60ปีเฮได้เงินหมื่น จ่ายไร่ละพันพักหนี้

“นายกฯ อิ๊งค์” ชี้ “ทักษิณ”  จ้อการเมืองแค่สีสันสนุกสนาน ไม่ฉุดเศรษฐกิจดิ่ง "บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ" นัดแรก ไฟเขียวแจกหมื่นเฟส 2 กลุ่มสูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 4 ล้านคน โอนได้ไม่เกิน 29 ม.ค.68 ของขวัญวันตรุษจีน  พร้อมทั้งประกาศเตรียมจ่ายไร่ละพัน พักดอกเบี้ยนาน 3 ปี ช่วยลูกหนี้ 3 กลุ่มใหญ่

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 19  พฤศจิกายน เมื่อเวลา 12.10 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นเวทีปราศัยหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่น มองกันว่าทำให้เกิดแรงกระเพื่อมทางการเมืองไปในทางลบ  อาจส่งผลกระทบต่อเรื่องเศรษฐกิจที่รัฐบาลกำลังทำว่า เวลาเราไปเวทีหาเสียง หลักๆ เราเอานโยบายไปเล่าเป็นภาษาง่ายๆ ให้พี่น้องประชาชนเข้าใจตรงกันว่าแต่ละพรรคต้องการจะทำอะไรเพื่อประชาชนและประเทศชาติ ไม่ว่าจะเป็นการเมืองท้องถิ่นหรือระดับประเทศก็ตาม  นี่คือนโยบายหลักๆ นอกนั้นคำพูดต่างๆ ก็เป็นสีสันที่ทำให้การพูดคุยสนุกสนานมากยิ่งขึ้น อันนี้คือรูปแบบของเวทีปราศรัย ฉะนั้นเราก็ทำอย่างนี้เช่นกัน

 “ส่วนการที่นายทักษิณออกมา ถามว่ากระทบไหมกับเศรษฐกิจและระหว่างประเทศ ตัวดิฉันเชื่อว่าไม่นะคะ เพราะหลังจากที่ไปประชุมเอเปกมาก็ได้คุยกับผู้นำหลายประเทศ มีสัญญาณอันดีมากๆ ที่อยากจะลงทุนในประเทศไทย และเชื่อว่ามีความเชื่อมั่น มั่นคงมากขึ้น ดิฉันเองได้คุยกับซีอีโอภาคธุรกิจจากหลายประเทศ และมีการนั่งร่วมคุยกับนายกฯ แคนาดาแบบโต๊ะกลม ซึ่งมีซีอีโอหลายประเทศนั่งอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเอไอ คนที่เคยไปลงทุนกับทางไชนิสและไทเป ซึ่งคิดว่าประเทศไทยมีโอกาสอย่างมาก เพราะฉะนั้นคิดว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องอะไรเลย” นายกฯ ระบุ

ส่วนที่นายทักษิณปราศรัยบอกว่าคนอายุ 60 ขึ้นไปเตรียมรับเงินหมื่นบาทในเร็วๆ นี้นั้น สิ่งที่ไม่ว่าใครก็ตามที่เป็นการพูดในเวทีขอให้เป็นทางการ หลังที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเคาะออกมาก่อน

น.ส.แพทองธารยังกล่าวถึงการรายงานตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3/67 ขยายตัว 3.0% และคาดว่าจีดีพีปี 67 จะขยายตัว 2.6% ว่า ถือเป็นสัญญาณที่ดีของเศรษฐกิจไทย จึงสั่งการกระทรวงการคลัง  กระทรวงพาณิชย์ และสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หามาตรการเพื่อช่วยการลงทุนภาคเอกชนให้มากขึ้น เพื่อทำให้จีดีพีขยับมากขึ้น

จากนั้นเวลา 13.00 น. นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งที่ 1/2567 โดยมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง,  นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย, นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง, นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.การคลัง, นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย, นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมด้วย

นายกฯ กล่าวก่อนการประชุมว่า ตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย เป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกให้เศรษฐกิจไทยที่จะฟื้นตัวดีต่อเนื่อง ซึ่งรัฐบาลเชื่อมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันจะมีศักยภาพที่เติบโตมากกว่านี้ จึงมีการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดนี้ขึ้น เพื่อผลักดันนโยบายตามที่ ครม.ได้แถลงต่อรัฐสภาให้เกิดผลประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยให้เติบโตเต็มศักยภาพไปพร้อมกับการดูแลคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน รวมทั้งกำหนดแนวทาง การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในระยะยาวและในระยะสั้น โดยรัฐบาลได้เพิ่มรายได้ และบรรเทาค่าครองชีพของประชาชนกลุ่มเปราะบาง ซึ่งได้เริ่มดำเนินการผ่านการอุดหนุนสำหรับกลุ่มประชาชนที่มีรายได้น้อยและกลุ่มคนพิการ ดังนั้นในระยะต่อไปจึงควรพิจารณาเพื่อช่วยกลุ่มอื่นๆ เช่น ผู้สูงอายุ เป็นต้น

ส่วนเรื่องภาระหนี้สินครัวเรือน แม้ว่ากลางปี 2567 ระดับหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีจะปรับตัวลดลงเหลือร้อย 89.6 จากร้อยละ 90.7 ของไตรมาสก่อนหน้านี้ แต่ยังถือว่าอยู่ในระดับสูง จึงควรให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนให้เบ็ดเสร็จอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถ และ SME ซึ่งกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่ในระหว่างการพิจารณาออกแบบมาตรการแก้ปัญหาหนี้ที่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนควบคู่ไปกับการรักษาวินัยการเงินการคลังของประชาชน ขณะที่ในระยะยาวรัฐบาลให้ความสำคัญกับมาตรการเพิ่มศักยภาพการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคณะกรรมการชุดนี้จะร่วมกันกำหนดและออกแบบนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศต่อไป

ภายหลังการประชุม เวลา 14.00 น.  นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง  แถลงว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบมาตรการแจกเงิน 10,000 บาท เฟส 2 ให้กับผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป รวมประมาณ 4 ล้านคน ใช้งบประมาณ 40,000 ล้านบาท

"เราคิดว่าจะเติมเงินให้กลุ่มที่มีความจำเป็นก่อน เพราะเรากำลังเตรียมการระบบเงินดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อให้คนที่มีความเข้าใจมาใช้จริงๆ หลังจากทดลองระบบแล้ว โดยเฟสนี้จะดูกลุ่มคนที่มีความจำเป็น หลังจากที่จ่ายให้กลุ่มเปราะบางแล้ว นั่นคือกลุ่มผู้สูงอายุที่จะทำได้ทันที" รองนายกฯ และ รมว.การคลังระบุ

ส่วนกลุ่มที่เหลือจะทำในระยะต่อไป โดยดูความพร้อมของระบบเป็นสำคัญ  คาดว่าจะเริ่มต้นในช่วงเดือนเมษายน- มิถุนายน 2568 โดยคณะกรรมการฯ ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังกลับไปจัดทำรายละเอียดก่อนมาเสนอ ครม.ต่อไป

นายพิชัยกล่าวด้วยว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบแนวทางการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ผ่านธนาคารเฉพาะกิจของรัฐและธนาคารพาณิชย์ โดยพักชำระดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับลูกหนี้ที่มีหนี้เสียไม่เกิน 1 ปี เป็นระยะเวลา 3 ปี ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้ สำหรับเงื่อนไขของการช่วยเหลือจะครอบคุลมลูกหนี้กลุ่มสำคัญคือ กลุ่มที่มีหนี้บ้าน หนี้รถยนต์ และหนี้จากการบริโภค มีมูลหนี้ประมาณ  1.2-1.3 ล้านล้านบาท ซึ่งจะช่วยเติมสภาพคล่องให้กับลูกหนี้ได้มากขึ้น และคณะกรรมการกำลังพิจารณามาตรการเพิ่มเติมว่า ในช่วง 3 ปีแรกที่ชำระเงินกู้ จะปรับวงเงินผ่อนชำระให้ลดลงกว่าเดิมด้วย

ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า  จากการหารือคิดว่าการโอนเงินหมื่นให้ในเฟส 2 จะได้ไม่เกินช่วงเทศกาลตรุษจีน ปี 2568 ทั้งนี้มีกำหนดเงื่อนไขว่า จะต้องเป็นผู้สูงอายุที่ลงทะเบียนร่วมโครงการผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ ในช่วงที่เปิดให้ลงทะเบียนแล้ว ผ่านการตรวจสอบสิทธิ์ และผ่านกระบวนการเควายซีแล้ว รวมทั้งต้องไม่เป็นกลุ่มที่เคยได้รับเงิน 10,000 บาท ในเฟสแรกไปแล้ว ถือว่าคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีความเปราะบางระดับหนึ่ง โดยส่วนใหญ่มีเงินเก็บไม่มากนัก ซึ่งการแจกเงินนั้นจะแจกเป็นเงินสด ส่วนการลงทะเบียนกลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟนนั้น รัฐบาลจะเปิดให้คนกลุ่มนี้เข้ามาลงทะเบียนร่วมโครงการได้ในเร็วๆ นี้

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมเห็นชอบการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพของผู้สูงอายุให้มีโอกาสเข้าถึงการใช้จ่ายที่จำเป็นในการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ช่วยเพิ่มการบริโภคที่จะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบและกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ โดยจะเร่งจ่ายเงินผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชนไม่เกินเดือนมกราคม 2568

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันตรุษจีน ปี 2568 ตรงกับวันที่ 29 ม.ค.2568

นายจุลพันธ์เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจยังเห็นชอบหลักการช่วยเหลือเกษตรกร ผ่านโครงการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท โดยที่ประชุมมอบหมายให้กระทรวงการคลัง หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาข้อสรุปต่อไป ทั้งนี้ เพื่อให้ไม่เป็นภาระต่องบประมาณในระยะยาว โดยอาจปรับกรอบรายละเอียดโครงการบางส่วน ทั้งนี้ กลุ่มเกษตรกรยังคงเป็นกลุ่มที่มีความเปราะบางอยู่ แม้ว่าในขณะที่ราคาพืชผลการเกษตรจะปรับตัวดีขึ้น แต่เกษตรกรหลายครอบครัวยังมีภาระหนี้อีกมาก เบื้องต้นจะเป็นโครงการที่เข้ามาดูแลเกษตรกรในระยะสั้น เร็วๆ นี้จะประกาศเงื่อนไขออกมาอีกครั้ง ขณะที่ในระยะยาว รัฐบาลจะหาทางปรับโครงสร้างการเกษตรทั้งระบบใหม่ให้เกษตรกรมีรายได้ที่มั่นคงมากขึ้น

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงค่าแรง 400 บาท ที่กระทรวงแรงงานประกาศจะเป็นของปีใหม่ 2568 นั้นว่า ถือว่าเป็นนโยบายรัฐบาล มีกระบวนการดำเนินการอยู่ ซึ่งการตัดสินใจขึ้นอยู่กับคณะกรรมการไตรภาคีที่่จะดูความเหมาะสม ส่วนรัฐมนตรีไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากการประสานให้ได้มากที่สุด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รู้ไว้ซะ 'ปิยบุตร' เผย 'ทักษิณ' ได้กลับบ้าน เพราะก้าวไกลชนะเลือกตั้ง!

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา มีเรื่องหนึ่งที่ถูกหยิบยกมาถกเถียงกันอีกครั้ง