พิธาจี้อิ๊งค์แถลงผลงานในสภา

“นายกฯ อิ๊งค์” ตีปี๊บ 12 ธ.ค. แถลงผลงานรัฐบาล 3 เดือน “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง” ก่อนเปิดนโยบายเรือธงลุยปีหน้า "โฆษกเพื่อไทย" แจงสัมมนาประจวบฯ ระดมสมองแก้ปัญหาประชาชน เมินโดนร้อง "ทักษิณ" ร่วมวง เตรียมอัดคลิปพิสูจน์ไม่ครอบงำพรรค “พิธา” สะกิด "เท้ง" ตั้งกระทู้ถาม "แพทองธาร" ร่ายผลงานกลางสภาแทนทำเนียบฯ ซัดทำงานบกพร่อง จัดลำดับความสำคัญไม่เป็น โพลชี้ "มาตรการแจกเงิน" ของขวัญปีใหม่ที่คนไทยอยากได้สุด

เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม เวลา 09.00 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวและ X ว่า "2568 โอกาสไทย ทำได้จริง 2025 Empowering Thais : A Real Possibility จากผลงานที่เป็นรูปธรรม สู่อนาคตที่ทำได้จริง วันพฤหัสบดีที่ 12 ธันวาคมนี้ เวลา 10.00 น. ถ่ายทอดสดที่ช่อง NBT2HD และ Facebook Live: Live NBT2HD"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 12 ธ.ค. เวลา 10.00 น. น.ส.แพทองธารเป็นประธานการแถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาลรอบ 3 เดือน และมอบนโยบายการบริหารราชการแผ่นดิน ภายใต้ชื่อ "2568 โอกาสไทย ทำได้จริง" ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ ทั้งนี้ จะมีผู้เข้าร่วมงานประมาณ 500 คน ประกอบด้วย คณะรัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ข้าราชการฝ่ายการเมือง หัวหน้าส่วนราชการระดับกรมหรือเทียบเท่า ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  โฆษกกระทรวง หัวหน้ารัฐวิสาหกิจ ผู้บริหารองค์การมหาชน และสื่อมวลชน เข้าร่วมงาน

ขณะที่การแถลงผลงานจะเป็นช่วง 90 วัน ตั้งแต่ น.ส.แพทองธารเข้ารับตำแหน่งนายกฯ ในปี 67 รวมถึงกรอบการทำงานของรัฐบาลและโครงการที่เป็นเรือธงของรัฐบาลที่จะทำในปี 68 อาทิ โครงการเงินดิจิทัลที่จะเดินหน้าต่อในอนาคต กองทุนหมู่บ้าน การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและการยกระดับเศรษฐกิจ พร้อมพบปะมอบนโยบายการบริหารราชการแผ่นดินแก่ผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการส่วนต่างๆ 

ทางด้านนายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย แสดงความคิดเห็นถึงกรณีที่พรรคฝ่ายค้านอยากเห็น น.ส.แพทองธารมาตอบกระทู้ในสภาด้วยตัวเองว่า นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับสภาอยู่แล้ว เพียงแค่ต้องดูว่ากระทู้นั้นมีเรื่องอะไรบ้าง และติดภารกิจอะไรหรือไม่ หากนายกฯ ติดภารกิจตามรัฐธรรมนูญ สามารถที่จะมอบหมายให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องมาตอบกระทู้แทนได้ แต่เชื่อว่าหากนายกฯ ว่าง และเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องโดยตรงคงมาตอบเอง

โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวถึงการสัมมนาพรรคเพื่อไทย ระหว่างวันที่ 13-14 ธ.ค. ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ว่า วันที่ 13 ธ.ค. จะเป็นการพูดคุยกันถึงเรื่องนโยบาย ซึ่งจะมาระดมสมองกันว่าปัญหาของประชาชนที่ สส.ไปเจอมาจากการลงพื้นที่ช่วงปิดสมัยประชุมนั้นมีอะไรบ้าง โดยจะนำมาประมวลกันว่าจะสามารถเสนอกฎหมายอะไรเข้าสู่สภาได้บ้าง หรือจะทำเป็นนโยบายเร่งด่วนเพื่อให้ประชาชนสบายใจได้บ้าง รวมถึงจะมีการพูดคุยกันถึงร่างกฎหมายที่กำลังจะผ่านสภาว่ามีอะไรบ้าง

อิ๊งค์จ้อแบรนดิ้งเพื่อไทย

ส่วนวันที่ 14 ธ.ค. น.ส.แพทองธาร ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะมาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและพูดคุยกับผู้สัมมนาว่าจะแบรนดิ้งพรรคอย่างไรให้ทันสมัยและน่าสนใจมากขึ้น นอกจากนี้จะมีการพูดคุยเกี่ยวกับกฎหมายเลือกตั้ง ปัญหาของประชาชนมีอะไรบ้าง และจะทำอย่างไรเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างเร่งด่วน

เมื่อถามว่า มีการจับตาถึงงานสัมมนาครั้งนี้ เนื่องจากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปร่วมด้วย จะมีอะไรพิเศษหรือไม่ นายดนุพรกล่าวว่า บอกตามตรงว่าไม่ทราบว่านายทักษิณจะมาพูดอะไรกับ สส.บ้าง แต่คิดว่าน่าจะนำประสบการณ์ของท่านมาพูดคุยว่ามองการเมืองอย่างไร และควรจะทำอย่างไรในการสร้างดาวดวงใหม่ในสภา รวมถึงนำประสบการณ์ที่อยู่ต่างประเทศมาร่วมพูดคุยกับ สส.

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า หากนายทักษิณขึ้นพูดบนเวที กังวลหรือไม่ว่าอาจจะมีคนไปร้องในประเด็นครอบงำพรรคเพิ่มอีก โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า  มองว่าพรรคเพื่อไทยจะสามารถชี้แจงได้ เพราะทุกครั้งที่มีการจัดสัมมนา พรรคเพื่อไทยจะมีการบันทึกเสียง หรือบางครั้งมีการบันทึกเป็นวิดีโอไว้ด้วย หากถูกร้องจะนำคลิปเสียงหรือวิดีโอมาดูว่าเป็นการครอบงำหรือไม่ แต่เชื่อว่าการที่นายทักษิณมาพูดในฐานะนักวิชาการนั้น จะไม่เกี่ยวกับการครอบงำ

ขณะที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า การแถลงผลงานรัฐบาลในวันที่ 12 ธ.ค. เป็นวันเปิดสภาพอดี จึงอยากฝากพรรคประชาชนนำโดยนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ลองตั้งกระทู้ถามสดนายกรัฐมนตรีในวันนั้น โดยเฉพาะประเด็นสำคัญเกี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้าน MOU 44 พื้นที่ทับซ้อน ว้าแดง VAT 15% เป็นต้น ถือว่าเป็นการทำงานในระบบรัฐสภา นายกรัฐมนตรีมาตอบเองได้ จะได้ประหยัดค่าแถลงไปด้วย โดยใช้พื้นที่สภาไปเลย

 “แทนที่จะแถลงคนเดียว ไม่ได้มีโอกาสซักถาม จะได้ถาม เป็นการใช้พื้นที่สภาด้วย ขอฝากไปยังผู้นำฝ่ายค้านฯ และนายกรัฐมนตรี ว่าวันที่ 12 ธ.ค. สภาเปิดแล้ว ผมก็อาจจะเข้าไป เพราะเป็นที่ปรึกษาแบบไม่รับค่าตอบแทนของกรรมาธิการอยู่ 2-3 คณะ ก็จะได้ไปรับฟัง” นายพิธาระบุ

เมื่อถามว่า ผลงานของรัฐบาลจุดใดที่ยังเป็นข้อด้อยต้องปรับปรุงอยู่ นายพิธากล่าวว่า 3 เดือนที่ผ่านมากับ 3 เดือนที่เราจะเจอไม่เหมือนกัน ฤดูฝนกับฤดูฝุ่น พอเป็นฤดูฝน เหนือจรดใต้น้ำก็ท่วม พอท่วมแล้วต้องเข้าใจว่าไม่ได้กระทบแค่สิ่งแวดล้อม แต่กระทบด้านเศรษฐกิจด้วย พอน้ำลดความเดือดร้อนไม่ได้ลดตามไปด้วย ซึ่ง 3 เดือนข้างหน้าก็เป็นฤดูฝุ่น ท่องเที่ยวไม่ได้ มะเร็งปอดมากขึ้น เรื่องนี้รัฐบาลเท่านั้นที่แก้ปัญหาได้ ฝ่ายนิติบัญญัติคงแก้กฎหมาย ให้รัฐบาลมีฐานอำนาจในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ไม่เช่นนั้นจะเจอปัญหาซ้ำซาก 4-5 ปี คุยกันเรื่องเดิม 

ส่วนนโยบายเรือธงของรัฐบาลยังไม่สำเร็จ จะต้องเดินหน้าอย่างไรนั้น นายพิธากล่าวว่า เรื่องโอซีเอ กาสิโน แลนด์บริดจ์ ไม่ได้มีการหาเสียง หรือให้ประชาชนได้รับทราบก่อน แต่บางเรื่อง เช่น การขึ้นค่าแรง ปฏิรูปกองทัพ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมถึงดิจิทัลวอลเล็ต ยังไม่ถึงมือประชาชน กลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุ ผู้พิการ เนื่องจากยังไม่ได้ผูกพร้อมเพย์ แค่การแจกเงินยังมีปัญหา ที่หาเสียงไว้ก็ไม่ได้ทำ  ที่ทำก็ไม่ได้หาเสียง ซึ่งเชื่อว่าผู้นำฝ่ายค้านฯ ถามเรื่องนี้ได้ดี

3 เดือนรัฐบาลบกพร่อง

ผู้สื่อข่าวถามว่าบกพร่องหรือไม่ นายพิธายอมรับว่า เป็นเรื่องที่บกพร่องและจะต้องปรับปรุง ตนไม่ได้ติกันเพื่อทำร้ายทางการเมือง แต่ติเพื่อก่อ เตือนสติในฐานะที่เป็นพลเมืองคนหนึ่ง เป็นอดีตคู่แข่งเคยสัญญาอะไรไว้กับประชาชน ควรจะไปเร่งทำเรื่องพวกนั้น รวมถึงเรื่องความท้าทายใหม่ๆ เรื่องที่มีการพูดคุยไม่ได้ทำ ซึ่งเป็นเรื่องความบกพร่องของการจัดลำดับความสำคัญ อยากให้เรียงลำดับใหม่ เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง

 สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “คนไทยกับของขวัญปีใหม่จากรัฐบาล” กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 1,246 คน ระหว่างวันที่ 3-6 ธ.ค.2567 พบว่า กลุ่มตัวอย่างมีแผนเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ ร้อยละ 56.02 โดยเป็นแผนเที่ยวในประเทศ ร้อยละ 90.26 ต่างประเทศ ร้อยละ 9.74 จังหวัดที่อยากไปเที่ยวมากที่สุดคือ เชียงใหม่ ร้อยละ 56.83 รองลงมาคือ เชียงราย ร้อยละ 49.05 โดยคาดการณ์ว่าจะใช้จ่ายในช่วงปีใหม่ เฉลี่ยประมาณ 17,317.10 บาท/ต่อคน

จากที่รัฐบาลประกาศจะมอบของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน ของขวัญที่อยากได้มากที่สุดคือ  มาตรการแจกเงินกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวช่วงปีใหม่ ร้อยละ 59.95 รองลงมาคือ ช่วยสนับสนุนค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าพลังงานต่างๆ ร้อยละ 58.03 ทั้งนี้ แนวคิดในการ “มอบของขวัญให้ประชาชนช่วงปีใหม่จากรัฐบาล” มองว่าควรเป็นหน้าที่ที่จะต้องดำเนินงานของรัฐบาลอยู่แล้ว ร้อยละ 60.76 สุดท้ายปัญหาเร่งด่วนที่ประชาชนอยากให้รัฐบาลแก้ไขก่อนปีใหม่คือ ปัญหาค่าครองชีพ ร้อยละ 66.48

น.ส.พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า จากผลสำรวจชี้ให้เห็นว่าของขวัญปีใหม่ที่ประชาชนคาดหวังจากรัฐบาลคือมาตรการแจกเงิน สะท้อนภาระค่าครองชีพที่เป็นปัญหาหลักในปัจจุบัน ความต้องการของประชาชนไม่ได้เป็นเพียงความหวัง แต่เป็นสัญญาณที่สะท้อนถึงปัญหาโครงสร้างทางเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตในประเทศ รัฐบาลจึงควรใช้โอกาสช่วงปีใหม่พัฒนานโยบายเศรษฐกิจที่มีผลยั่งยืน เพื่อไม่ให้ “ของขวัญ” กลายเป็นเรื่องพิเศษ แต่กลับสะท้อนปัญหาพื้นฐานในสังคม

ผศ.อัญชลี รัตนะ อาจารย์ประจำหลักสูตรรัฐศาสตร์ โรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต อธิบายว่า ช่วงครึ่งหลังปี 2567 บริษัทเอกชนหลายแห่งพยายามยื้อธุรกิจด้วยการปรับลดขนาดองค์กรและพนักงาน บางรายไปต่อไม่ไหวถึงขั้นปิดตัวลง ผลกระทบขยายวงกว้างรวมถึงครอบครัวของพนักงาน ส่งผลให้บรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยช่วงปลายปีของประชาชนไม่คึกคักอย่างที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งมองว่าของขวัญปีใหม่จากรัฐบาลควรเป็นหน้าที่ที่จะต้องดำเนินงานในแง่ที่จะทำให้ประชาชน "มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี".

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ ลงพื้นที่จชต. ยันไม่สู้เรื่องความรุนแรง แต่ต้องไปแก้ปัญหาหลายด้าน

นายกฯ บอกอย่ามองเหตุไม่สงบ ก่อนลงพื้นที่จชต. เป็นสัญลักษณ์ถึงรัฐบาล ยันไม่สู้เรื่องความรุนแรง แต่ต้องไปแก้ปัญหาทุกเรื่อง ชี้ เราโตช้า พร้อมซัพพอร์ตทุกจว.ให้สงบ