‘สามารถ’นอนคุก ปัด‘ป้อม’ช่วยคดี

"สามารถ" นอนคุก! แต่แม่ได้ประกัน หลังดีเอสไอส่งตัวฝากขังศาล เจ้าตัวบอกอยากพูดแต่พูดไม่ได้ ส่วนแม่ยัดกระดาษใส่มือนักข่าวร้องโดนกลั่นแกล้ง เผยคิดสั้นแต่เจ้าหน้าที่ช่วยทัน   “ทนายบอสพอล” พร้อมเป็นพยาน กังขาเป็นคดีฟอกเงิน "บิ๊กป้อม" ชิ่งไม่ตอบหลัง “สิระ” ปูดคนในป่าต่อสายให้ช่วย ผบ.ตร.สั่งตั้งคณะทำงานร่วม "นครบาล-สอบสวนกลาง" สางคดีหมอบุญ "อี้​" แฉจ่อเผ่นจากจีนไปยุโรป

วันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยถึงความคืบหน้าปฏิบัติการจับกุมนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ พร้อมกับนางวิลาวัลย์ พุทธสัมฤทธิ์ มารดานายสามารถ   สองผู้ต้องหาในข้อหาร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน ในคดีพิเศษที่ 115/2567 (คดีฟอกเงินทางอาญา กรณีบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด)

พ.ต.ต.ยุทธนากล่าวว่า ตามที่ได้มอบหมายให้กองคดีฟอกเงินสอบสวนดำเนินคดีกับผู้โอนและรับโอนเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดมูลฐานในคดีของบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด กับพวก ต่อเนื่องจากเมื่อวานที่ได้มีการควบคุมตัวดำเนินคดีกับนางวิลาวัลย์ และเวลา 23.00 น. ชุดจับกุมได้นำตัวนายสามารถมาส่งที่พนักงานสอบสวน ได้มีการดำเนินการตามกระบวนการ โดยได้แจ้งสิทธิให้ผู้ต้องหาทราบ พิมพ์มือ และสอบปากคำ เบื้องต้นนายสามารถให้การปฏิเสธ และขอยื่นคำให้การแก้ข้อหาภายใน 15 วัน และปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำความผิดฐานฟอกเงิน เป็นเงินกู้ยืมหรือเงินทำบุญ ตามที่นางวิลาวัลย์ได้ให้ข้อมูลในทำนองเดียวกัน  หลังสอบสวนปากคำเสร็จสิ้นวันนี้ จะนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 รายไปฝากขังที่ศาลอาญา

พ.ต.ต.ยุทธนากล่าวว่า ผู้ต้องหารับทราบและเข้าใจในข้อกล่าวหา โดยได้ปฏิเสธในข้อกล่าวหา  ส่วนเส้นทางการเงินที่โอนเข้ามาในบัญชีของนางวิลาวัลย์ ยังไม่ได้มีการพูดถึง ซึ่งชี้แจงในภายหลัง โดยรวมๆ เป็นเงินที่ได้จากการทำบุญและกู้ยืม ทั้งนี้ ไม่ได้บอกว่าเงินที่ยืมมาเอาไปลงทุนอะไร นอกจากนี้ยังมีบุคคลที่ถูกออกหมายจับอีก 1 ราย ส่วนที่ต้องสอบสวนดำเนินการอีกรายคือ บอสปีเตอร์ ที่มีการโอนเงินมาประมาณ 500,000 บาท ส่วนเงินจากบุคคลหรือแหล่งอื่นๆ ที่เข้ามาในบัญชีของนางวิลาวัลย์ ประมาณ 100 ล้านบาท อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ส่วน น.ส.กฤษอนงค์ ยังไม่ปรากฏข้อมูลว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับบัญชีดังกล่าว

อธิบดีดีเอสไอกล่าวว่า ส่วนการกู้ยืมเงินนั้น อ้างว่าเป็นเงินที่ยืมมาจากบอสพอล โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 รายให้การไปในทิศทางทำนองเดียวกัน และปฏิเสธในข้อหาฟอกเงิน โดยขณะสอบปากคำนางวิลาวัลย์มีอาการเครียด ส่วนนายสามารถมีอาการเครียดบ้าง ส่วนคำให้การของผู้ต้องหาไม่สอดคล้องกับพยานหลักฐานที่มีอยู่ ซึ่งการรับโอนเงินเป็นการรับโอนเงินที่ได้มาขณะกระทำความผิด โดยมีเจตนาปิดบังอำพราง เชื่อว่านายสามารถเป็นผู้ใช้บัญชี โดยมีการโอนเงินผ่านบัญชีของแม่ ซึ่งเป็นการปกปิดอำพราง ทั้งนี้ ตามพยานหลักฐานเชื่อว่าบัญชีเป็นชื่อของนางวิลาวัลย์ แต่ผู้ถือบัญชีคือนายสามารถ โดยคดีนี้มีคลิปเสียงรวมถึงพยานบุคคลยืนยัน และหลักฐานทางวิทยาศาสตร์สอดคล้องกัน แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดในสำนวนได้

ส่วนการควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองไปฝากขังต่อศาล ทางพนักงานสอบสวนมีมติคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากพฤติการณ์ต่างๆ อาจไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานได้ ส่วนกรณีที่นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความ เข้าร่วมรับฟังการสอบปากคำเมื่อคืนวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา มาในฐานะที่นายสามารถไว้วางใจ

จากนั้นเวลา 12.17 น. เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ควบคุมตัวนายสามารถและนางวิลาวัลย์ ผู้ต้องหาในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน และสมคบกันฟอกเงิน โดยเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมนางวิลาวัลย์ แม่ของนายสามารถออกมาเป็นคนแรก เจ้าตัวยังอยู่ในชุดเดียวกับเมื่อวานนี้ (25 พ.ย.) ทันทีที่ออกมาเจอสื่อมวลชน นางวิลาวัลย์ก็ตะโกนบอกกับผู้สื่อข่าวว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรม พร้อมบอกว่าเงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินทำบุญตั้งแต่ปี 2564 ก่อนที่จะตะโกนขอความเป็นธรรมให้กับตัวเอง

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายสามารถออกมา ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่านายสามารถมีอะไรอยากจะพูดกับสื่อมวลชนหรือไม่ นายสามารถบอกว่า “อยากพูดแต่พูดไม่ได้” ก่อนเจ้าหน้าที่จะควบคุมทั้งคู่ขึ้นรถเพื่อนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญารัชดาฯ ต่อไป

มีรายงานว่า ระหว่างการควบคุม นางวิลาวัลย์แม่ของนายสามารถได้นำกระดาษที่เขียนข้อความบางอย่างใส่มือผู้สื่อข่าวช่องหนึ่ง โดยข้อความภายในกระดาษระบุเป็นข้อๆ จำนวน 8 ข้อ บางส่วนระบุว่า ปี 2564 ตอนนั้นดิไอคอนกรุ๊ปยังไม่มีปัญหาทางธุรกิจ เงินที่ได้มาทำบุญกับกู้ยืม พอลได้เซ็นชื่อไว้เป็นหลักฐานไว้ทั้งหมดแล้ว ได้ทำหนังสือออกมาให้แล้ว ไม่ได้รับความเป็นธรรม โดนกลั่นแกล้ง ไม่มีส่วนรู้เห็นในธุรกิจดิไอคอน เพราะไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยว และจะต่อสู้เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรม ขณะที่อธิบดีดีเอสไอกล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่อง แต่จะเร่งตรวจสอบจากรายงานข้อเท็จจริงที่จะส่งมาให้ตน

สามารถนอนคุก-แม่ได้ประกัน

 ต่อมา ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสืบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ ควบคุมตัวนางวิลาวัลย์และนายสามารถ ผู้ต้องหาที่ 1-2 ในคดีร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5 (1), (3) มาตรา 9 และมาตรา 60 เพื่อดำเนินการฝากขัง และศาลอาญาพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาทั้งสองแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขัง

ภายหลังทีมทนายความของนายสามารถได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว โดยเตรียมหลักทรัพย์มูลค่า 1.2 ล้านบาท เพื่อยื่นประกันตัวผู้ต้องหาที่ 1-2 นั้น ปรากฏว่าศาลอาญาอนุญาตให้ประกันตัวนางวิลาวัลย์ ด้วยหลักทรัพย์ประกัน 5 แสนบาท โดยไม่ได้กำหนดเงื่อนไขใดๆ ส่วนนายสามารถ ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว โดยเตรียมนำตัวส่งเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ต่อไป

นางวิลาวัลย์ให้สัมภาษณ์ว่า ขอเป็นตัวแทนของลูก หากล่วงเกินผู้ที่มีอำนาจ ในฐานะแม่ขอกราบขอขมา ขออโหสิกรรมแทน อยากให้ลูกกลับมาเล่นการเมืองเพื่อช่วยประเทศชาติ แม้อาจจะมีความผิดพลาดไปบ้าง และขอบคุณศาลอาญาที่ยังมีความเป็นธรรมให้ได้ประกันตัวออกมาสู้คดี ซึ่งจะขอสู้จนถึงที่สุด เมื่อคืนวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา ตนได้ชักเกร็งจนเข้าโรงพยาบาล 1 คืน เพราะน้อยเนื้อต่ำใจ และช่วงเช้าเวลา 10.00 น. ได้คิดสั้นพยายามนำผ้าปูเตียงมาผูกคอ แต่เจ้าหน้าที่มาห้ามไว้เสียก่อน อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นเรื่องจริงที่ได้นำเงินของบอสพอลมาเมื่อปี 2564 แต่มีหลักฐานว่าเงินส่วนหนึ่งนำไปทำบุญ และบางส่วนถูกนำไปปล่อยกู้ หลังจากนั้นนำเงินส่วนนั้นให้นายสามารถนำไปคืนกับบอสพอล และบอสพอลได้มีการเซ็นรับทราบเรียบร้อยว่าได้เงินคืนแล้วตั้งแต่ปี 2565

นางวิลาวัลย์กล่าวด้วยว่า นายสามารถบอกว่าจะอดข้าวจนกว่าจะได้รับความยุติธรรมขณะอยู่ในเรือนจำ แต่ตอนอยู่ที่ดีเอสไอนายสามารถไม่ได้กินอะไร ตนเป็นห่วงจึงได้ห้ามปรามไป

ด้าน ว่าที่ ร.ต.นฤพล เรืองสังข์ ทนายของนายสามารถและนางวิลาวัลย์ กล่าวเสริมว่า เหตุผลที่ศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวนายสามารถ  เพราะมีพฤติการณ์ร้ายแรง และเกรงจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน รวมทั้งนายสามารถมีพฤติการณ์หลบหนี แต่ทางเราจะอุทธรณ์เพื่อสู้คดี ซึ่งอาจจะเป็นระยะภายใน 1-2 วัน ส่วนเรื่องการขอไต่สวนนั้น ทางศาลไม่ได้อนุญาตไต่สวน เพียงแต่อ่านคำสั่งเรื่องประกันเท่านั้น หลังจากนี้อยู่ที่ดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ว่าจะมีคำสั่งอย่างไรต่อไป

ขณะที่ นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล กล่าวว่า เดินทางมาเป็นพยานฝั่งนายสามารถและมารดา โดยยินดีเป็นพยานชี้ให้ศาลเห็นว่าคดีของดิไอคอนยังไม่มีการพิพากษาว่าเป็นความผิด เงินที่โอนจากนายวรัตน์พลไปยังนายสามารถ จึงยังไม่ใช่การฟอกเงินจากการกระทำผิด แต่ดีเอสไอมาแจ้งข้อหาฟอกเงินกับนายสามารถและมารดาได้อย่างไร

ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรค พปชร. เดินทางออกจากที่ทำการพรรค พปชร. ภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเสร็จสิ้นลง  โดย พล.อ.ประวิตรปฏิเสธตอบคำถามทุกคำถามของผู้สื่อข่าวที่พยายามจะสอบถามถึงกรณีที่นายสิระ เจนจาคะ อดีต สส.กทม. พรรค พปชร. ออกมาระบุว่า “คนในป่า ยกหูหาคนคนหนึ่งเพื่อให้ช่วยเหลือคดีนายสามารถ นอกจากนี้ยังไม่ตอบคำถามใดๆ เมื่อถูกถามว่าเป็นห่วงนายสามารถคนสนิทหรือไม่ โดย พล.อ.ประวิตรได้ขึ้นรถเดินทางกลับทันที

 พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา คณะกรรมการมูลนิธิป่ารอยต่อฯ ในฐานะคนใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร กล่าวปฏิเสธว่า "เป็นไปไม่ได้ จากทั่วไปและประสบการณ์ที่เห็น นายสามารถไม่ได้สนิทกับคนในมูลนิธิป่ารอยต่อฯ เท่าไหร่”

เมื่อถามว่า นายสิระอ้างว่าคนที่ต่อสายให้ช่วย เพราะจะถูกนายสามารถแฉ พล.อ.วิชญ์ร้องโอ๊ยก่อนระบุว่า จะมีอะไรให้แฉ พล.อ.ประวิตรไม่เกี่ยวข้องเลย เขาไม่เคยไปยุ่งอะไรกับใคร แต่คนพวกนี้จะวิ่งเข้าหาคนที่มีอำนาจ เรื่องที่ว่าโทร.ไปไม่มีแน่นอน

'บช.น.-บช.ก.' สางคดีหมอบุญ

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.), พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. และหน่วยที่เกี่ยวข้อง ประชุมติดตามความคืบหน้าหนึ่งในคดีสำคัญ  คดีนายแพทย์บุญ วนาสิน หรือหมอบุญ ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลธนบุรี ร่วมกันหลอกลวงประชาชนลงทุนโครงการทางการแพทย์ เสียหายกว่า 7,500 ล้านบาท
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐเปิดเผยว่า สำนวนมีความคืบหน้าไปมาก จับกุมผู้ต้องหาไปแล้ว 8 ราย คือ กลุ่มผู้ถือหุ้น กลุ่มเครือญาติ กลุ่มโบรกเกอร์ อยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางการเงิน โดยจะแต่งตั้งเป็นคณะพนักงานสอบสวน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีพนักงานสอบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง  รับผิดชอบและร่วมทำการสอบสวน
"ในส่วนของบุคคลที่เดินทางหลบหนีไปต่างประเทศ ได้ให้กองการต่างประเทศแจ้งสืบหาตัวบุคคลในระบบตำรวจสากลแล้ว จะเร่งรัดให้ติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ขอให้ผู้ที่ได้รับความเสียหายนำพยานหลักฐานมาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง หรือกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป" ผบ.ตร.ระบุ

ที่รัฐสภา นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว. ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม (กมธ.ไอซีที)  วุฒิสภา แถลงว่า วันที่ 2 ธ.ค.นี้ กมธ.ไอซีทีมีวาระพิจารณาตรวจสอบกรณีการใช้สื่อโซเชียลหลอกลวงให้ลงทุน ในประเด็น นพ.บุญ ซึ่ง กมธ.มีหน้าที่ที่ต้องตรวจสอบว่าการใช้ช่องทางของกฎหมายของหน่วยงานต่างๆ เป็นอย่างไร ทำไมถึงทำปล่อยให้เกิดปัญหาซ้ำซ้อน เพราะก่อนหน้านี้เคยมีกรณีของหุ้นสตาร์ค รวมถึงกรณีของดิไอคอนกรุ๊ป ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องขันนอตเพื่อไม่ให้เกิดกรณีเป็นคดีซ้ำอีก

นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม กล่าวถึงความคืบหน้าหลังพาผู้เสียหาย 2 ราย เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับหมอบุญ​ว่า ยังมีผู้เสียหายติดต่อมาเรื่อยๆ​ ทุกวัน​ ส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียง​ เป็นผู้สูงอายุมีหน้ามีตาในสังคม และหลังจากวันที่ 12 ธ.ค.นี้ จะมีอีกเยอะมาก เพราะตั๋วที่ใช้แทนหุ้นชุดเดิมจะหมดอายุในวันดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวน 500-600 ราย

 “กรณีของหมอบุญจะต่างกับกรณี​ดิไอคอน ​ เพราะมีผู้เสียหายน้อยกว่า แต่มูลค่าความเสียหายมากกว่า โดยผู้เสียหายได้เล่าให้ฟังว่ากรณีหมอบุญมีค่าเสียหายมูลค่าแตะถึง 2.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะค่อยๆ รวบรวมหลักฐานต่อไป​” นายแทนคุณระบุ

นายแทนคุณกล่าวด้วยว่า ได้รับข้อมูลมาว่าขณะนี้หมอบุญนอกจากอยู่ที่ประเทศจีนแล้ว เตรียมที่จะหนีไปบางประเทศโซนยุโรปที่มีคอนเนกชัน​อยู่ ซึ่งหวังว่าเจ้าหน้าที่จีนและตำรวจไทยจะประสานตำรวจสากลเพื่อจับกุมตัวมาดำเนินคดีได้ในเร็ววัน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง