บึ้มงานกาชาด สอบเกียร์ว่าง! ตำรวจอุ้มผาง

"ผบ.ตร." สั่งสอบตำรวจพื้นที่ปล่อยปละละเลยหรือไม่ เหตุ 2 คนร้ายปาระเบิดกลางเวทีรำวงงานกาชาดอุ้มผาง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย เจ็บ 48 คน "อุ๊งอิ๊ง" แจ้งทางโซเชียล สั่งหน่วยความมั่นคงดูแลแล้ว "ภูมิธรรม" ยันเป็นเพียงกลุ่มวัยรุ่นตีกัน ไม่ใช่การสร้างสถานการณ์

เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2567 พล.ต.ท.อาชยน  ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์กรณีเหตุระเบิดภายในงานกาชาดอะเมซิ่งแผ่นดินดอยลอยฟ้า อ.อุ้มผาง จ.ตาก  ประจำปี 2567 ว่าได้รับรายงานจาก สภ.อุ้มผาง  เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. เวลา 23.35 น. เกิดเหตุทะเลาะวิวาทปาระเบิดใส่ผู้มาร่วมงานกาชาด เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อุ้มผางได้ทำการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำผู้บาดเจ็บส่งตัวไปยังโรงพยาบาลอุ้มผาง ซึ่งมีผู้บาดเจ็บ 48 ราย และมีผู้เสียชีวิต 3 ราย โดยมีคนร่วมงานประมาณ 8,000-9,000 คน

หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ทหารได้ร่วมกันสืบสวนติดตามจับตัวผู้ก่อเหตุได้ทั้ง 2 คน ได้แก่คนไทย 1 คน คือนายเอ (นามสมมติ) และกองกำลังกะเหรี่ยง KNU 1 คน คือ นายจอริทู มีประวัติเคยถูกจับกุมคดียาเสพติดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา จากการสอบสวนเบื้องต้น นายจอริทูรับว่าเป็นผู้สะพายกระเป๋าใส่ระเบิด สาเหตุเกิดจากมีเหตุโกรธเคืองกับกลุ่มวัยรุ่นคู่กรณีมาตั้งแต่งานลอยกระทง ครั้งนี้จึงมาก่อเหตุเอาคืนคู่กรณี

โฆษก ตร.ยังกล่าวว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้แสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ดำเนินการเรื่องนี้เต็มที่ โดยหลังทราบเรื่อง ผบ.ตร.ได้สั่งการตำรวจฝ่ายสืบสวนพื้นที่ และ ภ.6 เร่งจับกุมผู้ก่อเหตุให้ได้ โดยให้บูรณาการกับหน่วยงานทหารเพื่อติดตามตัวผู้ก่อเหตุ ซึ่งเบื้องต้นสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยไว้ได้ 2 ราย และได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธํารงค์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ซึ่งรับผิดชอบงานสืบสวนสอบสวน กำกับดูแลพื้นที่ ภ.5 และ ภ.6 ลงไปกำกับติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดแล้ว เพื่อขยายผลดำเนินการทุกมิติ

สำหรับตำรวจพื้นที่ ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตากตรวจ สอบข้อเท็จจริงว่า ก่อนการจัดงานได้มีการประชุมหรือวางแผนในการดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างไรหรือไม่ หากพบว่าเป็นงานประจำปีที่จัดขึ้นทุกปีและไม่มีการกำหนดแผนหรือมาตรการใดๆ รองรับ ให้พิจารณาข้อบกพร่องทางวินัยและการปกครองทันที รวมทั้งสั่งเพิ่มความเข้มทุกพื้นที่ที่มีการจัดงาน ทั้งด้านการหาข่าวและการปฏิบัติ  และการระมัดระวังกลุ่มวัยรุ่นที่เป็นคู่อริ ต้องไม่ให้เกิดเหตุใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน

ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กและ X ว่า  “เหตุการณ์ระเบิดที่จังหวัดตาก ซึ่งเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน และบาดเจ็บจำนวน 39 คน รายงาน ณ ขณะนี้ ดิฉันขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บ

เบื้องต้นได้สั่งการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานความมั่นคง ให้เร่งเข้าดูแลผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ และขอให้ตรวจสอบสาเหตุการระเบิดทุกมิติ เร่งหาตัวคนร้าย และนำเข้าสู่กระบวนการโดยเร็วที่สุด และกำชับให้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดูแลการจัดงานเทศกาลที่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ทุกจุด เพื่อความปลอดภัยและมั่นใจของพี่น้องประชาชน”

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ว่า ได้รับรายงานเบื้องต้นว่าเหตุการณ์เริ่มต้นตั้งแต่มีวัยรุ่นชกต่อยกันสองกลุ่ม และหลังจากนั้นก็มีเหตุระเบิดขึ้นมา  ซึ่งขณะนี้ตัวเลขผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บยังสับสน   แต่จากที่ตนเองได้รับรายงานมาคือ มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และผู้ได้รับบาดเจ็บ 39 ราย แต่บางแหล่งบอกว่ามีผู้เสียชีวิต 4 ราย และผู้ได้รับบาดเจ็บ 40 ราย ซึ่งขณะนี้กำลังตรวจสอบกับสถานีตำรวจในพื้นที่ว่าเป็นอย่างไร

รองนายกฯ ยังกล่าวว่า ระเบิดที่ใช้ก่อเหตุเป็นระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบขึ้นเอง ไม่ใช่ระเบิดสงคราม และไม่ใช่อาวุธสงคราม เป็นเหมือนระเบิดขวด แต่อยู่ที่ส่วนผสมและบริเวณที่คนยืนอยู่หนาแน่นมากหรือไม่ ซึ่งจุดเกิดเหตุมีคนยืนอยู่กว่า 100 คน และสามารถจับผู้ต้องสงสัยในกลุ่มที่ชุลมุนอยู่ตรงนั้นได้มาจำนวนหนึ่ง ต้องรอให้หน่วยกู้ระเบิดเข้าไปตรวจสอบ และรอให้มีความชัดเจนก่อน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ไม่ใช่การก่อเหตุเพื่อสร้างสถานการณ์ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมยืนยันว่า ไม่  ตรงนั้นมันเป็นด่านที่ไม่เคยมีความรุนแรงอะไร  เพราะเป็นเส้นทางของการขนส่งสินค้าจากประเทศไทยเข้าไปที่เมียวดี ประเทศเมียนมา ทั้งฝ่ายเมียนมาและฝ่ายต่อต้าน ทุกคนก็ต้องการให้สินค้าเราเข้าไปในพื้นที่ตรงนั้น ดังนั้นจึงเป็นความต้องการของสองฝ่าย จึงไม่มีปัญหาในเรื่องนี้ ที่ผ่านมาเคยมีปัญหาที่เมียนมาปิดเส้นทางชั่วขณะ แต่ถึงที่สุดแล้วก็ต้องเปิด เพราะมาคุยกันแล้วก็ต้องเปิด เพราะทั้งสองฝ่ายต้องการสินค้า และอาหารจากไทยทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นไม่ใช่เขตสงครามหรือเขตที่มีความน่ากังวลใจเรื่องนี้ และก็ไม่ใช่อาวุธสงคราม แต่เป็นการขว้างระเบิดขึ้นมา

เมื่อถามว่า ขณะนี้ทั่วประเทศกำลังมีการจัดงานกาชาด ก็อาจจะเป็นห่วงในเรื่องของความปลอดภัย จำเป็นจะต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยมากขึ้นหรือไม่ นายภูมิธรรมระบุว่า จริงๆ มาตรการรักษาความปลอดภัยของแต่ละจังหวัดมีการวางแผนไว้อยู่แล้ว แต่เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้น ก็ต้องมีการกำชับให้ดำเนินมาตรการอะไรที่พิเศษมากขึ้น เพื่อระมัดระวังมากขึ้น เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นตอนที่มีคนหมู่มาก โอกาสที่จะเกิดปัญหาก็มีอยู่แล้ว

"เราต้องเข้มงวดเต็มที่ อย่างไรก็ดีสิ่งเหล่านี้คือปัญหาเรื่องเราใช้กำลังพลในการตรวจสอบ ความจริง ถ้าเราสามารถพัฒนาเครื่องมือสำคัญหรือเครื่องมือพิเศษให้แต่ละหน่วยได้ใช้ คงจะดีขึ้นกว่านี้ แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ยังต้องใช้เวลาที่จะคุยกัน และเอางบประมาณลงอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งอยู่ในแผนอยู่แล้ว แต่ในหลายประเทศที่เคยไปดูงานมา เขาติดเครื่องมือที่เชื่อมกับดาวเทียมวงโคจรต่ำ สามารถดูอาชญากร เรื่องการจราจร เรื่องภัยพิบัติต่างๆ ก็สามารถเห็นได้ อย่างในประเทศจีนหรืออีกหลายประเทศก็มีกล้องวงจรปิดดู และสามารถส่งเข้าไปที่ศูนย์บัญชาการ เพื่อให้เห็นปฏิกิริยาต่างๆ และสามารถที่จะตามจับอาชญากรได้ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่เราจะต้องเพิ่มศักยภาพของหน่วยงานต่างๆ ให้มากยิ่งขึ้น"

เมื่อถามว่า ระเบิดดังกล่าวใครก็สามารถประกอบได้ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมระบุว่า ในชั้นต้น ระเบิดเขวี้ยง ระเบิดขวดแบบนี้สามารถประกอบได้ และความรุนแรงหรือไม่นั้นก็อยู่ที่สาร ที่นำมาใช้ ซึ่งยังไม่ได้ยืนยันอะไร ขอให้หน่วยงานที่ต้องตรวจสอบเข้าไปดูให้ชัดเจนมากขึ้นกว่านี้ก่อน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เสด็จฯพระราชพิธีสมมงคล

"ในหลวง" เสด็จฯ ไปในการพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าสมเด็จพระปฐมบรมกษัตริยาธิราชแห่งพระราชวงศ์จักรี