18 บอสดิไอคอนนอนคุกยาว ดีเอสไอยื่นฝากขังผัด 4 พ่วงแจ้งข้อหาใหม่โทษหนักคุก 10 ปี ส่งผลให้ขยายเวลาฝากขังได้ 84 วัน เปิดพฤติการณ์ผิดหลอกผู้เสียหายกว่า 9 พันคน ตะลึง! บัญชีพยานต้องสอบ 4,500 ปาก “สายไหมไม่รอด” ตำรวจแจ้งข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพ์ “ทนายบอสพอล” เล็งฟ้องเรียกกว่า 100 ล้าน
เมื่อวันศุกร์ที่ 22 พ.ย.2567 พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เดินทางมายื่นคำร้องขอฝากขัง นายวรัตน์พล หรือบอสพอล วรัทย์วรกุล อายุ 41 ปี กับพวกรวม 18 ราย ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงประชาชน โดยคำร้องฝากขังครั้งนี้ได้เเนบคำร้องเเจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาเพิ่มเติมมาด้วย
โดยสรุปว่า เมื่อวันที่ 11 พ.ย. คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้เข้าแจ้งข้อกล่าวหาและฐานความผิดเพิ่มเติมแก่ผู้ต้องหาทุกรายให้ทราบว่าร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน โดยมีผลตอบแทนเมื่อคำนวณเป็นอัตราดอกเบี้ยแล้วพบว่ามีอัตราสูงมาก ตั้งแต่ 48-480% ต่อปี, ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรงประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงในลักษณะที่เป็นการชักชวนให้บุคคลเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในการประกอบธุรกิจ โดยตกลงว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากการหาผู้เข้าร่วมเครือข่ายดังกล่าว ซึ่งคำนวณจากจำนวนผู้เข้าร่วมเครือข่ายที่เพิ่มขึ้น และร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยผู้ต้องหาที่ 2 ขอให้การเป็นหนังสือภายใน 15 วัน นับแต่วันที่รับทราบข้อกล่าวหาการกระทำของผู้ต้องหา เป็นความผิดตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งมีอัตราโทษตามมาตรา 12 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-10 ปี และปรับตั้งแต่ 500,000-1 ล้านบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่, พ.ร.บ.ขายตรงฯ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 19, 20 ซึ่งมีอัตราโทษตามมาตรา 46 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 5 แสนบาท และมาตรา 47 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกวันละไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่ ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ 91
บัดนี้จะครบกำหนดเวลาฝากขังครั้งที่ 3 ในวันที่ 22 พ.ย.2567 สำหรับผู้ต้องหาที่ 19 (เดิม) ซึ่งเรียงลำดับใหม่เป็นผู้ต้องหาที่ 2 หากแต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น จะต้องทำการสอบปากคำพยาน จำนวน 4,500 ปาก, พยานฝ่ายผู้ต้องหา 400 ปาก ต้องรอผลการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินจากธนาคารต่างๆ, รอผลการตรวจสอบจากศูนย์ชื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลและการวิเคราะห์, รอการตรวจสอบเอกสารที่ได้ทำการยึดไว้, ตรวจสอบเอกสารและวัตถุของกลางของเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการสอบสวนกลาง และรอผลการตรวจวัตถุพยานทางอิเล็กทรอนิกส์ของกลาง ด้วยเหตุผลและความจำเป็นดังกล่าวจึงขออนุญาตศาลให้ฝากขังผู้ต้องหานี้ไว้ระหว่างการสอบสวนต่ออีก 12 วัน นับแต่วันที่ 23 พ.ย.-4 ธ.ค.2567
ท้ายคำร้องระบุว่า หากผู้ต้องหาขอปล่อยตัวชั่วคราว พนักงานสอบสวนคดีพิเศษขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง ประกอบกับมีผู้เสียหายจำนวนเบื้องต้นประมาณ 9,000 ราย มีมูลค่าความเสียหายถึงจำนวน 2,956,274,931 บาท ซึ่งผู้ต้องหาอาจหลบหนีได้ หรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ศาลอาญาพิจารณาแล้วอนุญาตฝากขัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ซึ่งเป็นข้อหาที่มีอัตราโทษถึง 10 ปี และศาลอนุญาตฝากขังในข้อหาดังกล่าวแล้วจะทำให้สามารถยื่นฝากขังผู้ต้องหาได้ 7 ครั้ง (84 วัน) จากเดิมที่สามารถยื่นฝากขังได้ 4 ครั้ง (48) วัน
วันเดียวกัน ที่กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.กล่าวถึงคดีของนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ว่าอยู่ในขั้นตอนของพนักงานสอบสวน ซึ่งชุดสืบสวนได้นัดนายเอกภพมาให้ถ้อยคำ ส่วนกรณีนายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือฟิล์ม และ น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ หรือเจ๊พัช ที่มีการเรียกรับเงินจากบอสดิ ไอคอน 20 ล้านบาท โดยแอบอ้างชื่อนายภูดิท กำเนิดพลอย หรือหนุ่มกรรชัย บก.ป.ได้ประชุมถึงเรื่องนี้ และมีความเห็นว่าจะรวมเป็นคดีเดียวทั้งหมด ทั้งคดีที่หนุ่ม กรรชัย มาร้องทุกข์ในข้อหาหมิ่นประมาท และบอส ดิไอคอนมาร้องทุกข์ในข้อหาพยายามฉ้อโกง และพยายามกรรโชกทรัพย์ แต่จะเข้าข้อหาใดบ้าง ขอให้พนักงานสอบสวนเข้าไปสอบปากคำ น.ส.ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร หรือบอสปันก่อน และค่อยพิจารณากันอีกครั้งว่าจะเข้าข้อหาใด
ขณะที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ได้ขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับนายเอกภพ ในข้อหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีโพสต์ข้อมูลเท็จในระบบเกี่ยวกับเงินดิจิทัลของบริษัทดิ ไอคอน
ต่อมานายเอกภพได้เดินทางมายัง บช.ก.เพื่อให้ถ้อยคำกับตำรวจ โดยเผยว่า เพิ่งทราบข่าวหมายจับจากสื่อ เพราะในวันนี้ตำรวจได้มีการเชิญมาให้ถ้อยคำ ยังไม่ทราบว่ามีหมายจับจริงหรือไม่อย่างไร ยืนยันว่าสิ่งที่ทำเป็นการทำเพื่อพี่น้องประชาชน รวมถึงบอสดิ ไอคอนก็ไม่ได้มีการรู้จักส่วนตัว เชื่อว่า บช.ก.จะให้ความเป็นธรรม แต่ก็ได้เตรียมหลักทรัพย์ในการประกันตัวไว้แล้ว โดยให้ทนายความเป็นคนจัดการ
ในเวลา 16.20 น. ทาง พงส.ได้พาตัวนายเอกภพออกจากห้องศูนย์ปราบโกง ชั้น 16 บก.ปปป.ลงไปแจ้งข้อหาและทำประวัติ
ขณะที่ด้านหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของบอสพอล ได้เดินทางเข้ามาเยี่ยมบอสพอล และพวก ก่อนให้สัมภาษณ์ว่า แนวทางการต่อสู้จะพาพยานที่เคยแจ้งความกับบริษัทที่ บช.ก.ไปพบดีเอสไอในฐานะพยานเพื่อไปยื่นคำร้องในการให้การใหม่อีกครั้ง โดยตั้งใจจะเริ่มในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ โดยจะพาไปวันละ 200 คน
นายวิฑูรย์ยังกล่าวถึงประเด็นนายเอกภพว่า ไม่ได้รู้สึกตกใจ เพราะเป็นไปตามที่พยากรณ์เอาไว้ เนื่องจากนายเอกภพมีพฤติกรรมทำให้คดีธรรมดาๆ เป็นคดีที่มีการโยงว่าจ่ายเงินให้หน่วยงานราชการ ซึ่งหลังจากได้ปรึกษากับบอสดิไอคอนแล้วว่าจะแจ้งความดำเนินคดีฐานความผิดหมิ่นประมาทกับนายเอกภพ รวมถึงจะเรียกร้องค่าเสียหายเป็นจำนวนเงินหลัก 100 ล้านบาท
นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ เผยว่า ขอแจ้งข่าวดี สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เปิดให้ผู้เสียหายรายคดี บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด กับพวก ยื่นคำร้องเพื่อขอรับคืนหรือชดใช้คืนซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดหรือชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายในความผิดมูลฐาน ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 17 ก.พ.2568
“ขอย้ำเตือนผู้เสียหายโปรดระวังมิจฉาชีพปลอมเป็นเจ้าหน้าที่สำนักงาน ปปง. อ้างว่าจะช่วยเหลือผู้เสียหายในการขอรับเงินคืนหรือหลอกให้กดลิงก์ลงทะเบียนทางช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ สำนักงาน ปปง.ไม่มีระบบการรับลงทะเบียน/รับคำร้อง เพื่อช่วยเหลือผู้เสียหายทางสื่อสังคมออนไลน์ทุกประเภท รวมทั้งไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมใดๆ ในการยื่นคำร้อง โดยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน ปปง. 1710” นายอนุกูลย้ำ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ฉายาสภาเหลี่ยม(จน)ชิน
ถึงคิวสื่อสภา ตั้งฉายา สส. "เหลี่ยม (จน) ชิน" จากการพลิกขั้วรัฐบาลเขี่ย
ตอกฝาโลงกิตติรัตน์ ‘กฤษฎีกา’ชี้ขาดคุณสมบัติ เหตุมีส่วนกำหนดนโยบาย
"กฤษฎีกา" ชี้ชัดสมัย "นายกฯ เศรษฐา" ตั้ง "กิตติรัตน์" เป็นประธานที่ปรึกษาของนายกฯ
‘เท้งเต้ง’ไม่ทน! ชงแก้ข้อบังคับ รมต.ตอบกระทู้
ทนไม่ไหว! “หัวหน้าเท้ง” หารือประธานสภาฯ ขอให้แก้ข้อบังคับการประชุม
แม้วพบอันวาร์กลางทะเล เตือนเสือกทุกเรื่องทำพัง!
ปชน.จี้ถามรัฐบาล “ทักษิณ” มีอำนาจจริงปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่
ให้กำลังใจจนท.ดูแลปีใหม่ เข้มงวด‘ความปลอดภัย’
นายกฯ ให้กำลังใจตำรวจ-กรมทางหลวง ทำงานหนักช่วงปีใหม่
กฤษฎีกาเอกฉันท์โต้งหมดสิทธิ์
กฤษฎีกามติเอกฉันท์ "กิตติรัตน์" ขาดคุณสมบัติ หมดสิทธิ์นั่ง "ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ"