ค้าน ‘VAT’15% ‘พิธา’ สอน ‘อิ๊งค์’ ต้องปฏิรูปภาษี

"พิธา" แนะรัฐบาลปฏิรูปภาษีทั้งระบบ ดีกว่าเจาะจงที่แวต ถามตัวเลข 15% มาจากไหนไม่เข้าใจ ด้านประธานหอการค้าขอนแก่นระบุการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มควรขึ้นไม่เกิน  10% เพื่อลดผลกระทบกับค่าครองชีพ

เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2567 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงดรามาประเด็นการขึ้นภาษีแวต  15% ว่า ภาษีในประเทศมีทั้งภาษีทางตรงและภาษีทางอ้อม ทั้งนิติบุคคล บริษัท ส่วนตัว รวมไปถึงภาษีที่ดิน สรรพสามิต ศุลกากร และอีกมากมาย ทำไมต้องมาเจาะจงที่แวต ตนสนับสนุนให้มีการปฏิรูปภาษีทั้งระบบ ซึ่งต้องอธิบายให้ชัดเจนว่าบริหารจัดการให้เพียงพอต่อทั้งประเทศ  และต้องเป็นธรรมอย่างไร

"พอรัฐบาลบอกว่า 15 : 15 : 15 คนที่ไม่เคยเสียภาษีในระดับ 15% ต้องมาเสีย 15% บริษัทนิติบุคคลที่เคยเสียภาษี 30% ก็ได้ลดสิ ใช่หรือไม่  เวลาหาเสียงขึ้นเวทีที่ไหนผมไม่เคยได้ยินว่าให้เสียแวตเกิน 9% นะ เท่าที่ผมจำได้ มีแต่ขึ้นทีละนิด เพื่อไม่ให้ลำบากประชาชนมากขึ้น พอไม่พูดทั้งระบบ แล้วมาเจาะจงที่แวต มันทำให้ผิดบริบทไป เพราะฉะนั้นผมเห็นด้วยกับการปฏิรูปภาษีทั้งระบบทุกตัว ถ้าพูดทั้งระบบ แล้วมาอธิบายทีละอัน ผมคิดว่าก็จะไม่ได้รับการต่อต้าน” นายพิธากล่าว

นายพิธากล่าวต่อว่า อยู่ดีๆ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็โพล่งมาที่แวต 15% แล้ววันต่อมาก็เป็น 15 : 15 : 15 ก็เลยทำให้ไม่ได้รับการตอบรับ จึงอยากฝากไปถึงนายพิชัย และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าการปฏิรูปภาษีทั้งหมดต้องมองทั้งระบบ อย่าเจาะจงที่อันใดอันหนึ่ง ซึ่งจะทำให้ประชาชนสับสนและไม่ได้รับการยอมรับ

เมื่อถามว่า ตัวเลข 15% เป็นการโยนหินถามทางหรือไม่ เขาตอบว่า เท่าที่ฟัง นายพิชัยบอกว่าทั่วโลกเขาเก็บกัน 15-25% คิดว่านายพิชัยน่าจะดูค่าเฉลี่ยโลกโดยที่ไม่ได้ดูบริบทประเทศไทยหรือไม่ ขอให้โอกาสนายพิชัยได้อธิบายว่าทำไมต้อง 15%

“ตอนที่เป็นแคนดิเดตนายกฯ กัน เคยพูดเรื่องปฏิรูปภาษี เรื่องแวต หรือแม้กระทั่งการอภิปรายในสภาที่มีงบประมาณ เคยมีการพูดกันถึง 9% แต่ว่า 15% ตัวเลขมาจากไหนผมก็ไม่เข้าใจ ต้องฝากถามด้วยว่าตัวเลข 15% มาจากไหน”

เมื่อถามว่า การเสนอลักษณะนี้บ่งบอกได้หรือไม่ว่ารัฐบาลถังแตก นายพิธาตอบว่า บ่งบอกอะไรไม่ได้เลย เพราะมันไม่รู้บริบท อยู่ดีๆ ก็โพล่งมา ถามตนไม่ได้ ต้องถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถามนายกรัฐมนตรี ถามรัฐบาลว่าทำไมอยู่ดีๆ ต้องขึ้น ทำไมต้องขึ้น 15% แล้วภาษีตัวอื่นทั้งทางตรงและทางอ้อมจะทำอย่างไรต่อ

ด้านนายชาญณรงค์ บุริสตระกูล ประธานหอการค้า จ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า ส่วนตัวมองว่าเป็นแค่แนวความคิดของรัฐบาลที่ต้องการหาเงินเข้าคลัง หลังจากที่รัฐบาลต้องใช้เงินในการช่วยเหลือประชาชน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาน้ำท่วมหรือเงินสวัสดิการ เพราะจะต้องมีอีกหลายขั้นตอน จึงจะสรุปได้ว่าจะมีการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่

"ก่อนหน้านี้ตั้งแต่ปี 2540 เคยมีแนวคิดในการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 10% มาแล้ว หากเลือกได้ผมเองอยากให้ภาครัฐปรับตัว ใช้มาตรการกลไกภาษีต่างๆ ก็จะทำให้ประเทศมีขีดความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้น อะไรที่ไม่จำเป็น   อะไรที่สูญเปล่าก็ช่วยกันลด พร้อมกับหาธุรกิจอุตสาหกรรมประเภทใหม่ๆ มูลค่าสูง หรือ New S-Curve ก็จะทำให้การจัดเก็บรายได้มากขึ้น ส่วนรายได้จากการท่องเที่ยวก็จะต้องเป็นท่องเที่ยวมูลค่าสูง ที่ดูแลใส่ใจคุณภาพสิ่งแวดล้อม ใส่ใจสุขภาพ จะทำให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน และจะทำใประเทศได้พัฒนาขึ้นไปได้ เพราะตอนนี้งบประมาณส่วนใหญ่นำไปลงทุนในการก่อสร้างการคมนาคม แต่ยังไม่ได้มาส่งเสริมเรื่องอุตสาหกรรมใหม่มูลค่าสูง จึงทำให้มีแต่ตัวเลขรายจ่ายมากกว่ารายได้"

นายชาญณรงค์กล่าวต่ออีกว่า ในการใช้จ่ายของภาครัฐ เมื่อเก็บภาษีไปแล้วแต่นำไปใช้ในการพัฒนาประเทศช้า ทำให้เงินค้างในคงคลัง เงินไม่สามารถที่จะกระจายลงมาหมุนเวียนเศรษฐกิจจนนำไปสู่การนำเงินไปใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น ส่วนการที่จะปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม 15 % นั้น ภาวะเศรษฐกิจตอนนี้ค่อนข้างเปราะบาง ดูจากตัวเลขยังไม่โตขึ้น จากคุยกันตัวเลขการเติบโตจาก 9% ตอนนี้ลดลงมาเหลือ 2% รายได้ของประชาชนยังไม่เพิ่ม สินค้าก็ยังแพง หากจะเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มควรที่จะเก็บ 10% เท่านั้น 

ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวว่า ขณะนี้เศรษฐกิจไทยกำลังพินาศย่อยยับ แต่รัฐบาลต้องการเงินเพิ่มอีก 2.5 ล้านล้านบาทมาใช้จ่ายการแจกเงินแบบประชานิยม แต่มาเพิ่มการเก็บภาษีแวต ทำให้คนชั้นกลางลงมาชั้นล่างได้ผลกระทบสูงสุด แล้วยังจะลดภาษีนิติบุคคลให้คนรวยไม่ต้องเดือดร้อนอีก จึงสะท้อนถึงปัญหาการทำงานแก้เศรษฐกิจที่โฆษณาเป็นจุดเด่นทางการเมือง

อีกอย่างเศรษฐกิจล้มระเนระนาด โรงงานทยอยปิด ส่วนที่เหลือมีสภาพปางตาย ให้คนงานทำงานน้อยลงเพื่ออยู่เฝ้าโรงงานไว้ จึงเป็นความสาหัสทางเศรษฐกิจ เมื่อรัฐบาลขึ้นค่าแรงแบบพุ่งพรวดมาซ้ำเติมอีก เศรษฐยิ่งย่ำแย่หนักไปอีกหลายเท่า

เมื่ออดีตพรรคเพื่อไทยมีประวัติสวยหรูกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ แล้ววันนี้ได้แก้ปัญหาอะไรสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมหรือเปล่า รัฐบาลอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร กลับโยนหินถามทางในแต่ละเรื่อง ไม่ได้เป็นคุณอะไรต่อประชาชนเลย  กรณีแวต อ้างอยู่ระหว่างการศึกษา ทั้งที่สภาพบ้านเมืองอยู่ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจ แทนที่จะลดค่าใช้จ่ายให้ประชาชน แต่จะขึ้นแวตซ้ำเติมคนจนต้องเดือดร้อน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง