คลังเผยเศรษฐกิจไทยเดือน ต.ค.67 ยังฉลุย รับอานิสงส์ส่งออกโตพรวด 14.6% ท่องเที่ยวยังขยายตัวต่อเนื่อง ฟุ้งโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐช่วยกระทุ้งเชื่อมั่นผู้บริโภคขยับเพิ่ม เร่งจ่ายเงิน 10,000 บาท รอบตกค้างครั้งสุดท้ายอีก 7.54 หมื่นราย ขีดเส้นไม่เกิน 19 ธ.ค.นี้ รองโฆษกรัฐบาลระบุค่าไฟ 4.15 บาท ต่ำกว่าข้อเสนอของ กกพ.ถึง 1.34 บาท ย้ำ “พีระพันธุ์” ต่อรองเต็มที่ เพื่อเป็นของขวัญจากรัฐบาลและ ก.พลังงาน
เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยถึงสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในเดือน ต.ค.2567 ว่า เศรษฐกิจไทยยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวในระดับสูง โดยมูลค่าการส่งออกสินค้ารวมในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ อยู่ที่ 27,222.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 14.6% ตามการขยายตัวของสินค้าในหมวดเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ สินค้ายางพารา อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป อาหารสัตว์เลี้ยง และข้าว โดยตลาดคู่ค้าหลักของไทยที่ยังปรับตัวเพิ่มขึ้น อาทิ ตลาดอินโดจีน สหภาพยุโรป สหรัฐ และจีน
นอกจากนี้ ภาคการท่องเที่ยวยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยรวม 2.68 ล้านคน คิดเป็นอัตราการขยายตัวต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 21.9% ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากจีน มาเลเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ และรัสเซีย เช่นเดียวกับการท่องเที่ยวภายในประเทศ ที่มีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย ในเดือน ก.ย.2567 จำนวน 21.8 ล้านคน ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 5.2% ส่วนการบริโภคภาคเอกชนมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ในเดือน ต.ค.2567 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 56.0 จากระดับ 55.3 ในเดือนก่อน เนื่องจากได้รับปัจจัยสนับสนุนจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ, ภาคการท่องเที่ยว ขยายตัวต่อเนื่อง และราคาสินค้าเกษตรหลายรายการปรับตัวดีขึ้น สอดคล้องกับรายได้เกษตรกรที่แท้จริงเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 4.2%
สำหรับการลงทุนภาคเอกชน มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า สะท้อนจากปริมาณการนำเข้าสินค้าทุน ที่เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 21.2% ขณะที่ภาคการเกษตร สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกรรม ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -2.9% ตามการลดลงในหมวดพืชผลสำคัญ อาทิ ข้าว ยางพารา และปาล์มน้ำมัน เป็นต้น ส่วนภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -0.9% ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน ต.ค.2567 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 89.1 จากระดับ 87.1 ในเดือนก่อนหน้า โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากสถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่เริ่มคลี่คลาย, โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ, ภาคการท่องเที่ยว ขยายตัวต่อเนื่อง และภาคการส่งออกขยายตัวต่อเนื่องตามการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์ในตลาดโลก
อย่างไรก็ดี ในส่วนเสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือน ต.ค.2567 อยู่ที่ 0.83% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.77% ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือน ก.ย.2567 อยู่ที่ 63.3% ต่อจีดีพี ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 สำหรับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือน ต.ค.2567 ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 238.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ ยังคงต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกประเทศ ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างใกล้ชิดต่อไป
นายพรชัยยังเปิดเผยความคืบหน้าการจ่ายเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ ซึ่งมีผู้มีสิทธิ์ได้รับเงิน 10,000 บาท ตามโครงการรวมประมาณ 14.55 ล้านคน ว่ากระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลางได้ทำการจ่ายเงินในโครงการมาอย่างต่อเนื่อง และจะมีการจ่ายเงินในรอบการจ่ายซ้ำ (Retry) ครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นการจ่ายเงินครั้งสุดท้าย ในวันที่ 19 ธ.ค.2567 โดยเมื่อพ้นวันดังกล่าว จะยุติการจ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมาย และถือว่ากลุ่มเป้าหมายไม่ประสงค์รับเงินภายใต้โครงการ
อย่างไรก็ดี จากข้อมูลเมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2567 พบว่า มีผู้ได้รับเงินแล้ว 14,437,625 ราย และยังมีผู้มีสิทธิ์ที่ยังมีปัญหา 3 กลุ่ม รวมจำนวน 75,415 ราย
น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) วันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 ทางจังหวัดเชียงใหม่ได้เตรียมมอบเสื้อให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ได้สวมใส่ ซึ่งเป็นเสื้อผ้าฝ้ายทอมือย้อมสีธรรมชาติด้วยครั่ง ย้อมออกมาเป็นสีชมพูบานเย็น เป็นสีประจำมณฑลพายัพ บนเสื้อมีการปักลายพระราชทาน “ลายสิริวชิราภรณ์” และ “ลายดอกรักราชกัญญา” เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี มีลายหงส์ในโคม ซึ่งเป็นอัตลักษณ์ของจังหวัดเชียงใหม่ ทำการทอและย้อมโดยผู้ผลิตผู้ประกอบการ OTOP 5 ดาวกลุ่มอาชีพผ้าฝ้ายอำพัน อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า จากกรณีที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ออกมาเปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานประกาศลดค่าไฟฟ้างวด ม.ค.-เม.ย.2568 จากค่าไฟฟ้าเฉลี่ยในงวดปัจจุบัน (ก.ย.-ธ.ค.2567) ซึ่งอยู่ที่ 4.18 บาท/หน่วย ลงอีก 3 สตางค์/หน่วย หรือค่าไฟฟ้าจะลดลงเหลือ 4.15 บาท/หน่วย มีผลตั้งแต่เดือน ม.ค.-เม.ย.2568 เพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพและเป็นของขวัญปีใหม่ 2568 ให้กับพี่น้องชาวไทยทุกคน จากกรณีดังกล่าว เกิดข้อถกเถียงว่ากระทรวงพลังงาน “ลดค่าไฟเพียงแค่ 3 สตางค์” นั้น ขอชี้แจงว่าคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้เสนอ 3 ทางเลือกให้กระทรวงพลังงานพิจารณา ดังนี้ 1.ค่าไฟ 5.49 บาท/หน่วย 2.ค่าไฟ 5.26 บาท/หน่วย และ 3.ค่าไฟ 4.18 บาท/หน่วย โดยแต่ละกรณีจะมีเงินไปให้ กฟผ.ชำระหนี้ได้ในระดับที่แตกต่างกันไป ซึ่งกระทรวงพลังงานโดยนายพีระพันธุ์ได้เสนอขอให้ กกพ.พิจารณาทบทวนค่าไฟให้เหลือ 4.15 บาท/หน่วย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน และทาง กกพ.ก็มีมติเห็นชอบตามที่นายพีระพันธุ์เสนอ
“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ กกพ., กฟผ., ปตท. และกระทรวงพลังงาน เห็นพ้องต้องกันในการช่วยลดภาระและบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะนายพีระพันธุ์ ได้พยายามอย่างเต็มที่ในการลดค่าไฟฟ้าลงให้ต่ำที่สุด ซึ่งจะเห็นได้ว่าค่าไฟฟ้าที่ตามมติเห็นชอบล่าสุดของ กกพ. เป็นมติค่าไฟฟ้าที่ต่ำที่สุดจากข้อเสนอ 3 ทางเลือกของ กกพ. ซึ่งหากบ้านไหนใช้ไฟเดือนละ 1,000 หน่วย ถ้ายึดตามข้อเสนอข้อที่ 1 ของ กกพ. (ค่าไฟ 5.49 บาท/หน่วย) ต้องจ่ายค่าไฟฟ้า 5,490 บาท แต่ตามข้อเสนอของกระทรวงพลังงาน (ค่าไฟ 4.15 บาท/หน่วย) จะจ่ายค่าไฟฟ้าเพียง 4,150 บาทเท่านั้น ซึ่งมีส่วนต่างถึง 1,340 บาทเลยทีเดียว” น.ส.ศศิกานต์ระบุ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ตั้งJTCม็อบสุกงอม ฝ่ายค้านจับตากก.ต้องเป็นกลาง/พท.แบะท่าขอคุยกลุ่มสนธิ
"แกนนำเพื่อไทย" ปากเริ่มสั่น แบะท่าขอพูดคุยกับ "กลุ่มสนธิ" หลังประกาศไปทำเนียบฯ 9 ธ.ค.
‘สามารถ’อิดโรย! เข้ารพ.ราชทัณฑ์ ยื่นขอประกันซํ้า
ศาลอาญาไม่ให้ประกัน "เมียกับลูกหมอบุญ" ชี้การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น
ชงปปช.ฟันฮุบเขากระโดง ไล่ที่ปชช.ผุดสนามกอล์ฟ
"กมธ.ทหาร" เดินหน้าสอบค่ายทหาร สร้างผิดจุดหรือโดนเวทมนตร์ดำ
50อำเภอใต้อ่วมฝนตกหนักอีก
กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือน 8 จว.ภาคใต้ ระวังฝนตกหนักถึง 30 พ.ย.