‘อิ๊งค์’ตีปี๊บผลงาน100วัน

“นายกฯ อิ๊งค์” ต่อสายยินดี “ทรัมป์”  พร้อมชวนมาเมืองไทย นายกฯ โชว์พลังตำหนิหน่วยงานชงกฎหมายแบบฉุกละหุก ทำ ครม.ไม่มีเวลากลั่นกรองรอบคอบ สั่งต่อไปห้ามทำอีก “เพื่อไทย” ประชุมวิสามัญชงบอร์ดกลั่นกรอง 20 คน มี “แพทองธาร” นั่งคุมจิ้มใครลง สส. “สรวงศ์” แสลงคำครอบงำ บอกวาทกรรมไม่สร้างสรรค์ บอกที่ “ทักษิณ” พูดสารพัดนโยบายเป็นสิ่งที่รัฐบาลทำอยู่แล้ว และนายกฯ ไปปรึกษา! เรืองไกรร้อง กกต.ฟัน “อุ๊งอิ๊ง-มาริษ” ฝ่าฝืนจริยธรรม

เมื่อวันอังคารที่ 19 พ.ย.2567 ในเวลา 09.50  น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดย น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า ได้โทรศัพท์แสดงความยินดี รวมทั้งพูดคุยถึงความร่วมมือและพร้อมช่วยเหลือสนับสนุนซึ่งกันและกัน โดยนายโดนัลด์ ทรัมป์ มีความน่ารักและเป็นกันเอง พร้อมสอบถามว่าประเทศไทยกำลังดีขึ้นใช่หรือไม่ และเศรษฐกิจของไทยกำลังดีขึ้นเรื่อยๆ จึงขอให้กำลังใจ อีกทั้งยังให้กำลังใจตนเองในการทำงาน ในโอกาสนี้ยังชวนว่าหากมีโอกาสขอให้มาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ

น.ส.แพทองธารยังตอบสื่อต่างประเทศถึงแผนแถลงผลงานการทำงานในรอบ 100 วัน ว่ารัฐบาลมีแผนแถลงผลการทำงานต่อประชาชนในช่วงเดือน ธ.ค.นี้ หรืออีกประมาณ 2 สัปดาห์นี้

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า น.ส.แพทองธารได้มีข้อสั่งการและตำหนิในที่ประชุมถึงการที่หน่วยงานเสนอกกฎหมาย ข้อบังคับ และระเบียบที่จำเป็นที่ต้องให้ ครม.เห็นชอบ แต่ส่งมาแบบกระชั้นชิด ทำให้ ครม.ไม่สามารถพิจารณาอย่างรอบคอบได้ จึงขอตำหนิหน่วยงานต่างๆ ที่ปล่อยปละละเลยให้เกิดปัญหานี้ขึ้น ทั้งที่บางเรื่องมีเวลาเตรียมการมาแล้วหลายปี จึงขอให้หน่วยงานให้ความสนใจวางแผนดำเนินการเรื่องกฎหมายลำดับรองและเรื่องอื่นๆ เพื่อให้ ครม.มีเวลาเหมาะสมพิจารณาด้วยความรอบคอบ และไม่ให้ประชาชนเสียประโยชน์ แล้วมาเร่งรัดเสนออย่างกรณีนี้อีก ทั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกจากที่เคยประชุมมา 10 ครั้ง

ทั้งนี้ ก่อนการประชุม ครม. นายกฯ ได้เยี่ยมชมนิทรรศการผลงานและงานหัตถกรรมที่ขับเคลื่อนตามแนวพระราชดำริ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” ที่บริเวณโถงกลาง ตึกบัญชาการ 1 โดยนายกฯ ได้ซื้อเสื้อแจ็กเกตดีไซน์เซอร์คูล่า 2 ตัว ซึ่งนำเศษผ้าแปรรูปมาทอใหม่และย้อมคราม พร้อมได้รับมอบคุณทองโบราณ ตุ๊กตามาสคอตสุนัขของจังหวัดอุดรธานี ซึ่งจะใช้เป็นมาสคอตในการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก 2569 ที่ จ.อุดรธานีจะเป็นเจ้าภาพ ก่อนที่นายกฯ ได้ลองสวมเสื้อสูทผ้าบาติกลายร่วมสมัย ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ที่ยืนอยู่ด้วยเห็นจึงได้ซื้อให้ และนายกฯ ยังได้ซื้อผ้าไหมทอมือจากภาคอีสานอีกหลายผืน

นายกฯ กล่าวว่า ยิ่งใส่ผ้าไทยยิ่งอิน และที่อุดหนุนวันนี้จะนำไปแบ่งกัน ไม่ใช่ของตนเองคนเดียว  ผ้าไทยสวยมาก เราเลือกสีและลายที่ชอบ ผ้าไทยทันสมัยไปทำแบบวัยรุ่นหรือทำเป็นเสื้อสูทก็ได้ ใส่ทำงานเรียบร้อย ถ้าทุกองค์กรช่วยกันใส่ต่างประเทศจะเห็นเยอะ เพราะผ้าไทยสวย เป็นแฟชั่นที่อยู่ได้นาน ถ้าใครสนใจไปเลือกซื้อได้ที่งาน Silk Festival 2024 สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ที่เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 28 พ.ย.-2 ธ.ค.นี้

วันเดียวกัน ที่ที่ทำการพรรคเพื่อไทย (พท.) อาคารวอยซ์ทีวี ได้จัดประชุมใหญ่วิสามัญครั้งที่  1/2567 มี น.ส.แพทองธาร ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้อุ้ม ด.ช.พฤจ์ธาษิณ สุขสวัสดิ์ หรือน้องธาษิณ บุตรชาย และจูงมือ ด.ญ.ธิธาร สุขสวัสดิ์  บุตรสาว มาร่วมประชุมด้วย ท่ามกลางแกนนำพรรคที่มาร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

อิ๊งค์คุมส่งชื่อ สส.ชิงเก้าอี้

จากนั้น น.ส.แพทองธารได้กล่าวในที่ประชุมตอนหนึ่งว่า วันนี้ถือเป็นการประชุมใหญ่ครั้งแรก ในฐานะนายกฯ ขอขอบคุณทุกท่าน ไม่ว่าหัวหน้าพรรคจะมีเวลาเข้าพรรคมากน้อยแค่ไหน แต่ทุกคนทำหน้าที่ในส่วนของตัวเองอย่างเต็มที่ เป็นกำลังสำคัญทุกด้านทุกจังหวัดในการดูแลประชาชนอย่างทั่วถึงเสมอ โดยได้รับการสื่อสารกลับมาเช่นนี้ตลอด

 “ขอส่งกำลังใจให้การเลือกตั้งนายก อบจ.ในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะอุดรธานี ขอบคุณที่ทำงานร่วมกันอย่างหนัก จะได้ร่วมมือกับรัฐบาลเพื่อพัฒนาประเทศลงไปถึงประชาชน ไปไหนก็ขอให้บอกว่ารัฐบาลทำเต็มที่ โดยเฉพาะความเป็นอยู่ของประชาชน เราจะเดินหน้าลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส ในทุกพื้นที่" น.ส.แพทองธารกล่าว

จากนั้นได้เข้าสู่วาระการประชุมตามระเบียบ  ประกอบด้วย การคัดเลือกคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส.ของพรรคเพื่อไทย กรณีมี สส.ระบบเขตลาออกแล้วต้องมีการเลือกตั้งซ่อม รวมทั้งมีมติเห็นชอบตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส.ของพรรคเพื่อไทย จำนวน 20 คนเช่นกัน ประกอบด้วย กรรมการบริหารพรรค 9 คน ได้แก่ 1.น.ส.แพทองธาร 2.นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค 3.นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รองหัวหน้าพรรค 4.นายโอชิษฐ์ เกียรติก้องชูชัย รองหัวหน้าพรรค 5.น.ส.จิราพร สินธุไพร รองหัวหน้าพรรค 6.นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รองหัวหน้าพรรค 7.นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรค 8.นายดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกพรรค และ 9.นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ กรรมการบริหารพรรค ตำแหน่งหัวหน้าสาขาพรรค จำนวน 7 คน และตำแหน่งตัวแทนพรรคประจำจังหวัด 4 คน

ด้านนายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ปราศรัยระหว่างหาเสียงช่วยผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี ว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรค พท.จะได้ไม่ต่ำกว่า 200 เสียงว่า อย่าพูดว่านายทักษิณคาดหวังเลย แต่เป็นการคาดคะเนจากผู้มีประสบการณ์มากกว่า ในส่วนของพรรคเองก็ต้องทำให้ดีที่สุดอยู่แล้ว ส่วนตัวเลขจะเป็นเท่าไหร่ เป้าหมายของพรรคก็ต้องให้เกินครึ่งอยู่แล้ว ต้องไต่กลับมาให้เป็นพรรคอันดับ 1 ให้ได้ เป็นเป้าหมายของเรา

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะได้หรือไม่ได้ ต้องรอดูแลจากการเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานีครั้งนี้ก่อนใช่หรือไม่ นายสรวงศ์กล่าวว่า ความจริงต้องแยกการเมืองใหญ่กับการเมืองท้องถิ่นออกจากกัน ท้องถิ่นเราจะสังเกตได้ว่าการเลือกของประชาชนจะไม่เกี่ยวกับพรรค ส่วนใหญ่เกี่ยวกับตัวบุคคลที่มาดูแลประชาชนมากกว่า เพราะมันเป็นเรื่องของทั้งจังหวัด

สรวงศ์ชี้ครอบงำไม่สร้างสรรค์

 เมื่อถามว่า หลายเรื่องที่นายทักษิณพูดบนเวที หลายเรื่องเป็นนโยบายของรัฐบาล และแต่ละกระทรวงก็รับลูกสิ่งที่นายทักษิณพูดจะมองถึงการไม่ครอบงำได้อย่างไร นายสรวงศ์กล่าวว่า ความจริงแล้วสิ่งที่นายทักษิณพูดเป็นสิ่งที่แต่ละกระทรวงได้ทำอยู่แล้ว เป็นข้อสั่งการของนายกฯ อยู่แล้ว เรื่องครอบงำความจริงน่าจะเลิกพูดได้แล้ว เพราะไม่มีอะไรมาครอบงำสมาชิกพรรคการเมืองได้ ไม่มีอะไรมาครอบงำให้สมาชิกพรรคไม่มีอิสระได้เลย การให้ข้อสังเกตหรือการให้ข้อแนะนำหรือนโยบายต่างๆ ที่นายทักษิณพูด ก็ชัดเจนว่านายกฯ มาปรึกษาท่าน มาเล่าให้ฟังในฐานะที่ น.ส.แพทองธารเป็นนายกฯ และหัวหน้าพรรคด้วย ฉะนั้น เราควรเลิกพูดประเด็นนี้ได้แล้ว เป็นวาทกรรมไม่ได้สร้างสรรค์อะไรเลย ไม่อย่างนั้นสิ่งที่พรรคการเมืองอื่นหรือคนที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองไปแล้วออกมาพูดก็ครอบงำหมด จึงควรก้าวข้ามเรื่องของนายทักษิณได้แล้ว ตอนนี้นายกฯ ชื่อแพทองธาร และหัวหน้าพรรค พท.ชื่อแพทองธาร สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ สิ่งที่นายกฯ ชื่อแพทองธารพูด และเชื่อว่าประชาชนเข้าใจเรื่องนี้ดี อยากให้มุ่งในเรื่องของการทำงานดีกว่า

 เมื่อถามถึงกรณีนักร้องเรียนออกมาพูดว่าจะร้องเรียนนายทักษิณที่ไปกล่าวหานักร้องเรียนว่าคอยเห่าหอนเหมือนสุนัข นายสรวงศ์กล่าวว่า ยังไม่เห็นว่ามีคำไหนที่แสดงให้เห็นถึงตรงนั้น เป็นเรื่องที่คิดกันไปเอง ใครรับก็รับไป เอาที่สบายใจ เราไม่กังวลในเรื่องนี้ การไปฟ้องร้องอะไรก็แล้วแต่ ไม่ได้เอ่ยชื่อคนหรือพาดพิงใครตรงๆ ประชาชนก็น่าจะรู้ดี และคงเอือมระอา ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะมีเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มองหรือไม่ว่าหากเป็นเรื่องนายทักษิณคนจะจ้องจับผิด นายสรวงศ์กล่าวว่า ความจริงแล้วทั้งนายทักษิณและพรรค พท. เวลาทำอะไรมีคนจ้องอยู่แล้ว เป็นสิ่งที่เราไม่ได้สนใจและมุ่งหน้าในการทำงานดีกว่า ให้ผลงานเป็นตัวตัดสิน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับประชาชน ตอนนี้เรามีเวลาที่จะพิสูจน์ตัวเองด้วยผลงาน นายกฯ ย้ำกับรัฐมนตรีทุกคนว่าให้ทำงานให้เต็มที่ เพราะทุกอย่างพิสูจน์ด้วยผลงาน

เมื่อถามว่า ได้ฟังการปราศรัยของพรรคประชาชน (ปช.) หรือไม่ เพราะโต้ตอบนายทักษิณได้ทุกประเด็น นายสรวงศ์กล่าวว่า สิ่งที่นายทักษิณพูดบนเวที 70-80% พูดถึงเรื่องนโยบายของรัฐบาลเก่า ทั้งรัฐบาลไทยรักไทย ทั้งรัฐบาลพลังประชาชน และรัฐบาลเพื่อไทย รวมถึงพูดถึงนายกฯ ซึ่งความจริงเป็นการปราศรัยปกติ อาจมีโดนคนนั้นคนนี้บ้าง ก็งงเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่พุ่งเป้ามาที่ผู้สมัคร แต่กลับพุ่งเป้าไปที่ตัวนายทักษิณ ถือเป็นสีสันทางการเมือง เป็นสิทธิของประชาชนที่จะเลือกใคร ส่วนข่าวนายทักษิณจะไป จ.สุรินทร์นั้น ยืนยันไม่ได้ไป เพราะพรรคไม่ได้ส่งผู้สมัครนายก อบจ.สุรินทร์ ส่วนที่อื่นนั้นยังไม่ทราบว่าจะมีหรือไม่ เพราะไม่ใช่เรื่องของพรรค เป็นเรื่องของผู้สมัครเองที่จะเชิญใครไปเป็นผู้ช่วยหาเสียง

ต่อข้อถามว่า ในเวที อบจ. พรรค พท.มีมติที่จะส่งในพื้นที่ไหนบ้าง นายสรวงศ์กล่าวว่า ตอนนี้จังหวัดที่เราค่อนข้างมั่นใจ เราเปิดตัวไปหมดแล้ว  นอกนั้นเป็นจังหวัดที่เราคิดว่าถ้ายังไม่ลงตัวหรือคุยกันยังไม่จบก็คงจะต่างคนต่างลง จังหวัดไหนที่เราส่งในนามพรรคจะต้องเป็นคนในพื้นที่ โดยเฉพาะ สส.มีมติเป็นเอกฉันท์ที่จะสนับสนุน หรือไม่ก็เป็นมติกรรมการบริหารพรรค ฉะนั้นจังหวัดที่เราเปิดตัวไปแล้วคือจังหวัดที่เราส่ง ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีเพิ่มเติม 

นายอนุทินกล่าวถึงการเลือกตั้งนายก อบจ.หลายจังหวัด ซึ่งบางจังหวัดมีผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย จะกำชับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นอย่างไรว่า ได้ออกหนังสือให้ข้าราชการฝ่ายปกครองวางตัวเป็นกลาง ให้การแข่งขันเป็นเรื่องของการแข่งขันไป และให้เป็นเรื่องของการหาเสียงของผู้สมัครแต่ละคน

เมื่อถามว่า การเลือกนายก อบจ.สุรินทร์ การแข่งขันระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย  จะมีการกำชับด้วยหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า อย่าว่าแต่พรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทยแข่งกันที่สุรินทร์เลย พรรคภูมิใจไทยยังแข่งกันเอง 2 คนเลย  แต่ไม่ได้ส่งในนามของพรรค แต่เป็นคนภูมิใจไทย ใกล้ชิดภูมิใจไทย แค่นั้นเอง กินยาแก้ปวดหัววันละ 10 เม็ดยังไม่หายเลย

เมื่อถามว่า ในเวทีปราศรัยที่ จ.อุดรธานี พรรคเพื่อไทยประกาศว่าจะได้ที่นั่ง สส. 200 ที่นั่งในการเลือกตั้งครั้งหน้า และพรรคประชาชนประกาศว่าจะได้ 270 ที่นั่ง ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยจะได้สักกี่ที่นั่ง นายอนุทินกล่าวว่า ถ้าต่างคนต่างประกาศเป้าหมายของตัวเองแบบนี้เราคงมี สส. 2,000 คนในสภาก็ดี

ถามย้ำว่า พรรคภูมิใจไทยตั้งเป้าหมายไว้กี่ที่นั่ง นายอนุทินกล่าวว่า 399 ที่นั่ง

ร้อง‘อิ๊งค์-มาริษ’ขัดจริยธรรม

ขณะที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ นักกฎหมาย ระบุว่า ได้ส่งหนังสือร้องเรียนทางไปรษณีย์ไปยัง กกต. ให้ตรวจสอบและมีความเห็นส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัย น.ส.แพทองธาร และนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มีความไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ หรือมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ ซึ่งจะเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธารและนายมาริษ สิ้นสุดลงเป็นการเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 (4) (5) ประกอบมาตรา 160 (4) (5) และ (8) หรือไม่

นายเรืองไกรกล่าวว่า ได้ตรวจสอบพบว่านายมาริษยังคงเป็นกรรมการบริษัท สยาม เมดเทค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ภายหลังจากที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 187 วรรค 1 เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามมาตรา 170 (5) หรือไม่ หลังจากการให้ถ้อยคำมีสำนักข่าวแห่งหนึ่งได้นำเสนอข่าวการลาออกจากกรรมการบริษัทและการโอนหุ้น 2 บริษัทของนายมาริษ จึงได้ส่งเอกสารเพิ่มเติมให้ กกต.ดำเนินการตรวจสอบ ส่วนกรณี น.ส.แพทองธาร ที่แต่งตั้งนายมาริษเป็น รมว.การต่างประเทศ  ทั้งที่มีหลักฐานปรากฏชัดในกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ซึ่งมีการเปิดเผยผ่านสื่อ ซึ่ง น.ส.แพทองธารต้องรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าการแต่งตั้งนายมาริษเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4) (5) (8) จึงขอให้ กกต.รีบส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อไต่สวนวินิจฉัยว่า น.ส.แพทองธารและนายมาริษ มีความไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์หรือไม่  หรือมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่  กรณีจะเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์และนายมาริษสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ หวังว่า กกต.ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและไม่ชักช้า.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อิ๊งค์' นำประชุมใหญ่วิสามัญพรรคเพื่อไทย ขอบคุณ สส.ทำงานหนัก

พรรคเพื่อไทย จัดประชุมใหญ่วิสามัญครั้งที่ 1/ 2567 มีน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา