“พิชัย” ยันยังไม่ได้รับชื่อตั้งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ชี้ขอพิจารณาอีกรอบ แจงเป็นหน้าที่ “พาณิชย์” ตีปี๊บส่งออกเดือน ต.ค. มูลค่า 27,222.1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 14.6% เป็นบวกต่อเนื่อง 4 เดือนติด มูลค่าสูงสุดในรอบ 19 เดือน มีลุ้นทะลุเป้าพุ่งถึง 4%
เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องการเสนอรายชื่อผู้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือประธานบอร์ดแบงก์ชาติ จากคณะกรรมการคัดเลือกฯ โดยเบื้องต้นเข้าใจว่าจะต้องเสนอรายชื่อผ่านปลัดกระทรวงการคลังเป็นหลัก
“ผมยังไม่เห็นเรื่องนี้ แต่เท่าที่เข้าใจ หากมีการส่งเรื่องเข้ามา น่าจะผ่านปลัดกระทรวงการคลัง และถ้ามีการส่งรายชื่อเข้ามา ผมก็อาจจะขอพิจารณาอีกรอบ เพราะมันเป็นหน้าที่” นายพิชัยระบุ
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่าคณะกรรมการคัดเลือกประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ซึ่งมีนายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการคัดเลือกฯ ได้มีมติเลือกนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ แทนนายปรเมธี วิมลศิริ ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ที่สิ้นสุดวาระดำรงตำแหน่ง เมื่อวันที่ 11 ก.ย.2567
ที่กระทรวงพาณิชย์ นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ แถลงว่า การส่งออกเดือน ต.ค.2567 มีมูลค่า 27,222.1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 14.6% ขยายตัวเป็นบวกต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน และมูลค่าสูงสุดในรอบ 19 เดือน คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 896,735 ล้านบาท การนำเข้ามีมูลค่า 28,016.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 15.9% คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 934,700 ล้านบาท ขาดดุลการค้า 794.4 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 37,965 ล้านบาท รวม 10 เดือน ของปี 2567 (ม.ค.-ต.ค.) การส่งออก มีมูลค่า 250,398.0 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 4.9% คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 8,854,630 ล้านบาท การนำเข้า มูลค่า 257,149.2 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 6.6% คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 9,199,289 ล้านบาท ขาดดุลการค้า 6,751.2 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 344,659 ล้านบาท
สำหรับการส่งออกที่เพิ่มขึ้น มาจากการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร เพิ่ม 7.2% โดยสินค้าเกษตร เพิ่ม 6.8% และสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร เพิ่ม 7.6% โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัว อาทิ ข้าว ยางพารา ไก่สดแช่เย็นแช่แข็งและแปรรูป อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป อาหารสัตว์เลี้ยง ผลไม้กระป๋องและแปรรูป ส่วนสินค้าที่ลดลง อาทิ ผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็งและแห้ง ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง น้ำตาลทราย และไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ ทั้งนี้ 10 เดือนของปี 2567 การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร เพิ่ม 5.6%
ส่วนการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม เพิ่ม 18.7% โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัว อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ ส่วนสินค้าสำคัญที่ลดลง อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์และไดโอด ทั้งนี้ 10 เดือนของปี 2567 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัว 5.2%
ทางด้านตลาดส่งออกสำคัญ ส่วนใหญ่ขยายตัวได้ดี สอดคล้องกับสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า ซึ่งตลาดหลัก เพิ่ม 16.3% โดยสหรัฐ เพิ่ม 25.3%, สหภาพยุโรป (27) เพิ่ม 22.1%, CLMV เพิ่ม 27.9%, จีน เพิ่ม 8.5%, ญี่ปุ่น เพิ่ม 7.0% และอาเซียน (5) เพิ่ม 6.8% ตลาดรอง เพิ่ม 2.4% โดยเอเชียใต้ เพิ่ม 12.8%, ตะวันออกกลาง เพิ่ม 1.9%, ลาตินอเมริกา เพิ่ม 31.5%, สหราชอาณาจักร เพิ่ม 58.1%, รัสเซียและกลุ่ม CIS เพิ่ม 3.0% ส่วนทวีปออสเตรเลียและแอฟริกา ลด 14.0% และ 3.1% ตามลำดับ และตลาดอื่นๆ เพิ่ม 118.9%
นายพูนพงษ์กล่าวว่า แนวโน้มการส่งออกในช่วงที่เหลือของปีนี้ พ.ย.-ธ.ค. คาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ทำให้การส่งออกทั้งปีเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1-2% โดยจะขยายตัวได้ถึง 4% เกินกว่าเป้า มูลค่า 296,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวภาคอุตสาหกรรมของคู่ค้า การใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น การเติบโตของการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารไทย โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลและฤดูกาลท่องเที่ยวปลายปี ประกอบกับต้นทุนโลจิสติกส์ที่เอื้ออำนวยจากการปรับลดลงของค่าระวางเรือ
อย่างไรก็ตาม การส่งออกยังเผชิญกับความท้าทายหลายประการ เช่น ความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าสหรัฐในอนาคต หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ รับตำแหน่งประธานาธิบดี ที่จะมีการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าจากประเทศต่างๆ เช่น เม็กซิโก แคนาดา และจีน ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน สถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงดำเนินอยู่ รวมถึงผลกระทบจากการปรับเปลี่ยนนโยบายการส่งออกข้าวของอินเดียที่อาจส่งผลต่อการส่งออกข้าวไทย ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะติดตามและวิเคราะห์ปัจจัยเหล่านี้อย่างใกล้ชิด เพื่อหาแนวทางรับมือที่เหมาะสมต่อสถานการณ์ต่อไป
ส่วนเป้าส่งออกปี 2568 ได้ประชุมร่วมกับภาคเอกชน ทั้งสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย เพื่อหารือเป้าหมายการส่งออกในเบื้องต้นแล้ว และยังได้นำข้อมูลจากทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่างๆ มาพิจารณา โดยเห็นตรงกันว่าจะยังขยายตัวได้ต่อเนื่องจากปี 2567 และนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ จะนัดแถลงตัวเลขอย่างเป็นทางการอีกครั้งในเดือน ธ.ค.2567 นี้
ด้านนายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า การส่งออกเดือน ต.ค.2567 เป็นม้าตีนปลาย เพราะไม่เคยเห็นตัวเลขส่งออก 2.7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐมานาน เป็นผลจากความร่วมมือภาครัฐและเอกชน และหากช่วงที่เหลืออีก 2 เดือน พ.ย.-ธ.ค. ถ้าทำได้เดือนละ 2.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ จะทำให้การส่งออกทั้งปีโต 4%.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กองทัพการันตี ไร้ปัญหารุนแรง ยังเจรจาว้าแดง
“บิ๊กอ้วน” บอกรับทราบแล้ว เหตุตึงเครียดชายแดนเมืองเหนือ
อธิบดีที่ดินฝืนคำสั่งศาลเสี่ยงคุก!
"แกนนำภูมิใจไทย" ยืนข้าง "กรมที่ดิน" อ้างทำตามคำสั่งศาลแล้วต้องพิสูจน์สิทธิในที่ดินเขากระโดงก่อน
‘สามารถ’นอนคุก ปัด‘ป้อม’ช่วยคดี
"สามารถ" นอนคุก! แต่แม่ได้ประกัน หลังดีเอสไอส่งตัวฝากขังศาล
เย้ยมุกเก่าไล่รัฐบาล พท.ไม่ให้ราคาม็อบสนธิ/เร่งแก้รธน.ได้แค่ไหนเอาแค่นั้น
"นายกฯ" ซักซ้อมพิธีต้อนรับนายกฯ สิงคโปร์เยือนไทย 28 พ.ย.นี้
ชูศักดิ์ยอมนิกร พรบ.ประชามติ ไม่ใช่กม.การเงิน
“ชูศักดิ์” ลั่นเพื่อไทยเอาแน่ ค้าความปิดปากเอาคืน “ธีรยุทธ” แต่ไม่รู้เมื่อไหร่