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ได้ให้เกียรติ หรือไม่มีความเกรงใจพรรครวมรัฐบาลเลย ตะเพิดขับไล่เหมือนหมูหมากาไก่เช่นนี้ อยากถามพรรคร่วมรัฐบาลว่า ปล่อยให้บุคคลภายนอกรัฐบาลอย่างนายทักษิณออกมาแสดงท่าทีดูถูกเหยียดหยามอย่างนี้ได้อย่างไร ไม่มีความรู้สึกอะไรบ้างหรือ ไม่อับอาย ไม่รักษาศักดิ์ศรีความเป็นพรรคการเมืองบ้างหรือไร ยังหน้าด้านทนร่วมรัฐบาลต่อไป ไม่กล้าที่จะถอนตัวมาเป็นฝ่ายค้าน เพราะเป็นฝ่ายค้านอดอยากปากแห้ง เป็นฝ่ายรัฐบาลอิ่มหมีพีมัน ถ้าหวังจะเป็นรัฐบาลอย่างเดียวโดยไม่คำนึงถึงอะไรเลย ก็ไม่ควรเป็นพรรคการเมือง เปลี่ยนสภาพเป็นกลุ่มผลประโยชน์ดีกว่า

ฝ่ายค้านนัดดินเนอร์ 18 ธ.ค.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้นัดแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านรับประทานอาหารเย็น หรือดินเนอร์พรรคร่วมฝ่ายค้าน ในวันพุธที่ 18 ธ.ค.นี้ ที่ร้านอาหารเอิกเกริก ตรงข้ามอาคารรัฐสภา โอกาสนี้ นายณัฐพงษ์จะใช้เวลาในการรับประทานอาหารหารือกับแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านถึงทิศทางการทำงานในการเปิดประชุมสภา ซึ่งคาดว่าน่าจะมีหัวข้อการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลด้วยภายในไตรมาสแรกของปีหน้า

สำหรับดินเนอร์พรรคร่วมฝ่ายค้านในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกตั้งแต่นายณัฐพงษ์ดำรงตำแหน่ง ซึ่งภายหลังจากพรรคพลังประชารัฐมีมติขับ 20 สส.ก๊วน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ออกจากพรรค ทำให้เสียงของฝ่ายค้านชัดเจนขึ้น และต้องจับตาว่าดินเนอร์ที่จะเกิดขึ้นนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะเข้าร่วมด้วยหรือไม่ รวมถึงพรรคไทยสร้างไทย ที่แม้จะยังเป็นฝ่ายค้าน แต่เสียง สส.ส่วนใหญ่เทไปอยู่ฝั่งรัฐบาล และคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรค จะมีทิศทางหลังจากนี้อย่างไร เนื่องจากเคยประกาศว่าจะยังอยู่กับฝั่งฝ่ายค้าน

 “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “3 เดือนรัฐบาลแพทองธาร” กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 1,162 คน ระหว่างวันที่ 10-13 ธันวาคม 2567 พบว่า กลุ่มตัวอย่างมองจุดแข็งของรัฐบาลแพทองธาร คือ การมีที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์ ร้อยละ 49.38 ภาพรวมผลงาน 3 เดือนของรัฐบาล ยังประเมินไม่ได้ ร้อยละ 39.85 ต่ำกว่าที่คาดหวัง ร้อยละ 28.14 และยังไม่เชื่อมั่นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล ร้อยละ 54.99 โดยมองว่านโยบายที่เห็นผลชัดเจนที่สุดใน 3 เดือนที่ผ่านมาคือ การแจกเงิน 10,000 บาท ร้อยละ 71.44 เรื่องที่รัฐบาลควรเร่งดำเนินการแก้ไขโดยด่วนยังคงเป็นเรื่องการแก้ปัญหาค่าครองชีพ สร้างงาน เพิ่มรายได้ ร้อยละ 70.84 สุดท้ายสิ่งที่ประชาชนอยากฝากถึงนายกฯ  แพทองธาร ในฐานะผู้นำประเทศคือ เร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ ลดค่าครองชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ให้ประชาชนอย่างทั่วถึง ร้อยละ 49.14

น.ส.พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า จากผลโพลสะท้อนให้เห็นว่า ผลงาน 3 เดือนรัฐบาลแพทองธารยังประเมินไม่ได้ และบางส่วนมองว่าต่ำกว่าที่คาดหวังไว้ แม้นโยบายระยะสั้นจะสร้างความพึงพอใจให้กับประชาชนได้ระดับหนึ่ง แต่ในฐานะที่รัฐบาลมีที่ปรึกษามาก ประสบการณ์ และขึ้นชื่อเรื่องการทำให้ “คนไทยมีกิน มีใช้” ประชาชนจึงคาดหวังเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ “สื่อสารเป็น-เห็นผลชัด-จับต้องได้” ให้มากขึ้น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘หนู’ ลั่นฟังแค่ ‘อิ๊งค์’ ยันร่วมรัฐบาลเป็นไฟต์บังคับ ‘ทักษิณ’ พูดไม่นำพา

"อนุทิน" ลั่น! รับสัญญาณจากนายกฯ อิ๊งค์เท่านั้น ยันที่ "ทักษิณ" พูดไม่ได้หมายถึงรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทย "ท่านทักษิณพูดถึงพรรคที่ไม่เข้าร่วมประชุม ผมก็ไม่นำพาไปฟังอะไรมาก"

ใต้อ่วม! ทางรถไฟ-ถนนขาด

ฝนตกหนักน้ำท่วม เส้นทางลงใต้อัมพาต ทางขาดทั้งรถไฟและถนนสายเอเชีย รถไฟไปต่อไม่ได้ ติดค้างที่ชุมพรเพียบ ชาวบ้านเดือดร้อนหนัก ส่วนที่นครศรีฯ น้ำทะเลจ่อหนุนซ้ำเติม