ใต้ท่วมยะลาหนักสุด20ปี บี้รบ.ผวาซํ้าวิกฤตเหนือ

นายกฯ สั่งเร่งช่วยน้ำท่วมใต้  พร้อมให้กำลังใจผู้ประสบภัย “บิ๊กอ้วน” จ่อลงพื้นที่ซับน้ำตาหลัง ครม.สัญจร “สรรเพชญ” จี้รัฐบาลรับมือสถานการณ์ หวั่นซ้ำรอยวิกฤตภาคเหนือ สงขลาจมบาดาลเกือบทั้งจังหวัด ยะลาอ่วมสุดรอบ 20 ปี ปัตตานี-พัทลุงเจอน้ำป่าถล่ม  เมืองคอนสลด! เด็กขวบเศษพลัดตกคลองช่วงน้ำเชี่ยว

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่าน X ถึงสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ว่า “ขณะนี้ดิฉันได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานดูแลความปลอดภัยของประชาชน และเร่งแก้ไขสถานการณ์ตามแผนที่ได้เตรียมไว้โดยด่วน พร้อมกันนี้ให้เตรียมแผนรับมือกรณีมีพายุฝนเพิ่มเติม ขอส่งกำลังใจให้พี่น้องทุกท่านที่กำลังประสบเหตุขณะนี้ และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกท่าน ที่กำลังทำงานหนักเพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน”

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมสภากลาโหมว่า ได้กำชับการทำงานในที่ประชุมสภากลาโหม และจะลงพื้นที่หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร)  เชียงใหม่-เชียงราย ถือโอกาสตรวจเยี่ยมหน่วยงานไปด้วย ทั้งกองทัพภาคที่ 4 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ซึ่งไม่อยากไปดูตอนที่เกิดเหตุ เพราะจะทำให้เขาวุ่นวาย เสียเวลาในการแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน อย่างน้อยที่สุดจะให้เห็นว่าเราใส่ใจ และไปรับเรื่องราว ที่จะต้องแก้ไขปัญหาต่อ

ทั้งนี้ ในการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ เมื่อวันที่ 26 พ.ย. ในส่วนของงบประมาณที่จะเข้า ครม.สัญจรที่เชียงใหม่ คงจะไม่ได้พูดแค่เชียงใหม่-เชียงราย แต่จะต้องคำนึงถึงภูมิภาคต่างๆ ที่มีการเกิดเหตุด้วย เพื่อไม่ให้ปีหน้าเกิดปัญหาซ้ำ ซึ่งจะให้ สมช.รับหน้าที่ดูแลตรงนี้

ทางด้านนายสรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ได้เรียกร้องให้รัฐบาล โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย เร่งช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ที่กำลังเผชิญสถานการณ์น้ำท่วมหนัก หลังจาก รมว.มหาดไทยให้สัมภาษณ์ว่าสถานการณ์น้ำท่วมขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องส่งความช่วยเหลือจากส่วนกลาง เพราะมองว่าเป็นน้ำท่วมตามฤดูกาลและน้ำจะระบายได้รวดเร็ว แต่ข้อมูลจากพื้นที่กลับแสดงให้เห็นว่าสถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดรุนแรงเกินกว่าปกติ อย่างสงขลา ยะลา และพื้นที่อื่นๆ ในภาคใต้ มีปริมาณน้ำฝนสะสมสูงกว่าหลายปีที่ผ่านมา น้ำทะเลหนุนสูง ทำให้ประชาชนจำนวนมากต้องอพยพ บ้านเรือนเสียหาย ถนนหลายสายไม่สามารถสัญจรได้

"รัฐบาลต้องเร่งระดมทรัพยากร สรรพกำลังต่างๆ เข้ารับมือ ไม่ต้องรอให้สถานการณ์บานปลายแล้วค่อยมาแก้ไขปัญหาทีหลัง รวมถึงการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาอย่างเป็นธรรมเสมอภาค ไม่ว่าจะอยู่ภูมิภาคไหน และต้องแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด พร้อมเสนอให้มหาดไทยบูรณาการแผนงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง วางระบบป้องกันภัยน้ำท่วมระยะยาว ทั้งการพัฒนาระบบระบายน้ำ การบริหารจัดการน้ำ และแก้ไขปัญหาจากต้นเหตุ เราไม่อยากให้สถานการณ์ซ้ำรอยเหมือนภาคเหนือ ที่ช่วงแรกยืนยันว่าสามารถควบคุมได้ แต่สุดท้ายกลับเสียหายหนัก รัฐบาลต้องจริงจังตั้งแต่ต้น เพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน” นายสรรเพชญระบุ

ที่ จ.สงขลา หลังจากที่ฝนได้ตกสะสมทั้งวันทั้งคืน ส่งผลให้น้ำท่วมแล้วเกือบทั้งจังหวัด โดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.สงขลา ได้รับรายงานสถานการณ์น้ำท่วมแล้ว 15 อำเภอ จากพื้นที่ 16 อำเภอของ จ.สงขลา เหลือเพียงอำเภอเดียวที่น้ำยังไม่ท่วมคือ อ.กระแสสินธุ์ ที่หนักคือพื้นที่อำเภอที่อยู่ทางตอนใต้ของ จ.สงขลา เช่น อ.เทพา นาทวี สะบ้าย้อย จะนะ และ อ.สะเดา โดยเฉพาะบ้านน้ำลัด หมู่ 6 ต.สำนักแต้ว อ.สะเดา หนักสุด เพราะเป็นหมู่บ้านแรกที่รับน้ำจากเขาน้ำค้าง ซึ่งถูกน้ำป่าไหลท่วมหมู่บ้านกว่า 100 ครัวเรือน ทั้งนี้ นายวิเชษต์ สายกี้เส้ง นายอำเภอสะเดา นำทีมทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 5 ร้อย ร.5021 ฝ่ายปกครองอำเภอสะเดา ตำรวจภูธรสะเดา ตำรวจตระเวนชายแดน 437 และผู้นำชุมชนลงพื้นที่ให้การช่วยเหลือชาวบ้าน นอกจากนี้ บริเวณแยกไฟแดงบ้านทุ่งลุงตำบลพะตง อำเภอหาดใหญ่ เกิดเหตุน้ำป่าทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนทั้งสองฝั่งของถนนกาญจนวนิช ถือว่าหนักสุดในรอบ 7 ปี

ที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม จังหวัดยะลา สรุปสถานการณ์ว่า ได้รับผลกระทบ 3 อำเภอ ประกอบด้วย อ.เมืองยะลา จำนวน 10 ตำบล 26 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 16,501 ครัวเรือน 66,004 คน,  อ.ยะหา จำนวน 6 ตำบล 16 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 72 ครัวเรือน 360 คน และ อ.บันนังสตา จำนวน 2 ตำบล 3 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 16 ครัวเรือน  80 คน โดยแนวโน้มยังมีฝนตกต่อเนื่อง จังหวัดยะลาได้แจ้งอำเภอ  องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ อ.เมืองยะลา ถือว่าน้ำท่วมหนักสุดในรอบ 20 ปี

ขณะที่หลายพื้นที่ไฟฟ้าดับ เช่น อ.รามัน ต.โกตาบารู ต.อาซ่อง หมู่ 2 ต.กายูบอเกาะ ในเขตสะเตงนอก อ.เมืองฯ ซอยมัสยิดมลายูบางกอก หลังตลาด อบจ. และพื้นที่หมู่ 2 หมู่ 3 และหมู่ 7 บ้านบุดี ขณะที่พื้นที่ ม.3 บ้านกาแป๊ะซาลัง ต.ธารน้ำทิพย์ อ.เบตง เกิดดินสไลด์ถนนทรุดตัวของไหล่ทางเป็นเหวลึกกว่า 4 เมตร ทำให้พื้นถนนเกือบขาดออกจากกันเป็นแนวยาว 15 เมตร และใต้ถนนยังเกิดโพรงลึกที่พร้อมจะถล่มลงมาทุกเมื่อ

ที่ จ.นครศรีธรรมราช เกิดเหตุสลดในพื้นที่หมู่ 16 บ้านม่วงงาม อำเภอร่อนพิบูลย์ เมื่อเด็กชายวัย 1 ขวบ 8 เดือน พลัดตกคลองข้างบ้านขณะน้ำท่วม และเสียชีวิตในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบพบว่าพื้นที่ดังกล่าวได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ทำให้คลองข้างบ้านมีน้ำไหลเชี่ยวและระดับน้ำสูง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้

ที่ จ.ปัตตานี เกิดน้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ อ.โคกโพธิ์ ถนนหลายสายจมอยู่ใต้น้ำ รวมถึงบ้านเรือนที่อาศัยติดกับภูเขา ถูกน้ำป่าไหลเข้าท่วมบ้านเรือน ขณะที่โรงเรียนพิริยะนาวิน ม.2 บ้านคลองหินวิทยา ต.ปากล่อ มวลน้ำจำนวนมากไหลเข้าท่วมสูง 1 เมตร ส่งผลให้นักเรียนกว่า 500 คน ติดอยู่ภายในโรงเรียน ไม่สามารถออกมาไ ด้ ต่อมา พ.อ.ปรเมธ ศานุพงศ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 ปัตตานี ได้นำกำลังทหาร ร้อย.ทพ.4310 ร่วม 30 นาย พร้อมเรือยางและรถ 6 ล้อเร่งเข้าช่วยเหลือด่วน โดยได้อพยพนักเรียนที่ติดอยู่ในอาคารชั้นสอง และบางส่วนอยู่ในหอพัก ส่งเด็กกลับบ้าน

ส่วนที่ จ.พัทลุง ได้ออกประกาศเตือนประชาชนเฝ้าระวังและเตือนภัยน้ำป่าไหลหลาก-ดินถล่ม บริเวณโซนอำเภอที่ติดริมภูเขาบรรทัด ประกอบด้วย อ.กงหรา อ.ตะโหมด อ.ป่าบอน อ.ศรีนครินทร์ และ อ.ป่าพะยอม เนื่องมีปริมาณน้ำสะสมบนภูเขาเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันเกิดน้ำท่วมขังในเขตเทศบาลเมืองพัทลุงอีกรอบ บริเวณอาคารศูนย์เด็กเล็กโรงเรียนเทศบาลวัดนางลาด วัดนางลาด และบนถนน ระดับน้ำสูงประมาณ 20-30 ซม.