ใต้อ่วม! ทางรถไฟ-ถนนขาด

ฝนตกหนักน้ำท่วม เส้นทางลงใต้อัมพาต ทางขาดทั้งรถไฟและถนนสายเอเชีย  รถไฟไปต่อไม่ได้ ติดค้างที่ชุมพรเพียบ ชาวบ้านเดือดร้อนหนัก ส่วนที่นครศรีฯ น้ำทะเลจ่อหนุนซ้ำเติม อุตุเตือน 12-16 ธ.ค. มวลน้ำป่าทะลักแน่ นายกฯ  อิ๊งค์บอกผ่านโซเชียลว่าสั่งการช่วยเหลือแล้ว

เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2567 หลังฝนตกหนักในพื้นที่ภาคใต้หลายจังหวัด พบว่ามีน้ำท่วมขังเป็นบริเวณกว้าง ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก มีรายงานว่าได้เกิดน้ำท่วมรางรถไฟระหว่างสถานีวิสัยและสถานีรถไฟสวี  จังหวัดชุมพร ทางสถานีรถไฟชุมพรได้ออกประกาศแจ้งขอปิดทางระหว่างสถานีวิสัย-สวี  โดยรถไฟทุกขบวนที่ลงมาจากกรุงเทพมหานคร ต้องจอดรอที่สถานีรถไฟชุมพร ส่วนขบวนรถไฟจากสายใต้ทุกขบวนต้องจอดที่สถานีรถไฟหลังสวน เนื่องจากมีปริมาณน้ำท่วมสูงบริเวณรางรถไฟดังกล่าวเป็นระยะทางหลายร้อยเมตร จึงต้องปิดการเดินรถไฟทุกขบวน

ขบวนรถไฟที่ติดค้าง ได้แก่ ขบวนที่ 43 กรุงเทพอภิวัฒน์-สุราษฎร์ธานี ปลายทางสถานีชุมพร ไม่มีเดินรถจากชุมพร-สุราษฎร์ธานี, ขบวนรถไฟที่ ข.44 สุราษฎร์ธานี-กรุงเทพอภิวัฒน์ ต้นทางสถานีชุมพร ไม่มีเดินรถจากสุราษฎร์ธานี-ชุมพร,   ขบวนรถไฟที่ 446 หาดใหญ่-ชุมพร ปลายทางสถานีหลังสวน ไม่มีเดินรถจากหลังสวน-ชุมพร,  ขบวนรถไฟที่ 255 ธนบุรี-หลังสวน ปลายทางสถานีชุมพร ไม่มีเดินรถจากชุมพร-หลังสวน ส่วนขบวนรถอื่นๆ รอฟังประกาศจากการรถไฟฯ ต่อไป และโปรดติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

สำหรับบรรยากาศที่สถานีรถไฟชุมพร เป็นไปด้วยความโกลาหล เนื่องจากมีผู้โดยสารที่ซื้อตั๋วเตรียมเดินทางและผู้ที่จะเดินทางต่อไปยังจุดหมาย ต้องมาติดค้างอยู่จำนวนมาก ทั้งชาวไทยและต่างชาติที่ไม่รู้ตัวล่วงหน้าว่าจะเกิดน้ำท่วมรางรถไฟและต้องปิดเส้นทางเดินรถ ต่างสอบถามเจ้าหน้าที่กันให้วุ่นวาย

เจ้าหน้าที่การรถไฟฯ ได้ออกมาชี้แจงทำความเข้าใจ และยินดีจะจ่ายคืนค่าโดยสารรถไฟสำหรับผู้ที่ซื้อตั๋วจองตั๋วไว้ล่วงหน้า ส่วนใครจะเดินทางต่อก็ต้องหารถไปเอง แต่เพื่อความปลอดภัย ขอให้ระงับการเดินทางในช่วงนี้ไว้ก่อน  เนื่องถนนสายหลักขึ้นล่องภาคใต้คือถนนสายเอเชียก็ถูกตัดขาดเช่นกัน

ที่นครศรีธรรมราช เผชิญวิกฤตน้ำท่วมระลอก 2 หลังฝนตกหนักต่อเนื่องตามคำเตือนของกรมอุตุนิยมวิทยา ระหว่างวันที่ 12-16 ธันวาคม 2567 ส่งผลให้มวลน้ำจากแม่น้ำและน้ำป่าไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่การเกษตร บ้านเรือน และถนนหลายอำเภอ ประชาชนในพื้นที่เดือดร้อนอย่างหนัก ขณะที่ฝนยังไม่มีทีท่าจะหยุด

ในเขตอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช น้ำจากแม่น้ำ 5 สายไหลเข้าท่วมบ้านเรือนในหลายตำบล เช่น มะม่วงสองต้น โพธิ์เสด็จ ไชยมนตรี  และนาเคียน โดยเฉพาะที่บ้านวังมะพร้าว หมู่ 8 ต.โพธิ์เสด็จ ซึ่งเผชิญปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากมากว่า 20 ปี เนื่องจากโครงสร้างถนนขวางการระบายน้ำ ชาวบ้านในพื้นที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกกว่า 50 ครัวเรือน น้ำท่วมสูงเกือบ 1 เมตร

เทศบาลตำบลโพธิ์เสด็จได้จัดเรือท้องแบนช่วยเหลือประชาชน พร้อมเตรียมแผนอพยพไปยังวัดโพธิ์เสด็จ หรือโรงเรียนในพื้นที่ หากระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น

ส่วนพื้นที่ชายทะเลในอำเภอสิชล เช่น ต.ทุ่งใส และบ้านบางปอ ต้องรับมือกับน้ำป่าที่ไหลบ่าจากภูเขาลงทะเล จุดจอดเรือประมงพื้นบ้านกลายเป็นร่องน้ำใหญ่ เรือหลายลำเกือบถูกกระแสน้ำพัดลงทะเล โชคดีที่ชาวบ้านเร่งช่วยเหลือทัน นายนิตินัย เอี่ยมชลวิเลิศ นายก อบต.เสาเภา สั่งใช้รถแบ็กโฮขุดทรายที่ปิดกั้นทางน้ำระบายลงทะเล ช่วยลดผลกระทบในพื้นที่

ที่ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย (ศบภ.) มณฑลทหารบกที่ 41 โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 5 นำกำลังพลชุดเคลื่อนที่เร็วลงพื้นที่บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่หมู่ 7 ต.โพธิ์ทอง อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช หลังเผชิญน้ำท่วมหนักจากฝนตกต่อเนื่อง

พื้นที่ดังกล่าวซึ่งเป็นที่ราบลุ่มประสบปัญหาน้ำท่วมขัง บ้านเรือนประชาชนกว่า 50 ครัวเรือนได้รับความเดือดร้อน กำลังพลของ ศบภ.มทบ.41 ได้เร่งช่วยขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง เตรียมอพยพประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัย พร้อมจัดยานพาหนะช่วยเดินทางระหว่างหมู่บ้านที่น้ำท่วมขังสูงจนเส้นทางคมนาคมถูกตัดขาด

เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเฝ้าติดตามสภาพอากาศและช่องทางการขอความช่วยเหลือ พร้อมย้ำเตือนให้เตรียมพร้อมรับมือเหตุฉุกเฉิน

หน่วยงานได้ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ทุกนาย โดยเน้นให้สวมอุปกรณ์ป้องกัน เช่น เสื้อชูชีพ และอุปกรณ์ตรวจสอบกระแสไฟรั่ว พร้อมประเมินสุขภาพก่อนปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้สามารถช่วยเหลือประชาชนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

ขณะนี้สถานการณ์ในพื้นที่ยังน่าเป็นห่วง  เนื่องจากฝนตกต่อเนื่อง ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมฉับพลัน พื้นที่ลุ่มบางจุดซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่การเกษตรยังคงมีน้ำขังสูง ศบภ.มทบ.41  ยืนยันความพร้อมที่จะเป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกโอกาส พร้อมประสานความร่วมมือกับส่วนราชการท้องถิ่นและจิตอาสา เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้ผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน

กรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่า ฝนจะหยุดตกในวันที่ 17 ธันวาคม 2567 แต่ในระหว่างนี้หลายอำเภอยังเฝ้าระวัง เช่น ร่อนพิบูลย์ ชะอวด จุฬาภรณ์ และพรหมคีรี โดยประชาชนต้องเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ที่อาจรุนแรงขึ้น ขอให้ประชาชนติดตามประกาศเตือนภัยอย่างใกล้ชิด  และเตรียมอพยพออกจากพื้นที่เสี่ยงหากจำเป็นเพื่อความปลอดภัย

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี  โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กและ X ระบุถึงสถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดภาคใต้ว่า “เหตุการณ์น้ำท่วมหนักที่จังหวัดชุมพร นครศรีธรรมราช  สุราษฎร์ธานี และระนอง ดิฉันได้ขอให้กระทรวงมหาดไทย และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เข้าช่วยเหลือประชาชนโดยด่วนแล้วนะคะ  โดยเฉพาะจังหวัดระนองที่มีน้ำป่าไหลหลาก ให้เร่งอพยพประชาชนมายังพื้นที่ปลอดภัย จัดชุดอุปโภคบริโภค ยารักษาโรค รวมถึงอุปกรณ์สำหรับดูแลผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และผู้ที่ต้องการความดูแลเป็นพิเศษ

เวลานี้ ขอให้พี่น้องในพื้นที่ติดตามการแจ้งเตือนภัย คำสั่งอพยพ และปฏิบัติตามประกาศเจ้าหน้าที่ ขอให้พี่น้องประชาชนทุกคนปลอดภัย  และขอส่งกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ที่กำลังเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ดูแลประชาชนขณะนี้ค่ะ”.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เสด็จฯพระราชพิธีสมมงคล

"ในหลวง" เสด็จฯ ไปในการพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าสมเด็จพระปฐมบรมกษัตริยาธิราชแห่งพระราชวงศ์จักรี