ตั้ง2ข้อหาหนัก‘โกทร-ลูกน้อง’ การเมืองท้องถิ่นปมฆ่าสจ.โต้ง

"ผบ.ตร." สั่งเข้มกองปราบฯ ลงพื้นที่สางคดียิง “สจ.โต้ง” ดับคาบ้าน "สุนทร วิลาวัลย์" ฮึ่มเหตุอุกฉกรรจ์ใครเอี่ยวฟันหมด บี้เอาผิดเพิ่มอั้งยี่ซ่องโจร เชื่อปมขัดแย้งการเมืองท้องถิ่น   ตร.ตั้ง 2 ข้อหาหนัก "โกทร-ลูกน้อง" รวม 7 คน  ค้านประกัน ก่อนส่งศาลฝากขัง "อนุทิน" ปัดโทร.หา "กนกวรรณ" ลั่นผิดว่าไปตามผิด ไม่มีช่วยเหลือแน่

ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่นายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์  หรือ สจ.โต้ง อายุ 48 ปี ถูกยิงเสียชีวิตภายในบ้านพักของนายสุนทร วิลาวัลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปราจีนบุรี และเป็นบิดานางกนกวรรณ วิลาวัลย์ อดีต รมช.ศึกษาธิการ ​ในพื้นที่ อ.เมือง​ จ.ปราจีนบุรี ว่าเบื้องต้นได้รับรายงานจาก พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (รรท.ผบช.ภ.2) ซึ่งหลังจากเกิดเรื่องเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้เก็บรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดในที่เกิดเหตุ  ทั้งอาวุธปืน กระสุนปืน คราบเขม่าดินปืน รวมทั้งให้มีการดำเนินคดีกับผู้ที่อยู่ในบ้านทุกคน ทุกข้อหา ตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ ทั้งเรื่องร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พระราชบัญญัติอาวุธปืน นอกจากนี้ยังสั่งให้พิจารณาเอาผิดเรื่องของอั้งยี่ซ่องสุมโจรด้วย

ส่วนที่สังคมตั้งคำถามว่า ขนาดบุคคลที่มีชื่อเสียงหรือเป็นนักการเมืองท้องถิ่นยังโดนกระทำขนาดนี้ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จะมีวิธีการสร้างความเชื่อมั่นหรือความปลอดภัยให้กับชาวบ้านอย่างไรนั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐกล่าวว่า  อยากให้ย้อนกลับไปดูประวัติของผู้ก่อเหตุทั้งหมดก่อนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด หรือมีการขัดแย้งกันด้วยเรื่องส่วนตัวมาก่อนหรือไม่ ซึ่งหลังจากนี้ ตร.จะมีการป้องกันและปราบปรามการเกิดเหตุมากยิ่งขึ้น ซึ่งตำรวจมีข้อมูลของผู้มีอิทธิพลในแต่ละท้องที่อยู่แล้ว ขณะนี้ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. นำทีมตำรวจกองปราบฯ และหน่วยงานอื่นๆ ในสังกัดกองบัญชการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ลงพื้นที่ร่วมสนับสนุนการสืบสวนทางคดี เพื่อพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริง

 “ผู้เสียชีวิตเป็นอดีต สจ. ซึ่งเหตุเกิดภายในบ้านของนายก อบจ.ปราจีนบุรี ที่พักการปฏิบัติหน้าที่ คดีนี้เป็นเหตุอุกฉกรรจ์ ก่อเหตุโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย จึงจำเป็นต้องสั่งการให้ตำรวจกองปราบฯ ลงพื้นที่สนับสนุนพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริง และให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) เก็บรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุให้ครบถ้วน เราจะต้องตรวจสอบให้ครบทุกมิติ ทุกฐานความผิด รวมถึงกำชับให้สืบสวนสอบสวนเอาผิดอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะคนที่มีประวัติและเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดเมื่อคืน ยืนยันไม่ว่าจะเป็นใครที่เกี่ยวข้องก็ตาม เพื่อไม่ให้มีกลุ่มคนพวกนี้อยู่หลงเหลืออยู่ในสังคมไทยอีกต่อไป ไม่ว่าจะพื้นที่ไหนก็ตาม จะไม่ให้เกิดขึ้นอีกเด็ดขาด” ผบ.ตร.ระบุ

สำหรับผู้ก่อเหตุ ตอนนี้สื่อน่าจะทราบอยู่แล้วว่ามีการจับกุมตัวได้แล้วทั้งหมด 7 คน ประกอบด้วยนายก อบจ.และลูกน้อง ส่วนสาเหตุเชื่อว่าน่าจะเป็นเรื่องความขัดแย้งทางการเมืองท้องถิ่น แต่เพื่อความรอบคอบ ต้องตรวจสอบให้ครอบคลุมทุกมิติ เพื่อพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงว่ามูลเหตุแท้จริงคืออะไร ซึ่งจะมีการเรียกสอบปากคำนักการเมืองท้องถิ่นคนอื่นๆ หรือผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด แต่จากพยานหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุค่อนข้างชัดเจน สำหรับผู้ตายและกลุ่มผู้ก่อเหตุนั้น จากข้อมูลเดิมทราบว่าเป็นกลุ่มนักการเมืองท้องถิ่นด้วยกัน แต่ปัจจุบันจะแยกออกมาเป็นคนละกลุ่มหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างตรวจสอบ ขณะที่ข้อหาหลักๆ ตอนนี้จะเป็นเรื่องอาวุธปืน และร่วมฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ส่วนใครเป็นผู้ลงมือยิงคนตายนั้น รอผลตรวจคราบเขม่าดินปืน และพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ให้แน่ชัดก่อน

เมื่อถามว่า มีผู้บงการสั่งตายหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐตอบว่า อยู่ระหว่างการสอบสวน ซึ่งจะเร่งพิสูจน์ทราบให้ได้โดยเร็ว ขอให้พนักงานสอบสวนได้ทำงานก่อน แต่เบื้องต้นจะยื่นคัดค้านประกันตัว ทั้งนี้ เมื่อดูจากข้อมูลที่ได้รับ เชื่อว่าเป็นการยิงจากฝ่ายเดียว และยังไม่พบอาวุธปืนสงคราม พบเพียงปืนลูกซองกับปืนพก

ผบ.ตร.กล่าวถึงกรณีคลิปเสียงการโต้เถียงกันของผู้ตายกับนายก อบจ.ปราจีนบุรี ก่อนเกิดเหตุว่า อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ส่วนที่นายสุนทรอ้างว่าขึ้นไปนอนก่อนแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นลูกน้องเป็นคนลงมือยิงเองนั้น ตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เป็นสิทธิ์ของเจ้าตัวจะอ้างหรือพูดอะไรก็ได้ แต่ข้อเท็จจริงทางคดีขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน รวมทั้งไม่กังวลว่าจะมีการเตี๊ยมคำให้การกับกลุ่มลูกน้องหรือไม่ เพราะพยานหลักฐานจะทำให้ข้อเท็จจริงปรากฏ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนเกิดเหตุ สจ.โต้งเข้าไปในบ้านของกลุ่มผู้ก่อเหตุเพียงลำพัง หรือมีลูกน้องติดตามเข้าไปด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐกล่าวว่า ในส่วนนี้ขอไม่เปิดเผย แต่ยืนยันว่าจะทำคดีนี้อย่างตรงไปตรงมา ไม่มีประวิงเวลา หรือช่วยเหลือใคร ไม่มีเอนเอียงหรือช่วยเหลือผู้มีบารมีหรือคนที่เกี่ยวข้องใดๆ ส่วนเรื่องคลิปเสียงที่มีการพูดถึงเรื่องจ่ายเงินหัวคะแนนเลือกตั้ง และเรื่องที่มีการพูดว่าตำรวจในพื้นที่เป็นลูกน้องนั้น ต้องตรวจสอบละเอียดทั้งหมด ถ้าพบผิดเกี่ยวกับเรื่องเลือกตั้งต้องดำเนินคดีเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เช่นเดียวกันตำรวจหากพบรายใดเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดฐานใด จะต้องถูกดำเนินคดีด้วยทั้งหมด

ด้าน พ.ต.อ.ประสงค์ ศิริทิพย์วานิช รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรี เปิดเผยว่า ช่วงเกิดเหตุเวลา 19.30 น. วันที่ 11 ธ.ค. สจ.โต้งได้เดินทางไปบ้านที่เกิดเหตุ เข้าไปพูดคุยกับนายสุนทรระยะหนึ่ง จากนั้นได้ออกมาและกลับเข้าไปอีกครั้งจนเกิดมีปากเสียงกับกลุ่มผู้ก่อเหตุอย่างรุนแรง จากนั้นนายกอล์ฟและนายตูนใช้อาวุธปืน 2 กระบอก เป็นขนาด 9 มม.และปืนลูกซองยิง สจ.โต้งเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เมื่อเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งได้เข้าทำการปิดล้อม โดยตนได้ทำหน้าที่เจรจาต่อรองสื่อสารกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ จึงยอมวางอาวุธปืน ก่อนควบคุมตัวนายสุนทร พร้อมกับพวก 6 คน ในที่เกิดเหตุพบศพ สจ.โต้ง อยู่ที่บริเวณชั้น 1 จุดเริ่มยิงจากชั้น 2 และตกลงบันไดมา

ทั้งนี้ ได้แจ้งข้อหานายสุนทร พร้อมพวกรวม 7 คน ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเจ้าหน้าที่ได้คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงไปยุ่งกับพยานหลักฐาน เพราะเป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพล และพบอาวุธปืนในบ้านอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะควบคุมตัวที่โรงพักเป็นเวลา 48 ชั่วโมง และจะนำตัวส่งศาลจังหวัดปราจีนบุรีช่วงเช้าวันที่ 13 ธ.ค. สำหรับประเด็นการทำคดีเบื้องต้นกำหนดไว้กว้างๆ 3 ประเด็น 1.ทะเลาะกันมาแต่เดิม 2.การเลือกตั้งท้องถิ่นที่จะถึง 3.เหตุซึ่งหน้าอาจมีการขู่ทำร้ายกัน ณ ขณะนั้น จึงส่งผลคนร้ายก่อเหตุ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการเปิดคลิปเสียงสนทนาเดือด ในรายการ "เรื่องเล่าเช้านี้" ซึ่งเสียงคล้าย สจ.โต้ง คุยกับนาย ส. ในบ้านก่อนถูกยิง โดยมีการโต้เถียงกันถึงการลงแข่ง อบจ. ก่อนลามเรื่องประเด็นเงิน 20 ล้านบาท โดยประกาศว่าจะมาเหยียบบ้านนี้ครั้งสุดท้ายด้วย

ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ  น.ส.ณภาภัช อัญชสาณิชมน ว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.ปราจีนบุรี หรือ “จอย” (สจ.จอย) ภรรยา สจ.โต้ง พร้อมญาติ เดินทางมารับศพนายชัยเมศร์ โดยกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ทราบว่าสามีไปที่บ้านนายสุนทร แต่ไม่ทราบปมขัดแย้งเรื่องใด จากนั้นได้นำร่างของนายชัยเมศร์ไปบำเพ็ญกุศลที่วัดมะกอกสีมารามเมือง จ.ปราจีนบุรี

มีรายงานว่า ผลชันสูตรศพ สจ.โต้ง พบกระสุนปืนมากกว่า 10 นัด เจาะเข้าที่กะโหลก หน้าอก และบริเวณร่างกาย ในลักษณะถูกยิงระยะประชิด กระสุนปืนทำลายอวัยวะ เป็นเหตุให้เสียชีวิต

ทางด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงาน และตอนนี้คงไม่ใช่เวลาที่จะโทร.ไปหานางกนกวรรณ สมาชิกพรรคภูมิใจไทย รอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการสอบสวนตามกฎหมายก่อน อย่างไรก็ตาม เรื่องอาวุธปืนกระทรวงมหาดไทยเข้มงวดอยู่แล้ว ทั้งนี้ให้คำยืนยันได้ว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย ใครผิดว่าไปตามผิด ไม่มีการช่วยเหลือ ไม่มีการล็อบบี้ไม่ว่าใครจะเป็นพวกใครก็ตาม.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง