จ่อถกเหล่าทัพหาจุดตรงกลาง

“ประยุทธ์” ขอแก้ไข 24 ข้อบกพร่อง กม.กลาโหม ก่อนดันเข้าสภาอีกรอบ “บิ๊กเล็ก” จับเข่าคุยเหล่าทัพ-ภูมิธรรม หาจุดตรงกลาง เผยปมการเมืองขอจัด “โผทหาร” เกิดจากไม่เชื่อมั่นกองทัพ มั่นใจ ผบ.เหล่าทัพยุคใหม่ไม่ปฏิวัติ “อนุทิน” บอกเรื่องขี้ผง ถูก “ทักษิณ” เหน็บชิงหล่อค้าน กม. ด้าน “ม็อบเสื้อเหลือง” คืนชีพจ่อชุมนุมหน้า ป.ป.ช. กดดันเช็กบิลป่วยทิพย์ชั้น 14

ที่รัฐสภา วันที่ 12 ธันวาคม นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม สส.พรรค ถึงเรื่องการเตรียมถอนร่างแก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหมว่า  หลังจากที่ได้เสนอร่างกฎหมายไปแล้ว พบว่ามีจุดบกพร่อง 24 จุดที่ต้องแก้ไข ซึ่งตามข้อบังคับการประชุม หากจะมีการแก้ไขร่างกฎหมายเพิ่มเติมเล็กน้อยสามารถทำได้เลย จึงเตรียมยื่นขอถอนร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบกลาโหมมาแก้ไข ซึ่งจะใช้เวลาเพียง 1 วัน และเสนอกลับเข้าสภาอีกครั้ง และจะต้องทำความคิดเห็นของสาธารณะตามที่รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้

นายประยุทธ์ระบุว่า ไม่ได้เขียนร่างกฎหมายฉบับนี้ด้วยตัวเอง เพียงแต่เห็นว่าเป็นกฎหมายที่ควรเสนอได้ จึงมาสอบถามว่าร่างกฎหมายฉบับนี้ใครเป็นผู้จัดทำขึ้น และได้คำตอบว่ากระทรวงกลาโหมเป็นผู้จัดทำ ในสมัยของนายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พท. เป็น รมว.กลาโหม  และเมื่อพ้นตำแหน่งไปก็ได้ ส่งเรื่องกฎหมายฉบับนี้มายังพรรคเพื่อไทย ทางคณะกรรมการกฎหมายของพรรคจึงได้ดำเนินการต่อ มีการเติมพริก เติมเกลือ เติมมะนาวบ้าง เพื่อให้เกิดรสชาติ และอาจจะมีความผิดเพี้ยนจากร่างกระทรวงกลาโหมไปบ้างเล็กน้อย แต่ถามว่าสิ่งที่เพิ่มเติมนั้นผิดวิสัยในการเสนอกฎหมายหรือไม่ ก็เป็นสิ่งที่ทำกันทั่วโลกในการปกครองระบอบประชาธิปไตย แต่ประเทศไทยอาจทำแบบหนึ่ง  ซึ่งตนก็ไม่ปฏิเสธ

นายประยุทธ์กล่าวด้วยว่า ส่วนที่มีการพูดถึงเนื้อหาว่ามีการป้องกันรัฐประหารได้หรือไม่นั้น  คิดว่าประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยก็เปรียบกับบ้านหลังหนึ่ง นิติบัญญัติและตุลาการก็อยู่ในนั้น หากเราต้องการสร้างรั้วขึ้นมาล้อมก็ไม่เสียหาย แต่ไม่สามารถที่จะป้องกันโจรเข้าไปในบ้านได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่หากประชาชนมาเป็นยามรักษารั้ว เช่นกรณีที่เกิดขึ้นในประเทศเกาหลีใต้ ความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายก็จะเกิดขึ้น ตนจึงอาศัยรัฐธรรมนูญมาตรา 133 (2) เข้าชื่อเสนอกฎหมายสมบูรณ์แบบทุกประการ โดยไม่จำเป็นต้องเสนอเข้าสู่ที่ประชุมของพรรค แต่ในฐานะที่เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยก็ต้องนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม เพื่อขอเสียงสนับสนุน แต่จะทำก่อนหรือหลังการเสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภาได้ทั้งสิ้น

ด้าน พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม กล่าวว่า ในเรื่องของกฎหมายยังไม่ถึงขั้นตอนสุดท้าย อยู่ระหว่างการพิจารณา โดยมีร่างที่พูดกันอยู่ตอนนี้ 2 ฉบับ ฉบับแรก เป็นของกระทรวงกลาโหม อยู่ในกระบวนการนำเข้า ครม. ส่วนร่าง กม.อีกฉบับหนึ่ง เป็นส่วนที่พรรครัฐบาลกำลังพิจารณาอยู่ ต้องรอตอนสุดท้ายว่าจะออกมาเป็นอย่างไร แต่ไม่ต้องกังวล เพราะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ

เมื่อถามถึงความจำเป็นของพรรคการเมืองที่ต้องเข้าไปแทรกแซงการแต่งตั้งทหารชั้นนายพล พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า ปัญหาเกิดขึ้นมาจากทัศนคติ ความเชื่อใจ และความเชื่อมั่น แต่ในฐานะที่เป็นทหารเก่า ขอให้ประชาชนได้เชื่อมั่นว่ากองทัพและทหารยึดมั่นในการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างเข้มข้น อยากให้ทุกฝ่ายเชื่อมั่น การที่คนบางคน กลุ่มบางกลุ่ม คิดในเรื่องนี้ เขาอาจจะขาดความเชื่อมั่น ขาดความเชื่อใจในกองทัพ แต่ในขณะที่ตนดำรงตำแหน่ง รมช.กลาโหม ได้พูดคุยกับน้องๆ มาตลอด เชื่อมั่นในน้องๆ เชื่อมั่นในกองทัพ และเชื่อใจด้วยว่ามันจะไม่เกิดขึ้นในยุคนี้อย่างแน่นอน

รมช.กลาโหมกล่าวว่า ได้หารือกับ ผบ.เหล่าทัพ รวมถึงคุยกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รมว.กลาโหม ในเรื่องกฎหมายนี้ด้วย ตนเองอยู่ในฐานะที่เป็นคนกลาง ก็ได้คุยกับน้องๆ ผบ.เหล่าทัพว่าให้คิดอย่างรอบด้าน คิดถึงขวัญกำลังใจของทหารในกองทัพ คิดถึงในส่วนของรัฐบาล รวมถึงสังคม คิดถึงนักการเมือง ฝ่ายการเมือง จากนั้นหาจุดตรงกลางที่เหมาะสมให้เราอยู่ได้อย่างสง่างาม และไม่มีการกระทบกระทั่งกัน ซึ่งการที่เป็นคนกลางก็ไม่ได้หนักใจอะไร เพราะอยู่กับความเป็นจริงและเหตุผล

ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แซวนายอนุทินชิงหล่อกรณีคัดค้านร่างกฎหมายดังกล่าวว่า ไม่ใช่ตนแล้ว เพราะไม่มีใครเคยบอกว่าหล่อ แค่ดูดีเฉยๆ ตอนนี้ยังไม่หล่อเลย ทำไฮฟู่อยู่เลยหล่อช้าไปหน่อยด้วยซ้ำ ตนไม่เคยคิดจะหล่อ เอาแค่ดูดีจีบสาวได้ก็พอแล้ว ในเรื่องกฎหมายแต่ละพรรคก็มีจุดยืน  ภท.ก็มีจุดยืนชัดเจนว่าใครก็ปฏิวัติไม่ได้ ซึ่งกฎหมายเรื่องห้ามการปฏิวัติก็อยู่ในรัฐธรรมนูญและประมวลกฎหมายอาญา ไม่ต้องไปแตะอะไรอยู่แล้ว สิ่งที่ตนพูดคืออย่าสร้างเงื่อนไขให้เกิดความจำเป็นที่ต้องมาทำการรัฐประหาร

เมื่อถามว่า นายประยุทธ์ระบุจะนำร่างกฎหมายดังกล่าวไปแก้ไขแล้วกลับมาเสนอใหม่  พรรคร่วมรัฐบาลต้องหารือกันก่อนหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า พรรคร่วมรัฐบาลพูดคุยกันทุกอย่างอยู่แล้ว แต่กรณีนี้เสนอในนาม สส.เพื่อไทย แต่พออ่านแล้วหลักการเป็นแบบนี้ ภท.ก็ไม่เห็นด้วย เพราะมีกฎหมายเขียนไว้อยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องพูดชิงหล่อ เป็นการพูดตามเนื้อผ้า ตามเจตนารมณ์ และแนวทางของ ภท. และไม่ขอวิจารณ์นายทักษิณ เวลาท่านพูดอะไรที่เรารู้สึกว่าไม่ถูกต้องก็ไปชี้แจงกับท่าน แค่นั้นเอง ไม่มีวันที่ตนจะไปต่อล้อต่อเถียงหรือเห็นแย้ง ตอบโต้  เพราะท่านเป็นผู้ที่มีพระคุณกับตนมา 20-30 ปี ยืนยันว่าตรงนี้ไม่มีอะไร เรื่องขี้ผงมาก

ด้านนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง  โพสต์รูปภาพพร้อมข้อความระบุว่า "ค่ำของคืน 11 ธ.ค. นัดกินข้าวคุยกันตามประสาผู้ห่วงใยบ้านเมือง เท่าที่จำได้ มี อ.แก้วสรร อติโพธิ, ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง, จตุพร พรหมพันธุ์, ทนายนกเขา, อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม, อ.ขวัญสรวง อติโพธิ, ดร.กิตติศักดิ์ ปรกติ, พลเอกสมเจตน์ บุญถนอม, สมชาย แสวงการ, ชาญชัย อิสระเสนารักษ์, พิชิต ไชยมงคล, ประสาร มฤคพิทักษ์, นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม, นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์, สาวิทย์ แก้วหวาน, ใจเพชร กล้าจน (หมอเขียว), แซมดิน เลิศบุศย์ และอีกหลายท่าน

นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ โพสต์เฟซบุ๊กว่า  การรวมตัวกันครั้งใหญ่ในรอบหลายสิบปีของบุคคลที่ห่วงใยบ้านเมืองดังกล่าว ได้หารือมีหลายเรื่อง อาทิ ความยุติธรรม และการทุจริต ที่ ทักษิณ ชินวัตร ไม่ยอมติดคุกในคดีทุจริตคอร์รัปชัน แม้แต่การติดคุกยังทุจริต บ่อนกาสิโน MOU 44 ทางออก ทางรอด ประเทศไทยที่ไม่ใช่การรัฐประหาร ฯลฯ ทุกอย่างล้วนมาจากความห่วงใยต่อบ้านเมืองทั้งสิ้น เพื่อให้ความห่วงใยต่อบ้านเมืองเป็นรูปธรรม คณะที่ร่วมทานข้าวด้วยกันจึงเห็นพ้องกันว่า วันพุธที่ 18 ธ.ค.2567 เวลา 11.00 น. จะไปเยี่ยมให้กำลังใจบนความห่วงใยและไม่ไว้วางใจต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรื่องการไต่สวนการป่วยทิพย์ของทักษิณ ชินวัตร ชั้น 14 เหตุที่ต้องไป เพราะเราทราบว่ามีความพยายามแทรกแซงจากคนภายนอกไม่ให้ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดข้าราชการที่ช่วยทักษิณ ดังนั้น คปท., ศปปส., กองทัพธรรม และคณะตามรายชื่อ ก็จะไปให้กำลังใจ ป.ป.ช.ในการเดินหน้า ทวงคืนความยุติธรรมให้กระบวนการยุติธรรม.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง