บี้ MOU44 เดือด ‘นพดล’ เกทับ! จบออกซ์ฟอร์ด

ปะทะคารมเดือด! “นพดล” โต้ “หมอวรงค์” หาความรู้เรื่องเอ็มโอยู 44 ให้ลึกซึ้ง  โต้คนอย่างตนไม่ตอบมั่วๆ เพราะจบกฎหมายจากออกซ์ฟอร์ดและจบเนติบัณฑิตไทยและเนติบัณฑิตอังกฤษ ยันเอ็มโอยู 44 ไม่ได้ยอมรับเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชา ขณะที่ "หมอวรงค์" เหน็บแรง! อย่าตอบผมแบบอุ๊งอิ๊งซิ

เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2567 นายนพดล  ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี ตอบโต้ว่านายนพดลตอบมั่วๆ เรื่องที่ว่าไทยไม่เคยยอมรับเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชา และหมอวรงค์อ้างแผนผังแนบท้ายเอ็มโอยู 44 เป็นหลักฐานว่าไทยยอมรับเส้นของกัมพูชาว่า ในเรื่องนี้ขอเรียนหมอวรงค์ว่า ตนจบกฎหมายจากออกซ์ฟอร์ด และจบเนติบัณฑิตไทยและเนติบัณฑิตอังกฤษ จึงไร้ความสามารถที่จะตอบแบบมั่วๆ 

ขอเรียนพี่น้องคนไทยว่า เอ็มโอยู 44 ไม่ได้ยอมรับเส้นของกัมพูชา เนื่องจาก 4 เหตุผลคือ

1) ไม่มีเนื้อหาของเอ็มโอยู 44 ตอนใดเลยที่ไปยอมรับเส้นที่กัมพูชาประกาศ

2) หมอวรงค์ต้องอ่านให้เข้าใจว่าแผนผังแนบท้ายเอ็มโอยู 44 เพียงสะท้อนเส้น 2 เส้นที่กัมพูชาประกาศฝ่ายเดียว และเส้นที่ไทยประกาศ มันคือการสะท้อนการอ้างสิทธิ์สูงสุด (maximum claim) ของทั้งสองฝ่ายเพื่อใช้ในการเจรจา ไม่ใช่เท่ากับว่าไทยไปยอมรับ (admit) เส้นของกัมพูชา  ถ้าตีความว่าแผนผังนั้นเท่ากับไทยยอมรับเส้นของกัมพูชา มันก็ต้องตีความในทำนองเดียวกันว่ากัมพูชายอมรับเส้นที่ไทยยึดถือด้วยใช่หรือไม่

3) ฝ่ายไทยไม่เคยมีการกระทำหรือพฤติกรรมไปยอมรับเส้นของกัมพูชา

4) เนื้อหาในข้อ 5 ของเอ็มโอยู 44 ระบุไว้ชัดเจนว่า ตราบใดที่ยังไม่มีข้อตกลงเรื่องการแบ่งเขตทางทะเล ให้ถือว่า เนื้อหาเอ็มโอยู 44 และการเจรจาตามเอ็มโอยู จะไม่มีผลกระทบต่อการอ้างสิทธิ์ทางทะเลของทั้งไทยและกัมพูชา

ในประเด็นนี้ กรมสนธิสัญญาและกฎหมายก็แถลงไปแล้วว่าเอ็มโอยูไม่ได้ยอมรับเส้นของกัมพูชา ตนจึงขอเรียกร้องให้หมอวรงค์เห็นแก่บ้านเมืองมากกว่าวาระการเมือง และยุติการให้ความเห็นผิดๆ เสีย เพราะการตีความว่าเอ็มโอยู 44 ไปยอมรับเส้นของกัมพูชานั้นไม่เป็นผลดีต่อท่าทีของประเทศไทย และมันไม่จริงอีกด้วย

นายนพดลกล่าวต่อว่า หมอวรงค์กล่าวหาว่าตนเป็นถึงอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ อย่าตอบมั่วๆ ตนขอย้ำว่า คนอย่างตนไม่เคยมั่ว หมอวรงค์เคยสังกัดพรรคการเมืองที่เคยใส่ร้ายว่าตนซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในปี 2551 ว่าทำให้ไทยเสียดินแดนบริเวณปราสาทพระวิหารใช่หรือไม่ ทั้งๆ ที่ความจริงไทยยกปราสาทพระวิหารให้กัมพูชาตามคำตัดสินศาลโลกไปแล้วตั้งแต่ปี 2505 แต่ปัญหาคือในปี 2551 กัมพูชาจะขอขึ้นทะเบียนทั้ง 1) ตัวปราสาทพระวิหาร และ 2) พื้นที่ทับซ้อน เป็นมรดกโลก  แต่ตนได้เจรจาจนกัมพูชายอมตัดพื้นที่ทับซ้อนออก และยอมขึ้นทะเบียนมรดกโลกเฉพาะตัวปราสาท ซึ่งเป็นของเขามาเกือบ 50 ปีแล้ว

"ผมถูกโจมตีใส่ร้ายเท็จ และไปฟ้องเอาผิดผม  ซึ่งต่อมาในปี 2558 ศาลฎีกาฯ ก็ได้พิพากษายกฟ้องผม และในคำพิพากษาก็ได้ระบุว่าสิ่งที่ผมทำถูกต้องตามสถานการณ์ ไม่กระทบสิทธิในดินแดนของไทย และไทยจะได้ประโยชน์จากการกระทำของผม ผมจึงไม่อยากเห็นการสร้างวาทกรรมเสียดินแดนอีก เพราะเคยสร้างความเสียหายให้ประเทศมาแล้ว" อดีต รมว.การต่างประเทศกล่าว

ทั้งนี้ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กว่า ถามกลับนายนพดล  ออกมาว่าผมว่าคิดเองเออเอง ยืนยันว่าไทยไม่เคยยอมรับเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชาที่ลากผ่านเกาะกูด ผมต้องถามกลับนายนพดลว่า ถ้าไทยไม่ยอมรับเส้นไหล่ทวีปของเขมร แล้วรูปแผนที่แนบท้าย MOU 44 ที่ออกมาเป็นพื้นที่ทับซ้อนมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร? ในฐานะที่คุณมีความรู้ เป็นถึงอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ คุณอย่าตอบผมแบบอุ๊งอิ๊งซิ!!!

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง