คุม‘เจ๊พัช’ส่งคุก แชร์ลูกโซ่โกงอีก เสียหายพันล้าน

บก.ป.คุมตัว "เจ๊พัช" ฝากขังศาลอาญา คดีทุจริต-กรรโชกทรัพย์-ตัวกลางเรียกรับเงิน ด้าน "ทนายบอสพอล" ค้านประกันหวั่นยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน “ดีเอสไอ” จ่อส่ง พงส.รุดสอบปากคำ “บอสพอล” ในเรือนจำ แย้มเตรียมยื่นศาลอาญาขยายฝากขังผัด 4 ก๊วนดิไอคอน "บิ๊กเต่า" ขีดเส้น 10 วันคดี “ฟิล์ม-เจ๊พัช” มีคืบหน้ากรณีตบทรัพย์ ขุดพบเส้นเงินจากแม่กว่า 10 ล้าน จ่อส่งไม้ต่อเป็นคดีฟอกเงิน โผล่อีกแห่ร้อง "ผบ.ตร" ถูกหลอกลงทุนแชร์ลูกโซ่ แอบอ้างบริษัทอสังหาฯ ชื่อดังเสียหายกว่าพันล้าน

เมื่อวันจันทร์ ที่อาคารประชาอารักษ์ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัว น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ หรือเจ๊พัช ประธานอำนวยการศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่าย-ออนไลน์ ผู้ต้องหาในข้อหากรรโชกทรัพย์และตัวการเรียกรับสินบน จากกรณีแอบอ้างเรียกเงินจากกลุ่มผู้ต้องหาเครือข่ายดิไอคอนกรุ๊ป ไปฝากขังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ตามขั้นตอนทางกฎหมาย

โดยระหว่างคุมตัวผู้ต้องหา น.ส.กฤษอนงค์สวมเสื้อคอปกสีฟ้าและปกสีชมพู เสื้อคลุมทับสีกรมท่า กางเกงยีนส์ ได้ยกมือไหว้สื่อมวลชนขณะเดินออกมาจากตัวอาคารประชาอารักษ์ ซึ่ง น.ส.กฤษอนงค์มีสีหน้าเรียบเฉย แต่ในบางช่วงก็มียิ้มให้สื่อมวลชน แต่ไม่ตอบคำถามสื่อมวลชนที่พยายามสอบถามในทุกประเด็น ทั้งนี้ในเบื้องต้นท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนจะคัดค้านการประกันตัว

ด้านนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล  วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า ทีมทนายความของบอสพอลได้ส่งทีมทนายความมาขอคัดค้านการประกันตัวของ น.ส.กฤษอนงค์ โดยสาเหตุที่ขอคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากพฤติกรรมของ น.ส.กฤษอนงค์ไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน เพราะก่อนหน้าที่จะมีการจับกุมประมาณ 1 สัปดาห์ ตัวของ น.ส.กฤษอนงค์ได้มีการเปิดเผยพยานทางฝั่งดิไอคอนผ่านทางเฟซบุ๊ก ทำให้เกรงว่าถ้าได้ประกันตัวไปจะไปยุ่งเหยิงกับพยานอีก และยังพบพฤติกรรมว่า น.ส.กฤษอนงค์ยังมีการเปิดหน้าพยานในไลน์โอเพนแชตของเธอ มีการโพสต์การพูดคุกคามพอสมควร ซึ่งทีมทนายความได้เก็บหลักฐานไว้ทั้งหมดแล้ว

ต่อมาในช่วงบ่ายมีรายงานว่า ทนายความของ น.ส.กฤษอนงค์ได้เข้าพบพูดคุยปรึกษากฎหมาย แล้วเห็นควรว่ายังจะไม่ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวในวันนี้ ซึ่งเมื่อครบกำหนดเวลา 16.30 น.ซึ่งเป็นเวลาราชการแล้ว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะนำตัว น.ส.กฤษอนงค์ ผู้ต้องหาไปควบคุมในทัณฑสถานหญิงกลางระหว่างฝากขังต่อไป

ด้าน พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ในคลิปเสียงดังกล่าวนี้มีบุคคลที่ดีเอสไอจะต้องเข้าไปสอบปากคำภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ คือบอสพอล โดยจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด ซึ่งถ้าหากบอสพอลให้ข้อมูลอย่างไรเกี่ยวกับคลิปเสียง ดีเอสไอก็จะได้นำข้อมูลการให้ปากคำมาใช้สอบถามกับ น.ส.กฤษอนงค์ด้วยเช่นกัน เนื่องจากต้องถาม น.ส.กฤษอนงค์ว่า กรณีดังกล่าวเจ้าตัวได้เข้ามาพบเจ้าหน้าที่ด้วยตัวเองหรือไม่ หรือได้ให้ตัวกลางบุคคลใดมาแทนหรือไม่

"ดีเอสไอต้องเน้นไปที่พยานหลักฐานว่า หากมีการจ่ายเงินจริง จ่ายด้วยวิธีการใด อย่างไรก็ตามตนจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ถ้าพบหลักฐานที่ยืนยันได้ว่ามีเจ้าหน้าที่รายใดกระทำผิดจริง ก็จะต้องดำเนินคดีทั้งทางวินัยและอาญา" พ.ต.ต.ยุทธนากล่าว

พ.ต.ต.ยุทธนากล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการฝากขังบรรดา 18 บอสดิไอคอน ขณะนี้เข้าสู่การเตรียมยื่นฝากขังต่อศาลอาญาผัดที่ 4 ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะเป็นผู้ดำเนินการยื่นคำร้องฝากขังต่อศาลอาญา อีกทั้งตามกรอบเวลาการฝากขังในคดีฉ้อโกงประชาชนสามารถดำเนินการได้ถึง 7 ฝาก พร้อมยืนยันว่าพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัวเหมือนเดิม เพราะยังไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลง

พ.ต.ต.ยุทธนากล่าวด้วยว่า ได้ให้นโยบายแก่คณะพนักงานสอบสวนให้ดำเนินการสอบสวนปากคำบรรดาผู้ต้องหาดิไอคอน ที่ยังมีประเด็นสงสัยเพื่อนำเข้าประกอบในสำนวนคดี อีกทั้งในการประชุมทุกวันศุกร์ของสัปดาห์ เกิดขึ้นเพื่อให้คณะพนักงานสอบสวนได้รายงานความคืบหน้าตามสิ่งที่ได้รับมอบหมายงานไป รวมถึงการจัดเตรียมเรียบเรียงเอกสารและการสอบปากคำพยาน เนื่องจากพยานเอกสารตอนนี้มีกว่า 200,000 แผ่น จึงต้องทำทุกนาทีให้มีค่า

ขีดเส้น 10 วันคดี 'ฟิล์ม-เจ๊พัช'

วันเดียวกัน ที่กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. และ พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าประชุมติดตามหารือ 6 เรื่อง โดย พล.ต.ต.จรูญเกียรติเปิดเผยว่า วันนี้มีการประชุม 6 เรื่อง ประกอบด้วยเรื่องของ น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ 4 เรื่อง มีเรื่องการเรียกรับ 300,000 บาท กับ 450,000 บาท จนถูกออกหมายจับไปแล้ว, เรื่องที่ 2 เป็นเรื่องของนายภูดิท กำเนิดพลอย หรือหนุ่ม กรรชัย ที่แจ้งความเรื่องหมิ่นประมาททั้งกับตัว น.ส.กฤษอนงค์ และนายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือฟิล์ม,

เรื่องที่ 3 เป็นเรื่องของ น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่แจ้งความเอาผิด น.ส.กฤษอนงค์ ในเรื่องหมิ่นประมาท และเรื่องที่ 4 เป็นเรื่องที่น.ส.กฤษอนงค์และฟิล์ม รัฐภูมิ มีการเรียกรับเงินจากนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล กับ น.ส.ปัญจรัศม์  กนกรักษ์ธนพร หรือบอสปัน จำนวนเงิน 20 ล้าน ซึ่งในคดีนี้ผู้เสียหายจะมอบอำนาจให้ทนายความเดินทางมาแจ้งความในวันพรุ่งนี้

เรื่องที่ 5 เป็นเรื่องของนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ  หรือเอก สายไหมต้องรอด ในเรื่องนี้มีความคืบหน้าไปแล้วประมาณ 80-90% ถ้าไม่ติดปัญหาอะไรจะมีความชัดเจนภายในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ขอให้พนักงานสอบสวนเป็นผู้พิจารณาทุกอย่าง ส่วนตัวพยานจะโดนด้วยหรือไม่ และจะเข้าข่ายในเรื่องอะไรบ้างนั้นก็ให้พนักงานสอบสวนเป็นผู้พิจารณา อย่างไรก็ตามจะต้องมีการหารือร่วมกับ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก.ก่อนว่าเนื้อหาในสำนวนมีอะไรขาดตกบกพร่องหรือไม่ แต่ยืนยันว่าจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างแน่นอน เนื่องจากสร้างความตื่นตระหนกให้แก่สังคม

 “เรื่องที่ 6 เรื่องของนาย ส. ซึ่งได้ข้อมูลใหม่ เป็นการโอนเงินจากบัญชีแม่ของนาย ส.ไปถึงตัวของนาย ส.กว่า 10 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 64-67 ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ซึ่งถ้าไม่มีผู้ร้องทุกข์แจ้งความก็อาจจะดำเนินการได้ในฐานะที่นาย ส.เป็นเจ้าหน้าที่รัฐในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ก็จะเข้าข่ายความผิดคดีอาญาทุจริต อย่างไรก็ตามจะต้องมีการนำไทม์ไลน์ของการโอนเงิน และระยะเวลาในการรับตำแหน่งมาตรวจสอบอีกครั้ง จึงต้องขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำงานในส่วนนี้ หากผลสรุปแล้วไม่สามารถดำเนินคดีได้ ก็จะเขียนเป็นรายงานสืบสวนส่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินคดีข้อหาฟอกเงิน” พล.ต.ต.จรูญเกียรติระบุ

ด้าน พ.ต.อ.เอนกกล่าวว่า ในส่วนคดีของฟิล์มกับ น.ส.กฤษอนงค์ กับเคสอื่นๆ ของ น.ส.กฤษอนงค์ ขอเวลาทำงาน 10 วัน เพราะต้องมีการเก็บพยานและสอบปากคำพยานและบุคคลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีกหลายปาก โดยในส่วนที่เป็นคดีของบอสดิไอคอนนั้น หากมีใบมอบอำนาจมาแจ้งความก็สามารถดำเนินการได้เลย โดยในส่วนนี้หากแจ้งความอาจจะเป็นในส่วนของนิติบุคคลในนามบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป ซึ่งต้องมาถอดคลิปเสียง แล้วก็ต้องมาพิจารณา หากพบว่าเป็นการหลอกให้โอนเงิน 20 ล้านบาท ก็จะเข้าข่ายข้อหาพยายามฉ้อโกง แต่หากพบว่ามีการพูดข่มขู่ก็จะเข้าข่ายข้อหากรรโชกทรัพย์ ส่วนจะเป็นหมายเรียกหรือหมายจับต้องอยู่ในดุลพินิจการพิจารณากันอีกครั้ง

แห่ร้องแชร์ลูกโซ่สูญพันล้าน

วันเดียวกัน นายจิราวัจน์ ขวัญแจ่ม อายุ 50 ปี และนางสมหญิง รีฟวส์ อายุ 54 ปี พร้อมอดีตตัวแทนจำหน่ายของบริษัทดิไอคอนกรุ๊ปกว่า 40 คน เดินทางเข้าร้องขอต่อ พ.ต.ท.ราเชน แสงหมี รอง ผกก.(สอบสวน) กก.1 บก.ปคบ.ให้ปลดอายัดบัญชี เนื่องจากทุกคนได้รับความเดือดร้อนไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายเกรียงไกรมาศ  พจนสุนทร หรือเคนโค้ พาตัวแทนผู้เสียหาย 20 คนเข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อให้ดำเนินการเร่งรัดติดตามคดีแชร์ลูกโซ่หลอกลงทุนอสังหาริมทรัพย์ โดยพบมีผู้เสียหายทั่วประเทศกว่า 8,000 คน เสียหายกว่า 1,000 ล้านบาท พบมีความเชื่อมโยงกับนักร้องเรียนหญิงคนดังอักษรย่อ ก. โดยมีผู้เสียหายบางรายเครียดจนล้มป่วยเสียชีวิตเพราะหาทางออกไม่ได้ โดยมี พ.ต.อ.ชัยพร ออฟูวงศ์ รอง ผบก.ผก.(แผนงานกิจการพิเศษ) นายตำรวจเวรอำนวยการ เป็นตัวแทนรับหนังสือร้องเรียน

นายเกรียงไกรมาศเปิดเผยว่า อยากให้บริษัทแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ ที่ชื่อขึ้นต้นด้วย “สยาม.." ออกมาชี้แจง เพราะความเสียหายทะลุ 1,000 ล้านบาท ผู้เสียหายลงทุนตั้งแต่หลักแสนไปจนถึงหลักสิบล้าน บางคนสิ้นเนื้อประดาตัวต้องฆ่าตัวตาย วันนี้เหล่าผู้เสียหายร่วมจุดธูป 1 ดอก แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิตด้วย

นายเกรียงไกรมาศระบุว่า สาเหตุที่คนหลงเชื่อเป็นจำนวนมาก เพราะบริษัทดังกล่าวแอบอ้างว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังรายใหญ่ถือหุ้นในบริษัท ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและมีการโอนเงินลงทุนจำนวนมาก จึงอยากให้บริษัทใหญ่ออกมาฟ้องบริษัทที่แอบอ้างด้วย นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมให้ผู้เสียหายนำโฉนดที่ดินและบ้านไปฝากเพื่อทำกำไร แต่ผลสุดท้ายก็ไม่ได้รับเงิน และบ้านก็ถูกยึดและนำไปขายทอดตกไปในอยู่มือบุคคลอื่น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้เสียหายระบุด้วยว่ายังพบว่าบริษัทแชร์ลูกโซ่รายนี้ หากวงใกล้จะแตกก็จะไปเปิดบริษัทใหม่ ซึ่งมีการเปิดมาแล้ว 4 บริษัท และทุกครั้งผู้เสียหายจะไปแจ้งความ ก็อ้างว่าจะเยียวยาให้แต่สุดก็เงียบไป และผู้เสียหายบางส่วนไปแจ้งความยังพื้นที่ แต่ตำรวจไม่รับแจ้งความเพราะไม่ใช่คดีใหญ่และอยู่ในกระแส หรือให้ผู้เสียหายแจ้งความออนไลน์ แต่เนื่องจากผู้เสียหายส่วนใหญ่อายุเยอะและแจ้งความออนไลน์ไม่เป็น จึงอยากให้ตำรวจรับแจ้งความไว้ก่อน เพราะผู้เสียหายกระจายอยู่หลายจังหวัดทั่วประเทศ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กดดันรางวัลเยอะ ‘แพทองธาร’ ดีใจนึกว่ามีแต่คนต่อว่าในโซเชียลมา 3 เดือน!

"อิ๊งค์" กดดันหนัก! บริหารประเทศ 3 เดือนได้รางวัลเพียบ ดีใจโพลสำรวจ ปชช.ให้เบอร์ 1 “นักการเมืองแห่งปี” นึกว่ามีแต่คนต่อว่าในโซเชียล "หมอวรงค์" เฉ่งยับ!