ยึดอำนาจกองทัพ ‘หัวเขียง’ ยันหากรัฐบาลคุมทหารได้ไร้รัฐประหาร

"ประยุทธ์" เอา "หัวเขียง" เป็นประกัน หากร่างจัดระเบียบท็อปบูตประกาศใช้  ประเทศไทยจบแล้ว ไม่มีรัฐประหาร! ลั่นต้องยึดอำนาจกองทัพ ให้ ครม.มีส่วนทำคลอดโผทหาร  ย้ำ "ปลด" บิ๊กทหาร หากได้กลิ่นลากรถถังยึดทำเนียบฯ เพื่อให้เกิดการคานอำนาจกัน ลั่นไม่แคร์บิ๊กทหารไม่พอใจ "นันทิวัฒน์" ชี้เกราะป้องกันรัฐประหารที่ดีที่สุด อย่าโกงกิน เทิดทูนสถาบัน  

เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2567 นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย แกนนำ  สส.พรรคเพื่อไทย ในการเสนอร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงเหตุผลในการเสนอร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวเข้าสภาว่า   การที่ร่างดังกล่าวให้อำนาจคณะรัฐมนตรีมีอำนาจในการพิจารณาโผรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายระดับนายพล ก็เพื่อเป็นการป้องกันเหตุบางอย่าง รวมถึงเพื่อให้คนที่จะได้รับการแต่งตั้งเลื่อนขั้นสูงขึ้น มีความยากขึ้น ไม่ใช่อยากจะดันใครขึ้นก็ขึ้นได้ง่ายๆ

เขาบอกว่า แนวคิดนี้ไม่ใช่การดึงอำนาจจากกองทัพมาไว้ที่ ครม. แต่เพราะ ครม.ต้องรับผิดชอบทางกฎหมายในการบริหารราชการแผ่นดิน จึงต้องให้อำนาจคณะรัฐมนตรีในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายโผนายพลด้วย เพื่อรักษามาตรฐานการขึ้นสู่ตำแหน่งของทหาร ซึ่งแนวทางนี้ก็จะทำให้อำนาจของคณะกรรมการพิจารณาโผแต่งตั้งนายทหารระดับสูงลดน้อยลงไป แต่ข้อดีคือทำให้ ครม.มีส่วนร่วมในการพิจารณาตัดสินใจ เพราะคนขึ้นมาสูงระดับนี้ (ครม.) ต้องร่วมรับผิดชอบต่อบ้านเมือง

ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่การแต่งตั้งโยกย้ายระดับนายพลแต่ละปีมีจำนวนมากเป็นหลักร้อย แล้ว ครม.จะไปมีข้อมูลได้อย่างไรว่านายทหารคนไหนมีความเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม มีประวัติการทำงานอย่างไร แล้วจะไปเปลี่ยนแปลงแก้ไขบัญชีรายชื่อจากโผเดิมที่คณะกรรมการฯ ส่งเข้ามาให้  ครม. นายประยุทธ์ตอบว่า เรื่องนี้มันมีกระบวนการพิจารณากลั่นกรองอยู่ ไม่ใช่ ครม.จะไปล้วงลูกถึงกับจะเข้าไปจัดแจงโผที่ส่งมา มันคงไม่ใช่ ยืนยันว่าการให้ ครม.มีอำนาจในส่วนนี้ จะทำให้ทหารระดับนายพลแต่ละคนก็จะมีความใกล้ชิดกับฝ่ายบริหาร-ครม.มากขึ้น ทหารจะได้ร่วมรับผิดชอบบ้านเมืองร่วมกับ ครม.ด้วยเหมือนกัน

เมื่อถามถึงกรณีที่เขียนไว้ในร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหมว่า ห้ามมิให้ใช้กำลังทหารหรือข้าราชการทหารเพื่อกระทำการควบคุมอำนาจการบริหารราชการแผ่นดินจากรัฐบาล หรือเพื่อก่อการกบฏ หากพบว่านายทหารคนใดอาจมีพฤติการณ์ดังกล่าว ให้อำนาจนายกฯ-ครม.สั่งให้นายทหารคนดังกล่าวหยุดปฏิบัติหน้าที่ได้นั้น จะเป็นการกลั่นแกล้งทหารจากฝ่ายการเมืองได้หรือไม่ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า นายทหารคนใดจะมีพฤติกรรมเตรียมการยึดอำนาจ นายประยุทธ์แจงว่า ระบอบประชาธิปไตยในบ้านเราถอยหลังก็เพราะมีการทำรัฐประหารบ่อยครั้ง เป็นการบั่นทอนทำลาย ประเทศที่จะเดินหน้าไปตามระบอบ จึงต้องทำกลไกนี้ขึ้นมา เพื่อสร้างหลักการคานอำนาจ การทำงานระดับนี้ มันต้องมีข้อมูลข้อเท็จจริงประกอบกัน มีข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ ไม่ใช่อยู่ดีๆ  ไปกล่าวหาทหารเขา

ไม่สนทหารไม่พอใจ

“การเกิดรัฐประหารบ่อยครั้งมันทำให้เกิดการถอยหลัง และผมมั่นใจว่าหากมีการประกาศใช้ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ จะช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ได้เยอะ” นายประยุทธ์กล่าว

ซักว่า การเสนอร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว จะทำให้เกิดความไม่พอใจ ความหวาดระแวงขึ้นระหว่างกองทัพกับฝ่ายการเมืองหรือไม่ เพราะทหารอาจมองว่าฝ่ายการเมืองพยายามเข้ามาล้วงลูก เข้ามาริบอำนาจการทำโผทหาร นายประยุทธ์ชี้แจงว่า การตรากฎหมาย ไม่ใช่ทำขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนพอใจทั้งหมดและไม่พอใจทั้งหมด มันก็ต้องมีทั้งส่วนที่พอใจและไม่พอใจ แต่สุดท้ายต้องเคารพในเหตุผลกัน ส่วนจะเป็นไปได้มากน้อยเพียงใดก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ความหวังของเราในการเสนอตรงนี้ จาก 100 เปอร์เซ็นต์ อาจจะได้ทั้งหมด หรือ 70 เปอร์เซ็นต์, 50 เปอร์เซ็นต์ หรืออาจไม่ได้เลย ก็อีกเรื่องหนึ่ง

เมื่อถามย้ำว่า มั่นใจหรือไม่ว่าหากมีการผ่านร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ประเทศไทยจะไม่มีอีกแล้วการรัฐประหาร นายประยุทธ์กล่าวว่า "ผมมั่นใจมาก และเชื่อมั่นว่าจะเป็นอย่างนั้น ที่ผมเสนอร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหมฯ ดังกล่าวเข้าสภา มันคือความมั่นใจ  หากมีการประกาศใช้แล้ว มั่นใจสูงมาก ส่วนท่าทีของฝ่ายทหารต่อเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรนั้น   ต้องบอกว่าการออกกฎหมายไม่ใช่เรื่องความพอใจหรือไม่พอใจ เพราะหากคิดแต่ว่าเสนอร่างกฎหมายแล้ว จะมีคนไม่พอใจ คนพอใจ ก็คงทำงานตรงนี้ไม่ได้ (สส.) ผมก็ทำหน้าที่ของผม ตามอำนาจหน้าที่ของผมในการเสนอร่างกฎหมาย ส่วนใครจะพอใจไม่พอใจก็อีกเรื่องหนึ่ง"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเสนอร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงโหมของ สส.เพื่อไทยเข้าสภาครั้งนี้ เป็นการเสนอร่าง พ.ร.บ.เพื่อประกบกับร่าง พ.ร.บ.ที่มีเนื้อหา-หลักการลักษณะเดียวกันที่พรรคก้าวไกลหรือพรรคประชาชนในปัจจุบันเสนอเข้าสภา ที่ชื่อว่าร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่..) พ.ศ.....ที่เสนอเข้าสภาตั้งแต่ปี 2566 และมีความเป็นไปได้ที่อาจจะมีการพิจารณาวาระแรกขั้นรับหลักการ ในการประชุมสภาสมัยปัจจุบันที่จะเปิดสมัยประชุม 12 ธ.ค.เป็นต้นไป เป็นเวลา 4 เดือนเต็ม

อย่าโกงแก้รัฐประหาร

สำหรับร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหมของพรรคก้าวไกลเดิม หรือพรรคประชาชน พบว่าเสนอโดย เรืออากาศโทธนเดช เพ็งสุข สส.กทม. กับคณะ ผ่านกระบวนการรับฟังความเห็นมาแล้วตั้งแต่ปี 2566 ที่พบว่าร่างดังกล่าวก็มีเนื้อหาที่เขย่าวงการทหารหลายเรื่อง และมีการนำประเด็นไปถามความคิดเห็นประชาชนตอนรับฟังความคิดเห็นประชาชน ผ่านเว็บไซต์ของสภา

เช่น ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการแก้ไขเพิ่มเติมบทนิยามคำว่า “เจ้าหน้าที่ทางทหาร” โดยกำหนดคำนิยาม “เจ้าหน้าที่ทางทหาร” หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแต่งตั้งเพื่อปฏิบัติภารกิจตามพระราชบัญญัตินี้ โดยไม่ต้องผ่านความเห็นชอบของสภากลาโหม

หรือถามว่า เห็นด้วยหรือไม่กับการตัดตำแหน่งสมุหราชองครักษ์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์  ออกจากตำแหน่ง ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสามารถมอบอำนาจให้ทำหน้าที่แทนได้

เห็นด้วยหรือไม่กับการกำหนดให้นำระบบคุณธรรมด้วยการคัดเลือกผู้มีคุณสมบัติตามมาตรฐานกำหนดตำแหน่ง มาใช้ในการบริหารจัดการกำลังพลของกระทรวงกลาโหม การพิจารณาแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพลของสำนักงานปลัดกระทรวงและส่วนราชการในกองทัพไทย เป็นต้น

นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง "หักคอเสือ" โดยเตือนว่า อย่ากระตุกหนวดเสือ ถ้าไม่อยากถูกขม้ำ เวลามีอำนาจนักการเมืองมักลืมตัว คิดว่ามีอำนาจทำอะไรก็ได้ กฎระเบียบคืออุปสรรคในการใช้อำนาจ กฎหมายชัดเจนอยู่แล้ว ห้ามล้วงลูก ปรับย้ายข้าราชการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าราชการทหาร รัฐบาลบริหารประเทศให้ดีเถอะ บริหารล้มเหลวก็แย่พอแล้ว อย่าโกงกินอีก

ทหารมีวินัยทหาร อาวุโส รู้ว่าใครเป็นใคร ใครมีลักษณะผู้นำ ใครเก่ง ใครนำกองทัพได้ นักการเมืองอย่าล้วงลูกกองทัพเลย เกราะป้องกันรัฐประหารที่ดีที่สุด อย่าโกงกิน เทิดทูนสถาบัน

การแต่งตั้งคนของตัวเองให้เป็นใหญ่ ข้าราชการที่วิ่งเข้าหารับใช้นักการเมือง ข้าราชการด้วยกันดูออกและดูถูก แถมไม่ยอมรับ ไม่ได้ใจข้าราชการทหารมีสภากลาโหมในการควบคุมดูแล เชื่อเถอะ อย่ากระตุกหนวดเสือ ถ้าไม่อยากถูกขม้ำ.