‘ราชทัณฑ์’เมิน สามารถอดข้าว ให้ประกัน‘ดาว’

“สามารถ” เครียดนอกคุกคืนแรก  ประกาศอดข้าวประท้วงจนกว่าได้ประกัน  ราชทัณฑ์ไฟเขียวชี้่เป็นสิทธิผู้ต้องหา หนึ่งในทีมทนายหนาวแน่ ตร.จ่อขยายผลเอาผิด ด้าน “แทนคุณ” แฉอีกเหยื่อล็อต 2 คดีหมอบุญกว่า 500​ ราย​ ส่วนใหญ่ผู้สูงอายุสูญอื้อ 2.5 หมื่นล้าน   ศาลอาญาให้ประกัน "พี่เมียทนายตั้ม" วงเงิน 1  ล้านบาท ห้ามออกนอกประเทศ

เมื่อวันพุธ นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ รองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยหลังจากที่ศาลอาญาให้ฝากขังนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ผู้ต้องหาในความผิดร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน    และไม่ให้ประกันตัวจึงถูกส่งฝากขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครว่า เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครรับตัวนายสามารถเข้าเรือนจำเมื่อวานนี้  (26 พ.ย.) เวลาประมาณ 19.00 น. จากการตรวจร่างกายเบื้องต้นพบว่ามีอาการป่วยด้วยโรคประจำตัว ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้  จึงได้ให้แพทย์ดำเนินการรักษาจ่ายยาให้เบื้องต้นและตรวจอาการอีกครั้งเช้านี้

 “ทั้งนี้ คืนแรกในเรือนจำ นายสามารถมีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย พยาบาลรับตัวไว้ที่สถานพยาบาล โดยเช้านี้อาการทั่วไปปกติ รอพบแพทย์ประเมินอาการ ยังไม่ร้องขออะไรเป็นพิเศษ” นางกนกวรรณระบุ 

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงกรณีนางวิลาวัลย์ พุทธสัมฤทธิ์ มารดาของนายสามารถระบุว่าลูกชายประสงค์จะอดอาหารในระหว่างต่อสู้คดี   นางกนกวรรณระบุว่า หากผู้ต้องขังประสงค์ที่จะอดอาหาร ก็ถือเป็นสิทธิของผู้ต้องขัง แต่ขั้นตอนของกรมราชทัณฑ์ จะต้องให้ผู้ต้องขังที่ประสงค์อดอาหารเซ็นเอกสารใบรับรองยืนยันว่าจะอดอาหารจริง และอนุญาตให้แพทย์เข้ามาตรวจอาการเพื่อความปลอดภัยของร่างกายทุกวัน   รวมทั้งจะพูดคุยถึงเหตุผลของการอดอาหาร พยายามพูดคุยในเรื่องดังกล่าว เพื่อให้เห็นถึงข้อดีและข้อเสีย แต่ก็ต้องเคารพในสิทธิการตัดสินใจของผู้ต้องขังรายนั้น ยืนยันมาตรการคุมขังเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิด ป้องกันเหตุที่อาจมีคู่กรณี

พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณีที่นางวิลาวัลย์ มารดาของนายสามารถ ได้ยื่นกระดาษบันทึกแจ้งคำสั่งไม่ให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยด้านหลังเขียนด้วยลายมือตัวเองขอความเป็นธรรม 8 ข้อ  ให้ผู้สื่อข่าวตรงทางลงบันไดอาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระหว่างถูกพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ควบคุมตัวส่งฝากขังศาลอาญารัชดาฯ ว่า เจ้าตัวก็ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ และบอกว่าตนเองไม่ได้กระทำผิด ในช่วงสอบสวนก็เปิดโอกาสให้แก้ข้อกล่าวหา และแสดงข้อเท็จจริง หรืออยากจะถามประเด็นใดก็เปิดโอกาสให้เต็มที่แล้ว

 “แต่การไปยื่นกระดาษให้นักข่าวในขณะควบคุมตัวส่งศาล ดีเอสไอก็ไม่ได้มีการห้ามหรือไปบังคับติดต่อพูดคุยกับใคร เพราะตามรัฐธรรมนูญก็ยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์ เพียงควบคุมดูแลให้ได้รับความปลอดภัยตามขั้นตอนกฎหมาย และจากพิจารณาก็ไม่มีความผิดหรือข้อห้ามใดๆ” พ.ต.ต.ยุทธนาระบุ 

ส่วนนายสามารถ จะชี้แจงเป็นเอกสารแก้ข้อกล่าวหาเป็นลายลักษณ์อักษรภายใน 15 วัน ให้ยื่นผ่านทนายความส่งมายังพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งข้อหาร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน มีอำนาจฝากขังทั้งหมด 7 ผัด รวม 84 วัน อย่างไรก็ตาม การแจ้งข้อกล่าวหาบอสพอลเพิ่มเติมยังต้องประชุมพิจารณาวันแจ้งข้อหาอีกครั้ง

พ.ต.ต.ยุทธนากล่าวด้วยว่า สำหรับใบบันทึกแจ้งคำสั่งไม่ให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยด้านหลังเขียนด้วยลายมือตัวเองขอความเป็นธรรม 8 ข้อ ระบุว่า "1.เรื่องเกิดปี 64 ตอนนั้นดิไอคอนกรุ๊ปยังไม่มีปัญหาธุรกิจ เงินที่ได้มา ทำบุญกับกู้ยืม พอลก็ได้เซ็นชื่อไว้เป็นหลักฐานว่าได้คืนหมดแล้ว ได้ทำหนังสือออกมาให้แล้ว 2.ใครคือผู้เสียหาย 3.จะฟอกเงินได้อย่างไร 4.ไม่ได้รับความเป็นธรรม โดนกลั่นแกล้ง 5.ไม่มีส่วนรู้เห็นในธุรกิจดิไอคอน เพราะไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยว 6.จะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานได้อย่างไร 7.จะขอต่อสู้เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรม จนกว่าชีวิตจะหาไม่ 8.ถ้าต้องโทษจนถึงตายก็ถือว่าประเทศไทยไม่มีความยุติธรรม

มีรายงานข่าวว่า ในการเข้าค้นบ้านพักนายสามารถเมื่อวันที่ 25 พ.ย. ที่หมู่บ้านหรูย่านตลิ่งชัน ตามหมายค้น เจ้าหน้าที่ได้พบหลักฐานมีการเตรียมทำเอกสารปลอมเกี่ยวกับการทำบุญและกู้ยืม ระหว่างผู้ต้องหาคดีดิไอคอนกับนายสามารถและแม่ ในจำนวนเงินรวมๆ ประมาณ 2.5 ล้านบาท ซึ่งเป็นวงเงินใกล้เคียงกับที่ตรวจพบว่าผู้ต้องหาดิไอคอนโอนเข้าบัญชีแม่นายสามารถ โดยมีหนึ่งในทีมทนายความของผู้ต้องหาเป็นผู้จัดทำให้ ซึ่งพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างขยายผลเพื่อเอาผิดทนายความรายดังกล่าว

ทางด้าน ว่าที่ ร.ต.นฤพล เรืองสังข์ ทนายความของนายสามารถ เปิดเผยภายหลังเข้าเยี่ยมนายสามารถที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครว่า นายสามารถยืนยันจะอดน้ำอดอาหารจนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม หรือได้รับการประกันตัว โดยนายสามารถได้อดอาหารเมื่อ 3 วันก่อน ตั้งแต่ทราบว่าถูกออกหมายจับและถูกตำรวจรวบตัวได้ที่ จ.เชียงราย ซึ่งจากการเข้าไปเยี่ยมนายสามารถ พบว่านายสามารถมีอาการปากซีดและเครียด แต่ยังคงพูดได้และตั้งใจที่จะต่อสู้คดีต่อไป โดยมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ดูแลอย่างใกล้ชิด แม้ตัวนายสามารถจะมีโรคประจำตัวคือโรคตับอ่อนและความดัน ซึ่งพยายามบอกนายสามารถว่าขอให้กินน้ำกินอาหาร อย่าทำแบบนี้ แต่นายสามารถบอกว่ารักความยุติธรรม หากจะเสียในชีวิตในเรือนจำก็เป็นการเสียชีวิตเพื่ออุทิศให้แก่ความยุติธรรมของประเทศไทย และมองว่าข้อกล่าวหาฟอกเงินดีเอสไอยังไม่สรุป  ไม่เคยถูกหมายเรียกชี้แจง แต่กลับถูกแจ้งข้อหา

ส่วนประเด็นที่มีการพูดคุยกันส่วนใหญ่เป็นเรื่องแนวทางการยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งไม่ให้ประกันตัวของศาลอาญา ซึ่งได้ดำเนินการในส่วนคำร้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหลือแต่ในส่วนของนายสามารถที่จะเขียนเหตุผลแนบท้ายคำร้อง เพื่อไปยื่นอุทธรณ์ที่ศาลในวันที่ 28 พ.ย. และจะทำคำให้การเป็นหนังสือส่งดีเอสไอใน 30 วัน
ว่าที่ ร.ต.นฤพลกล่าวถึงเส้นทางเงินที่ดีเอสไอดำเนินคดีว่า คือก้อน 2.5 ล้านบาท ไม่มีเรื่อง 100 ล้านบาท แม่ของนายสามารถเป็นคนยืมเงินบอสพอล บางส่วนโอนเป็นเงินสด บางส่วนแม่ให้นายสามารถเอง ยืนยันเงิน 2.5 ล้าน เป็นการทยอยโอนแต่ละครั้ง ที่มีการทำบุญหรือยืมกัน ดีเอสไอแจ้งมีเส้นเงิน 27 เส้น ประมาณ 1.7 ล้านบาท ที่แม่โอนให้นายสามารถ ซึ่งเรามีหลักฐานใบอนุโมทนาบัตรและเอกสารยืมเงินเพื่อชี้แจง

ที่รัฐสภา นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม กล่าวถึงความคืบหน้า​กรณีนายแพทย์​บุญ วนาสิน ผู้ก่อตั้งบริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด​ ในคดีฉ้อโกง​ หลอกให้ลงทุน ว่าขณะนี้ผู้เสียหายยังแจ้งความไม่หมด ซึ่งเป็นผู้เสียหายล็อตเก่าที่ปล่อยกู้และออกเช็ค สัญญาต่างๆ แต่ปรากฏว่าเช็คเด้ง จึงมีการไปแจ้งความทั้งหมด 247 ราย ส่วนกลุ่มผู้เสียหายกลุ่มใหม่ จะเป็นผู้สูงอายุ หลักลงทุนสูงสุด 3,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นสามีภรรยาคู่ มีอายุมาก ซึ่งตนเองได้ติดต่อประสานงานไป แต่พบว่าผู้เสียหายดังกล่าวป่วยหนักจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล​ ซึ่งมูลค่าความเสียหายทั้งหมดของกลุ่มผู้สูงอายุ ประมาณ 25,000 ล้านบาท

เมื่อถามว่า ผู้เสียหายโดยเฉพาะข้อมูลที่มีความเสียหาย 3,000 ล้านบาท พร้อมจะให้ข้อมูลหรือไม่ นายแทนคุณระบุว่า เท่าที่ถามดูไม่ค่อยมีใครอยากให้ข้อมูล เพราะถูกข่มขู่จากโบรกเกอร์ โดยได้รับข้อมูลจากผู้เสียหายรายหนึ่งที่เสียหายกว่าร้อยล้านบาท ถูกขู่ว่าหากใครเปิดเผยข้อมูลและเปิดตัวเชื่อมโยงถึงโบรกเกอร์ จะแจ้งให้กรมสรรพากรตรวจสอบภาษีย้อนหลัง ทำให้เกิดปัญหากับบรรดาผู้เสียหาย ซึ่งปัจจุบันเหลือทรัพย์สินน้อยมาก จึงไม่อยากออกสื่อฯ แทบทุกราย​

 “กลุ่มผู้ลงทุนเข้าใจว่าเป็นเรื่องการลงหุ้น มีบริษัทเก่าของโรงพยาบาลมาค้ำ ซึ่งการระดมทุนเหล่านี้ผิดที่ไม่ผ่านตลาดหลักทรัพย์ แต่บริษัทเข้ามาช่วยวางแผนการลงทุน ออกเอกสารและใช้ลายเซ็นของนายแพทย์บุญเป็นผู้ค้ำ และปัญหาคือเมื่อลงทุนแล้วได้กำไรก็นำไปทบลงทุนเพิ่มอีกเรื่อยๆ ซึ่งหากผ่านตลาดหลักทรัพย์ไม่จำเป็นต้องเสียภาษี แต่เมื่อซื้อขายนอกตลาดคล้ายตลาดหลักทรัพย์ จึงกังวลและทำให้เข้าใจผิดถูกหลอก ก็อาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือไม่” นายแทนคุณระบุ

ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ตามคำสั่งกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ควบคุมตัว น.ส.ปิณฑิรา หรือดาว การิวัลย์ อายุ 43 ปี พี่สาวภรรยาทนายตั้ม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ในความผิดฐาน "ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน ในคดีเงิน 39 ล้านบาทของ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือเจ๊อ้อย มายื่นคำร้องฝากขังครั้งเเรกต่อศาลอาญาเป็นเวลา 12 วัน

นอกจากนี้ ท้ายคำร้องผู้เสียหายขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษจำคุกและมูลค่าความเสียหายสูง หากผู้ต้องหาได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวไป เกรงว่าจะหลบหนี ซึ่งจะส่งผลให้ผู้เสียหายไม่ได้รับชดใช้ค่าเสียหายในคดีพยานสำคัญในคดี

ต่อมา น.ส.ปิณฑิราได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ 1 ล้านบาท ขอปล่อยตัวชั่วคราว ศาลพิจารณาเเล้วอนุญาตปล่อยชั่วคราว โดยกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศเว้นได้รับอนุญาตจากศาล.